“สุริยะใส” แฉแหลก “หมัก” ส่งซิกใช้ความรุนแรง แฉโยงใย “ระบอบแม้ว” ส่ง “กุ๊ย” ไล่ทำร้าย “พันธมิตรฯ อุดรฯ” ชี้ชัดเป็นต้นเหตุให้เกิดสถานการณ์รุนแรงลุกลามไปทั่วทุกพื้นที่จนกลายเป็น “สงครามประชาชน” กร้าวอาทิตย์หน้าเตรียม “วีดีโอ” บุกแจ้งความดำเนินคดีกับ “อำนาจเถื่อน” แน่นอน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 00.05 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ รุมทำร้ายประชาชนที่มาร่วมชุมนุมใน จ.อุดรฯ ว่า ถึงแม้ว่าเราจะป้องกันความรุนแรงแล้วก็ตาม แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ โดยเหตุการณ์ที่ จ.อุดรธานี นั้น ได้มีกลุ่มคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลุกปั่นให้มีการทำร้ายเราอย่างชัดแจ้ง โดยก่อนหน้านี้ได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชน และใบปลิว เพื่อปลุกระดมให้มีการล้มเวทีพันธมิตรฯ ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์รุนแรงกลางวันแสกๆ ต่างๆ ฝ่ายต่างก็ต้องหนีเอาตัวรอด แต่สิ่งที่แกนนำในขณะนั้นทำได้คือ เช็คข้อมูลว่าฝ่ายเราบาดเจ็บ หรือล้มตายบ้างหรือไม่
“ในขณะที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น พี่ศรัณยู ซึ่งขึ้นเวทีร้องเพลงอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน เพื่อสร้างความครื้นเครงให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยไม่รู้ว่ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นที่ จ.อุดรฯ แต่เมื่อกลับลงจากเวทีแล้ว พี่ศรัณยู ก็ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง เพื่อขอโทษผู้ชุมนุมที่แสดงอาการสนุกสนานในขณะที่พี่น้องพันธมิตรฯ อุดรฯ กำลังถูกรุมทำร้ายอยู่ ผมจึงขอคารวะในน้ำจิตน้ำใจของพี่ศรัณยู เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ต้องขอยืนยันว่า เหตุการณ์ที่ จ.อุดรฯ ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่บาดเจ็บทั้งสิ้น 12 ราย โดยมี 2 ราย อาการค่อนข้างหนัก แต่ขณะนี้ออกจากห้องไอซียูแล้ว อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ”นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ในฐานะที่เราต่อสู้ด้วยกันมา เราจึงทิ้งกันไม่ได้ และเราต้องช่วยเหลือกันอย่างสุดความสามารถ โดยพันธมิตรฯ จะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ เพราะในแง่มนุษยธรรมแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามที่บาดเจ็บ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้าม หากโดนทำร้าย เราจะไม่ยอมให้เขามาเจ็บตัวเพราะผลประโยชน์ของใครบางคน ส่วนความโกรธแค้น และอยากเอาคืนนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราควรจะเปลี่ยนความเกลียด ความชิงชัง ให้เป็นพลังแห่งความดีงาม โดยเราจะต้องไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ย่อท้อ และกระหายต่อชัยชนะที่จะมีขึ้นในอนาคต
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายๆ จังหวัดนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น ถือเป็นสงครามประชาชน ซึ่งกลายเป็นความรุนแรงที่เกิดจากนักออกแบบที่ถืออำนาจรัฐ และพวกมาเฟีย นั่นเป็นยุทธศาสตร์ของระบอบทักษิณ เพราะเราช่วงชิงพื้นที่ในภาคอีสานไปได้ไกลมาก ซึ่งสิ่งนั้นจะเป็นหอกทิ่มแทง และตบหน้าเขา โดยจะทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้า เขาอาจจะไม่สามารถกุมมวลชนได้ อีกทั้งการกระทำของพันธมิตรฯ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เรายอมไม่ได้ที่จะให้คนที่ไม่หวังดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาทำลายประเทศชาติ ที่สำคัญสถานการณ์ขณะนี้ถือว่าเข้มงวดเข้ามามาก ฉะนั้นเราต้องรู้เท่าทันกระบวนการของฝ่ายตรงข้าม ดังจะเห็นได้จากนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ระบุว่า เขากำลังจะถูกฆ่า ดังนั้นเขาต้องฆ่ากลับบ้าง นั่นถือเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรง
“ขณะนี้วิทยุชุมชนกว่า 70-80 สถานี เป็นเครือข่ายของนักการเมืองที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ระบอบทักษิณ จะใช้วิทยุชุมชนปลุกปั่นประชาชนให้ออกมาต่อต้านพันธมิตรฯ โดยก่อนหน้านี้ นายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจวิทยุชุมชน ก็นำคนกว่า 1,000 คน ไปปิดล้อมแกนนำพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรฯ นอกจากนี้ยังมีการใช้หัวคะแนน คือ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นหัวคะแนนของนักการเมืองในพื้นที่ โดยจะเห็นได้จากธนาคารคนจน ซึ่งชาวบ้านจะต้องพึ่งพิงกำนัน และผู้ใหญ่บ้านเหล่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจเมื่อเขาจะเรียกประชาชนกว่า 1,000 คน ในเวลาอันรวดเร็ว ให้ไปทำร้ายประชาชนอย่างเลือดเย็น”นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า บันทึกวีดีโอที่ จ.อุดรฯ เห็นได้ชัดเจนว่า มีคนใช้หนังสติ๊กยิงกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งมีผู้ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเลือดอาบ ก็ยังมีคนเข้าไปรุมทำร้ายซ้ำ แต่ตำรวจกลับนิ่งเฉย ไม่ยอมทำอะไร ถามว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น คำตอบก็คือ นั้นเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่พร้อมจะฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเขา ฉะนั้นจากนี้ไปเราต้องตั้งข้อกล่าวหาว่า มีการสมคบระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพื้นที่กับกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ เพราะเขาจะทำให้การดำเนินคดีแจ้งความไม่มีประโยชน์ ซึ่งนี่คือความอยุติธรรมที่เกิดจากอำนาจรัฐ โดยในอาทิตย์หน้า จะมีการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคนที่อยู่เบื้องหลัง และคนที่เข้าไปรุมทำร้ายประชาชนตามที่มีการบันทึกวีดีโอเอาไว้
“ถ้าใน 1 ถึง 2 เดือนนี้มีความวุ่นวายรุนแรงเกิดขึ้น นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังก็จะขอลี้ภัยทางการเมืองทันที โดยเขาจะอ้างว่า สถานการณ์ไม่ปลอดภัย หรืออาจจะอาศัยสถานการณ์ดังกล่าวทำการปฏิวัติด้วยการใช้กองกำลังทหารบางส่วน จับมือกับกองกำลังที่ไล่ทำร้ายประชาชน เพื่อทำการปฏิวัติก็เป็นไปได้ ดังนั้นเราอย่าไปประเมินเขาต่ำไป เพื่อที่เราจะได้กำหนดมาตรการที่เข้มข้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย และที่มองข้ามไม่ได้ คือ เขาอาจจะยกเอากรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกันตัว ไปสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น ซึ่งเราจะไม่ทิ้งพ่อแม่พี่น้องที่มาร่วมชุมนุมอย่างแน่นอน”ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวทิ้งท้ายว่า ดังนั้นขอให้พ่อแม่พี่น้องอย่าให้ความกลัวเข้ามาครอบงำความกล้า และก่อนจัดเวทีพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัด ถ้ายังไม่มั่นใจว่ามีคนมากน้อยเพียงใด ก็ขอให้เข้ามาร่วมชุมนุมที่ กทม. เพราะพวกเราชุมนุมกันทุกวัน และที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ขอให้พี่น้องสดุดีวีรกรรมให้กับพันธมิตรฯ อุกรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในขนาดนี้ ให้หายป่วยโดยเร็ว แล้วกลับมาร่วมชุมนุมด้วยกันอีกครั้ง ส่วนในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เราจะไปทวงคืน ปตท.ให้กลับคืนสู่ประชาชน โดยในเวลา 9.00 น. เราจะไปรวมตัวกันที่หน้าสถานีรถไฟบีทีเอส หมอชิต เพื่อเคลื่อนขบวนไปยัง ปตท.สำนักงานใหญ่ บริเวณถนนวิภาวดี เพื่อให้ทันกำหนดการชุมนุมใหญ่ในเวลา 10.00 น. จึงขอให้ไปร่วมกันแสดงพลังอันบริสุทธิ์ เพื่อทวงคืน ปตท.ให้กลับคืนสู่ประชาชน