ASTVผู้จัดการรายวัน–ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไทยโผล่พรวดทีเดียว 2 ราย สธ.ระบุติดเชื้อมาจากเม็กซิโก รักษาหายขาดแล้ว ส่วนญาติ-คนใกล้ชิด 8 รายไม่มีปัญหา“วิทยา”ปฏิเสธลั่นไม่ได้ปกปิดข้อมูล ไม่ยอมเปิดเผยเที่ยวบิน แต่สั่งเช็คผู้โดยสารรอบข้าง ให้ทุกจังหวัดเปิดวอร์รูมรับมือ WHO เผยไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่พบผู้ป่วย ระบุมีผลต่อการเพิ่มระดับเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับ 6 ขณะนี้พบเหยื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วใน 33 ประเทศจำนวนผู้เชื้อเชื้อทั่วโลกมี 5,251 ราย และมีผู้เสียชีวิต 61 ราย
วานนี้ (12 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จ.นนทบุรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ พร้อมด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และผู้แทนจากศูนย์ควบคุมป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา แถลงข่าวผลการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1
แถลงพบ2รายติดหวัดมรณะ
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ.กล่าวว่า สธ.ได้ประกาศขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ในประเทศไทยจำนวน 2 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ โดยรายแรกติดเชื้อจากประเทศเม็กซิโก สธ.ขึ้นทะเบียนสงสัยเป็นผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ผู้ป่วยเริ่มมีไข้เมื่อเดินทางถึงไทยแต่มีอาการไม่รุนแรง แพทย์ได้นำตัวไปรักษาในห้องแยกปลอดเชื้อ ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสครบชุด จากนั้นได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจยืนยันที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา และได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 จริง จึงนับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายแรกที่พบในไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ป่วยหายเป็นปกติแล้ว โดยไม่มีเชื้อในร่างกาย มีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อผู้อื่น สามารถทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ
ส่วนรายที่2 เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากเม็กซิโกเช่นเดียวกัน เริ่มมีไข้หลังจากกลับถึงประเทศไทยแล้ว3 วันมีอาการเล็กน้อย ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสครบชุด ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลังกินยา แสดงว่าไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว และมีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อผู้อื่น
ทั้งนี้ สธ.ได้ส่งทีมสอบสวนควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็ว ติดตามผู้ที่มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายแรกจำนวน 3 คนและผู้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 2 จำนวน 5 คน ได้ให้กินยาต้านไวรัสทุกคน และเฝ้าติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง 7 วัน ขณะนี้ครบกำหนดแล้ว ทุกคนเป็นปกติ ไม่มีอาการป่วย จึงขอให้คนไทยมั่นใจได้ในมาตรการควบคุมการแพร่ระกระจายเชื้อที่เคร่งครัดของ สธ. และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศไทย โดย สธ.ได้รายงานให้องค์การอนามัยโลกที่เจนีวา และสมาชิกอาเซียน 12 ประเทศทราบ
ปฏิเสธลั่นไม่ได้ปกปิดข้อมูล
สำหรับบรรยากาศในการแถลงข่าว มีนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ พยายามซักถามประเด็นข้อสงสัย และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้ง 2 ราย เช่น เป็นเพศใด และมีอายุเท่าไหร่ รวมถึงเดินทางกลับมาจากสายการบินใด ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการรายงานว่ามีผู้ป่วยเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ สธ.ส่งเชื้อตรวจยืนยันศูนย์ป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) โดยไม่มีข้อมูลรายงานว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัยรายที่ 2 แต่อย่างใด จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีการปิดปังข้อมูลหรือไม่ เพราะไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการถามย้ำหลายครั้งจนพล.ต.สนั่น ซึ่งเป็นประธานในการแถลงข่าวบอกให้ยุติการแถลงข่าวและแยกย้ายกันเดินทางกลับไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปสัมภาษณ์นายวิทยา ก่อนเดินทางออกจากสธ.ว่า เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงให้ข้อมูลว่ามีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 เพียง 1 ราย แต่กลับพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวถึง 2 ราย นายวิทยา ตอบว่า เข้าใจว่ามีการตั้งข้อสงสัยผลตรวจของผู้ป่วยทั้ง 2 รายไล่เลี่ยกัน โดยทราบผลไม่เป็นทางการก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 วันแล้ว โดยได้ส่งเชื้อไปตรวจยืนยันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ราย แต่อีกรายไม่ต้องส่งเชื้อไปตรวจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีเชื้อต้นแบบแล้วสามารถตรวจยืนยันภายในประเทศได้
"อาจเป็นความบกพร่องของผมเอง ที่พูดจำนวนผู้ต้องสงสัยไม่ครบ แต่ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ปกปิดข้อมูล สธ.พยายามเปิดเผยข้อมูลอย่างถึงที่สุดแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ สธ.จะปกปิดข้อมูลเพื่อให้ใครเจ็บป่วยมากขึ้น” นายวิทยากล่าว
ไม่เปิดเผยเที่ยวบินแต่สั่งเช็คผู้โดยสาร
ต่อข้อถามว่าผลการตรวจเชื้อจากห้องปฏิบัติการของผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังทั้งหมดก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา กระทรวงฯ ยังยืนยันตามนี้ใช่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่ารายอื่นๆ ที่ สธ.อนุญาตให้กลับบ้านเป็นไข้หวัดธรรมดาหมด มีเพียง 2 รายนี้เท่านั้นที่ต้องสงสัย
ส่วนจะมีโอกาสหรือไม่ที่ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ไม่มีใครระวังได้ทั้งหมด แต่ สธ.จะใช้มาตรการถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องยากกว่าไข้หวัดนก เพราะถ้าเป็นไข้หวัดนกสามารถจับฆ่าหมดทั้งเล้าได้ แต่ไข้หวัดคน ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ต่อข้อถามที่ว่า การที่ สธ.ปกปิดเที่ยวบินที่ผู้ป่วยเดินทางกลับมาจะส่งผลต่อการระมัดระวังตัวหรือการป้องกันโรคของผู้โดยสารคนอื่นที่เดินทางกลับมาในเที่ยวบินเดียวกันหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของกรมควบคุมโรคที่จะต้องดูแลในเรื่องนี้ และได้สั่งการเป็นเบื้องต้นว่าต้องเช็คผู้โดยสารที่มีที่นั่งอยู่ด้านหน้าผู้ป่วยรัศมี 2 ที่นั่ง และด้านหลังรัศมี 2 ที่นั่ง ในสายการบินที่มีผู้ป่วยต้องสงสัยแล้ว
2 ผู้ป่วยอาการน้อยกว่าหวัดปกติ
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยทั้ง 2 รายได้เดินทางกลับจากเม็กซิโกถึงไทยคนละเที่ยวบินกัน แต่เมื่อผ่านเครื่องเทอร์โมสแกน อุณหภูมิสูงไม่เกิน 36 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อมีอาการไข้ภายหลังได้เดินทางมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา โดยแพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์รักษาจนครบชุด คือ ทานยาติดต่อ 5 วัน และได้สุ่มตรวจเชื้อเป็นระยะๆจนไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 และได้เฝ้าระวังที่บ้านอีก 2 วัน รวมเฝ้าระวังทั้งสิ้น 7 วัน รวมทั้ง ผู้ใกล้ชิดอีก 3 ราย แพทย์ได้ให้การรักษาเช่นเดียวกัน จนปัจจุบันทั้งหมดหายดีแล้ว ไม่มีไข้ อย่างไรก็ตาม สธ.ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ต้องสงสัยในวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ทำการรักษาและหายดีแล้ว
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 2 มีอาการไข้หลังกลับจากเม็กซิโกประมาณ 3 วัน จึงได้มาพบแพทย์ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัส และส่งเชื้อตรวจสอบกับห้องปฏิบัติการภายในประเทศไทย จนกระทั่งได้รับผลการตรวจเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของผู้ป่วยไทยรายแรกจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงสามารถยืนยันและขึ้นทะเบียนผู้ป่วยรายที่ 2 ได้ในวานนี้ (12 พ.ค.) ซึ่งทั้ง 2 ราย ผลตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการออกภายหลังจากที่แพทย์ให้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์ไปแล้ว
“ ขณะนี้เริ่มพบว่า ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มีอาการน้อยมาก อาจจะน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาลด้วยซ้ำ เช่น ผู้ป่วยของไทยทั้ง 2 ราย พบว่ามีอาการน้อยมากคือมีเพียงไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ แต่ไม่มีอาการรุนแรง เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาเจียน ท้องเสีย จึงไม่อยากสร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน และขอให้มั่นใจว่าแพทย์สามารถควบคุมดูแลได้” นพ.คำนวณกล่าว
สั่งทุกจังหวัดเปิดวอร์รูม
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.กล่าวว่า สธ.ได้สั่งการผู้ตรวจราชการสาธารณสุข 19 เขตดำเนินการใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.ให้ทุกจังหวัดตั้งจุดตรวจคัดกรองที่สถานบริการทุกระดับอย่างเร่งด่วน ให้ซักประวัติผู้ป่วยทุกราย โดยเฉพาะประวัติการเดินทางมาจากต่างประเทศ 2.ซักซ้อมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งมีกว่า 1,033 ทีมให้เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีผู้ป่วยรายสงสัยทันที 3.ให้ความรู้ อสม. เพื่อแจ้งเตือนประชาชนทุกหมู่บ้านชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทุกราย ให้สังเกตอาการเจ็บป่วยตนเอง หากมีอาการป่วยให้ส่งตรวจคัดกรองอาการทันที และ 4.ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เปิดศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่หรือวอร์รูม และประชุมประเมินสถานการณ์ทุกวันอย่างต่อเนื่อง
ด้านนพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า มาตรการของไทยที่ใช้ในการควบคุมป้องกันโรคครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมาก เพราะสามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดไปสู่บุคคลอื่นได้ และยังสามารถรักษาอาการป่วยให้หายได้ด้วยวิธีการตามมาตรฐานสากลคือ การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ในระยะเวลาที่เหมาะสมทันท่วงที ซึ่งตรงกับหลักการของการควบคุมโรคของไทยคือ พบผู้ป่วยได้แต่ต้องไม่ให้มีการะแพร่เชื้อหรือระบาดไปสู่คนอื่น และ ต้องทำการรักษาไม่ให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
WHOประกาศไทยติดเชื้อประเทศที่ 31
พญ.มัวรีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้รับข้อมูลผู้ป่วยจากสธ.ไทยจำนวน 2 รายอย่างทันท่วงทีตามหลักเกณฑ์อนามัยโลก โดยได้รับแจ้งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่าได้จัดให้ไทยเป็นที่มีผู้ป่วยเป็นประเทศที่ 31 โดยผู้ป่วยรับได้เชื้อจากการเดินทาง
“การพบการติดเชื้อจากการเดินทางมายังไทย ถือเป็นปัจจัยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์การอนามัยโลกจะนำไปพิจารณายกระดับความรุนแรงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากระดับ 5 เป็นระดับ 6 เพราะประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พบผู้ป่วย” พญ.มัวรีนกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญหวั่นกลายพันธุ์
วันเดียวกัน ม.มหิดลได้จัดให้มีเวทีศาลายาเสวนา ครั้งที่1 เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดย ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.มหิดล กล่าวว่า ขณะนี้มีสองทิศทางที่ไวรัสเปลี่ยนแปลงได้ หากเป็นในส่วนไม่รุนแรงก็จะกระจายแพร่ไปได้ง่าย แต่หากไวรัสรุนแรงการกระจายเป็นได้ยากเพราะมีการควบคุมกักตัวผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังในเรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่จะจับกับไข้หวัดในมนุษย์แล้วเกิดการกลายพันธุ์ เพราะไม่มีใครทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ด้าน นพ.ยง ภู่วรวรรณ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไวรัสดังกล่าวเป็นลูกผสมจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไป โดยจากการสำรวจในฟาร์มเลี้ยงหมู โดยที่พบไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรที่มีตามปกติ ไม่พบว่ามีสายพันธุ์ใหม่ในการสำรวจเชื้อไวรัสนี้สามารถติดจากคนสู่คน และคนติดสู่สัตว์ก็มีพบที่แคนาดาที่คนเลี้ยงติดเชื้อแล้วติดสู่หมูที่เลี้ยงไว้ แต่อาการของหมูมีไม่มาก
" เราต้องชั่งใจว่าไวรัสนี้รุนแรงถึงขั้นระบาดใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่ก็ต้องพิจารณาว่าเราจะต้องนำไข่เพื่อการผลิตวัคซีนเข้าจากต่างประเทศ เพราะโรงงานผลิตวัคซีนของเราเพิ่งเริ่มดำเนินการ จึงไม่สามารถรองรับได้" นพ.ยงกล่าว
แจ้ง อสม.ทั่วประเทศช่วยสกัด
วันเดียวกัน นายวิทยา พร้อมด้วย นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนักวิชาการควบคุมโรค ออกอากาศทีวีออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ชี้แจงสร้างความเข้าใจการดำเนินการเตรียมความพร้อมในการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดกับอสม.จำนวนกว่า 930,000 คนทั่วประเทศ เพื่อให้ อสม.นำข้อมูลความรู้ ไปสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ความรับผิดชอบ เพื่อผลในการเฝ้าระวังผู้ป่วยในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สพฐ.ออกหนังสือถึงทุกร.ร.ให้ระวัง
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่าวานนี้ (12 พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกหนังสือราชการระบุแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการเฝ้าระวังโรคนี้ส่งกระจายไปทุกโรงเรียน ผ่านระบบ อีออฟฟิศออนไลน์ไปยังโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่งทันที โดยกำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู สังเกตอาการนักเรียนที่มีอาการไข้ ไอ จาม หรือเป็นหวัด ให้แยกออกจากนักเรียนคนอื่น และปลูกฝังสุขอนามัยที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังประสานให้โรงเรียนเฝ้าระวังนักเรียนที่เดินทางไปทัศนศึกษายังต่างประเทศ เมื่อเดินทางกลับจากต่างประเทศให้โรงเรียนแจ้งผู้ปกครองทราบว่าให้นักเรียนอยู่บ้านไม่ต้องมาโรงเรียนระยะหนึ่ง หากไม่มีอาการผิดปกติค่อยมาโรงเรียน ถ้าพบว่ามีอาการป่วยเป็นไข้หวัดให้ไปพบแพทย์
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ส่งผู้แทนมาร่วมประชุมกับกระทรวงสาธารณสุข วันที่ 15 พ.ค.นี้ เพื่อเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และโรคอื่นๆ อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน เช่น โรคไข้เลือดออก เป็นต้น
กทม. เรียก435 ผอ.ซ้อมรับมือ
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงมาตรการการรับมือการแพร่ระบาดในช่วงของการเปิดเรียนในภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษา 2552 ในโรงเรียนสังกัดกทม. ว่า ในวันที่ 15 พ.ค.นี้สำนักการศึกษาจะประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดให้กับคณะผู้บริหารของโรงเรียนในสังกัดกทม. ทั้ง 435 โรง ที่ รร.อินทรา
ทั้งนี้ เบื้องต้นในวันเปิดเรียนวันแรกนั้นจะให้ครูเร่งสำรวจว่ามีนักเรียนในสังกัดคนใดที่เดินทางไปต่างประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมาบ้าง หากพบก็ให้รายงานมายังหน่วยงานของกทม.ที่เฝ้าระวังทันที และให้เฝ้าสังเกตอาการของนักเรียนคนดังกล่าวด้วย และหากในการเปิดเรียนนั้นพบว่ามีจำนวนนักเรียนขาด หรือ ลาป่วยอย่างผิดปกติ คือ ร้อยละ 10 ของนักเรียนทั้งหมดก็ให้รีบรายงานมายังตนทันที
นอกจากนั้นแล้วกทม. ยังได้จัดทำป้ายคัตเอาท์เพื่อแนะถึงวิธีการปฏิบัติตนและป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ด้วย ทั้งนี้จะนำไปติดไว้ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต โรงเรียนสังกัดกทม. ทั้ง 435 โรง และหน่วยงานอื่นๆ ของกทม. ทั้งนี้หากประชาชนในพื้นที่พบว่ามีเพื่อนบ้าน หรือ ญาติใกล้เคียงป่วยเป็นไข้หวัดให้แจ้งผ่านมายังสายด่วน 1555
“มาร์ค” ยัน 2 คนไทยหายแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 2 คนว่า ทั้ง 2 คนขณะนี้อยู่ในระยะที่เรียกว่าหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า การที่มีคนเดินทางมาจากทั่วโลกและขณะนี้มีหลายสิบประเทศที่มีคนติดเชื้ออยู่เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ที่สธ.ต้องการทำเป็นพิเศษคือ ในช่วงเปิดเทอมอาจจะมีหลายสถาบันการศึกษาที่เด็กนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งอาจเพิ่งเดินทางไปต่างประเทศและกลับมา จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามว่า ในช่วงระยะเวลาอันใกล้ นักยกน้ำหนักของเม็กซิโกจะเดินทางเข้าประเทศไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้คุยกับกรรมการที่มีส่วนร่วมในการจัดงาน ซึ่งได้ประสานกับ สธ.ไว้เรียบร้อยถึงแนวปฏิบัติที่จะทำ โดยองค์การอนามัยโลกไม่ได้แนะนำให้ยกเลิก หรือจำกัดการเดินทาง
ออกประกาศคำแนะนำฉบับที่ 5
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ. กล่าวว่า สธ.ได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชน เรื่องการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น1 ฉบับที่ 5 โดยมีคำแนะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.ในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน ควรแนะนำไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
2.กลุ่มโรงเรียนและสถานศึกษา เมื่อเปิดภาคเรียน ควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตอาการป่วยของนักเรียน ดูแลนักเรียนที่ป่วยอย่างถูกวิธี สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน จัดสิ่งแวดล้อมและอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการป้องกันโรคในโรงเรียน ตามแนวทางที่ สธ.แนะนำ
3.กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข ขอให้เฝ้าระวัง สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ หากพบผู้ที่มาอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ภายใน 7 วัน และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำ เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคตามแนวทางของสธ.
วานนี้ (12 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จ.นนทบุรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ พร้อมด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และผู้แทนจากศูนย์ควบคุมป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา แถลงข่าวผลการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1
แถลงพบ2รายติดหวัดมรณะ
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ.กล่าวว่า สธ.ได้ประกาศขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ในประเทศไทยจำนวน 2 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ โดยรายแรกติดเชื้อจากประเทศเม็กซิโก สธ.ขึ้นทะเบียนสงสัยเป็นผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ผู้ป่วยเริ่มมีไข้เมื่อเดินทางถึงไทยแต่มีอาการไม่รุนแรง แพทย์ได้นำตัวไปรักษาในห้องแยกปลอดเชื้อ ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสครบชุด จากนั้นได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจยืนยันที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา และได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 จริง จึงนับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายแรกที่พบในไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ป่วยหายเป็นปกติแล้ว โดยไม่มีเชื้อในร่างกาย มีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อผู้อื่น สามารถทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ
ส่วนรายที่2 เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากเม็กซิโกเช่นเดียวกัน เริ่มมีไข้หลังจากกลับถึงประเทศไทยแล้ว3 วันมีอาการเล็กน้อย ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสครบชุด ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลังกินยา แสดงว่าไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว และมีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อผู้อื่น
ทั้งนี้ สธ.ได้ส่งทีมสอบสวนควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็ว ติดตามผู้ที่มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายแรกจำนวน 3 คนและผู้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 2 จำนวน 5 คน ได้ให้กินยาต้านไวรัสทุกคน และเฝ้าติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง 7 วัน ขณะนี้ครบกำหนดแล้ว ทุกคนเป็นปกติ ไม่มีอาการป่วย จึงขอให้คนไทยมั่นใจได้ในมาตรการควบคุมการแพร่ระกระจายเชื้อที่เคร่งครัดของ สธ. และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศไทย โดย สธ.ได้รายงานให้องค์การอนามัยโลกที่เจนีวา และสมาชิกอาเซียน 12 ประเทศทราบ
ปฏิเสธลั่นไม่ได้ปกปิดข้อมูล
สำหรับบรรยากาศในการแถลงข่าว มีนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ พยายามซักถามประเด็นข้อสงสัย และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้ง 2 ราย เช่น เป็นเพศใด และมีอายุเท่าไหร่ รวมถึงเดินทางกลับมาจากสายการบินใด ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการรายงานว่ามีผู้ป่วยเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ สธ.ส่งเชื้อตรวจยืนยันศูนย์ป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) โดยไม่มีข้อมูลรายงานว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัยรายที่ 2 แต่อย่างใด จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีการปิดปังข้อมูลหรือไม่ เพราะไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการถามย้ำหลายครั้งจนพล.ต.สนั่น ซึ่งเป็นประธานในการแถลงข่าวบอกให้ยุติการแถลงข่าวและแยกย้ายกันเดินทางกลับไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปสัมภาษณ์นายวิทยา ก่อนเดินทางออกจากสธ.ว่า เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงให้ข้อมูลว่ามีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 เพียง 1 ราย แต่กลับพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวถึง 2 ราย นายวิทยา ตอบว่า เข้าใจว่ามีการตั้งข้อสงสัยผลตรวจของผู้ป่วยทั้ง 2 รายไล่เลี่ยกัน โดยทราบผลไม่เป็นทางการก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 วันแล้ว โดยได้ส่งเชื้อไปตรวจยืนยันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ราย แต่อีกรายไม่ต้องส่งเชื้อไปตรวจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีเชื้อต้นแบบแล้วสามารถตรวจยืนยันภายในประเทศได้
"อาจเป็นความบกพร่องของผมเอง ที่พูดจำนวนผู้ต้องสงสัยไม่ครบ แต่ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ปกปิดข้อมูล สธ.พยายามเปิดเผยข้อมูลอย่างถึงที่สุดแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ สธ.จะปกปิดข้อมูลเพื่อให้ใครเจ็บป่วยมากขึ้น” นายวิทยากล่าว
ไม่เปิดเผยเที่ยวบินแต่สั่งเช็คผู้โดยสาร
ต่อข้อถามว่าผลการตรวจเชื้อจากห้องปฏิบัติการของผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังทั้งหมดก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา กระทรวงฯ ยังยืนยันตามนี้ใช่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่ารายอื่นๆ ที่ สธ.อนุญาตให้กลับบ้านเป็นไข้หวัดธรรมดาหมด มีเพียง 2 รายนี้เท่านั้นที่ต้องสงสัย
ส่วนจะมีโอกาสหรือไม่ที่ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ไม่มีใครระวังได้ทั้งหมด แต่ สธ.จะใช้มาตรการถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องยากกว่าไข้หวัดนก เพราะถ้าเป็นไข้หวัดนกสามารถจับฆ่าหมดทั้งเล้าได้ แต่ไข้หวัดคน ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ต่อข้อถามที่ว่า การที่ สธ.ปกปิดเที่ยวบินที่ผู้ป่วยเดินทางกลับมาจะส่งผลต่อการระมัดระวังตัวหรือการป้องกันโรคของผู้โดยสารคนอื่นที่เดินทางกลับมาในเที่ยวบินเดียวกันหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของกรมควบคุมโรคที่จะต้องดูแลในเรื่องนี้ และได้สั่งการเป็นเบื้องต้นว่าต้องเช็คผู้โดยสารที่มีที่นั่งอยู่ด้านหน้าผู้ป่วยรัศมี 2 ที่นั่ง และด้านหลังรัศมี 2 ที่นั่ง ในสายการบินที่มีผู้ป่วยต้องสงสัยแล้ว
2 ผู้ป่วยอาการน้อยกว่าหวัดปกติ
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยทั้ง 2 รายได้เดินทางกลับจากเม็กซิโกถึงไทยคนละเที่ยวบินกัน แต่เมื่อผ่านเครื่องเทอร์โมสแกน อุณหภูมิสูงไม่เกิน 36 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อมีอาการไข้ภายหลังได้เดินทางมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา โดยแพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์รักษาจนครบชุด คือ ทานยาติดต่อ 5 วัน และได้สุ่มตรวจเชื้อเป็นระยะๆจนไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 และได้เฝ้าระวังที่บ้านอีก 2 วัน รวมเฝ้าระวังทั้งสิ้น 7 วัน รวมทั้ง ผู้ใกล้ชิดอีก 3 ราย แพทย์ได้ให้การรักษาเช่นเดียวกัน จนปัจจุบันทั้งหมดหายดีแล้ว ไม่มีไข้ อย่างไรก็ตาม สธ.ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ต้องสงสัยในวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ทำการรักษาและหายดีแล้ว
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 2 มีอาการไข้หลังกลับจากเม็กซิโกประมาณ 3 วัน จึงได้มาพบแพทย์ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัส และส่งเชื้อตรวจสอบกับห้องปฏิบัติการภายในประเทศไทย จนกระทั่งได้รับผลการตรวจเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของผู้ป่วยไทยรายแรกจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงสามารถยืนยันและขึ้นทะเบียนผู้ป่วยรายที่ 2 ได้ในวานนี้ (12 พ.ค.) ซึ่งทั้ง 2 ราย ผลตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการออกภายหลังจากที่แพทย์ให้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์ไปแล้ว
“ ขณะนี้เริ่มพบว่า ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มีอาการน้อยมาก อาจจะน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาลด้วยซ้ำ เช่น ผู้ป่วยของไทยทั้ง 2 ราย พบว่ามีอาการน้อยมากคือมีเพียงไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ แต่ไม่มีอาการรุนแรง เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาเจียน ท้องเสีย จึงไม่อยากสร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน และขอให้มั่นใจว่าแพทย์สามารถควบคุมดูแลได้” นพ.คำนวณกล่าว
สั่งทุกจังหวัดเปิดวอร์รูม
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.กล่าวว่า สธ.ได้สั่งการผู้ตรวจราชการสาธารณสุข 19 เขตดำเนินการใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.ให้ทุกจังหวัดตั้งจุดตรวจคัดกรองที่สถานบริการทุกระดับอย่างเร่งด่วน ให้ซักประวัติผู้ป่วยทุกราย โดยเฉพาะประวัติการเดินทางมาจากต่างประเทศ 2.ซักซ้อมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งมีกว่า 1,033 ทีมให้เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีผู้ป่วยรายสงสัยทันที 3.ให้ความรู้ อสม. เพื่อแจ้งเตือนประชาชนทุกหมู่บ้านชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทุกราย ให้สังเกตอาการเจ็บป่วยตนเอง หากมีอาการป่วยให้ส่งตรวจคัดกรองอาการทันที และ 4.ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เปิดศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่หรือวอร์รูม และประชุมประเมินสถานการณ์ทุกวันอย่างต่อเนื่อง
ด้านนพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า มาตรการของไทยที่ใช้ในการควบคุมป้องกันโรคครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมาก เพราะสามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดไปสู่บุคคลอื่นได้ และยังสามารถรักษาอาการป่วยให้หายได้ด้วยวิธีการตามมาตรฐานสากลคือ การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ในระยะเวลาที่เหมาะสมทันท่วงที ซึ่งตรงกับหลักการของการควบคุมโรคของไทยคือ พบผู้ป่วยได้แต่ต้องไม่ให้มีการะแพร่เชื้อหรือระบาดไปสู่คนอื่น และ ต้องทำการรักษาไม่ให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
WHOประกาศไทยติดเชื้อประเทศที่ 31
พญ.มัวรีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้รับข้อมูลผู้ป่วยจากสธ.ไทยจำนวน 2 รายอย่างทันท่วงทีตามหลักเกณฑ์อนามัยโลก โดยได้รับแจ้งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่าได้จัดให้ไทยเป็นที่มีผู้ป่วยเป็นประเทศที่ 31 โดยผู้ป่วยรับได้เชื้อจากการเดินทาง
“การพบการติดเชื้อจากการเดินทางมายังไทย ถือเป็นปัจจัยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์การอนามัยโลกจะนำไปพิจารณายกระดับความรุนแรงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากระดับ 5 เป็นระดับ 6 เพราะประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พบผู้ป่วย” พญ.มัวรีนกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญหวั่นกลายพันธุ์
วันเดียวกัน ม.มหิดลได้จัดให้มีเวทีศาลายาเสวนา ครั้งที่1 เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดย ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.มหิดล กล่าวว่า ขณะนี้มีสองทิศทางที่ไวรัสเปลี่ยนแปลงได้ หากเป็นในส่วนไม่รุนแรงก็จะกระจายแพร่ไปได้ง่าย แต่หากไวรัสรุนแรงการกระจายเป็นได้ยากเพราะมีการควบคุมกักตัวผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังในเรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่จะจับกับไข้หวัดในมนุษย์แล้วเกิดการกลายพันธุ์ เพราะไม่มีใครทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ด้าน นพ.ยง ภู่วรวรรณ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไวรัสดังกล่าวเป็นลูกผสมจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไป โดยจากการสำรวจในฟาร์มเลี้ยงหมู โดยที่พบไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรที่มีตามปกติ ไม่พบว่ามีสายพันธุ์ใหม่ในการสำรวจเชื้อไวรัสนี้สามารถติดจากคนสู่คน และคนติดสู่สัตว์ก็มีพบที่แคนาดาที่คนเลี้ยงติดเชื้อแล้วติดสู่หมูที่เลี้ยงไว้ แต่อาการของหมูมีไม่มาก
" เราต้องชั่งใจว่าไวรัสนี้รุนแรงถึงขั้นระบาดใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่ก็ต้องพิจารณาว่าเราจะต้องนำไข่เพื่อการผลิตวัคซีนเข้าจากต่างประเทศ เพราะโรงงานผลิตวัคซีนของเราเพิ่งเริ่มดำเนินการ จึงไม่สามารถรองรับได้" นพ.ยงกล่าว
แจ้ง อสม.ทั่วประเทศช่วยสกัด
วันเดียวกัน นายวิทยา พร้อมด้วย นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนักวิชาการควบคุมโรค ออกอากาศทีวีออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ชี้แจงสร้างความเข้าใจการดำเนินการเตรียมความพร้อมในการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดกับอสม.จำนวนกว่า 930,000 คนทั่วประเทศ เพื่อให้ อสม.นำข้อมูลความรู้ ไปสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ความรับผิดชอบ เพื่อผลในการเฝ้าระวังผู้ป่วยในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สพฐ.ออกหนังสือถึงทุกร.ร.ให้ระวัง
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่าวานนี้ (12 พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกหนังสือราชการระบุแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการเฝ้าระวังโรคนี้ส่งกระจายไปทุกโรงเรียน ผ่านระบบ อีออฟฟิศออนไลน์ไปยังโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่งทันที โดยกำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู สังเกตอาการนักเรียนที่มีอาการไข้ ไอ จาม หรือเป็นหวัด ให้แยกออกจากนักเรียนคนอื่น และปลูกฝังสุขอนามัยที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังประสานให้โรงเรียนเฝ้าระวังนักเรียนที่เดินทางไปทัศนศึกษายังต่างประเทศ เมื่อเดินทางกลับจากต่างประเทศให้โรงเรียนแจ้งผู้ปกครองทราบว่าให้นักเรียนอยู่บ้านไม่ต้องมาโรงเรียนระยะหนึ่ง หากไม่มีอาการผิดปกติค่อยมาโรงเรียน ถ้าพบว่ามีอาการป่วยเป็นไข้หวัดให้ไปพบแพทย์
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ส่งผู้แทนมาร่วมประชุมกับกระทรวงสาธารณสุข วันที่ 15 พ.ค.นี้ เพื่อเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และโรคอื่นๆ อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน เช่น โรคไข้เลือดออก เป็นต้น
กทม. เรียก435 ผอ.ซ้อมรับมือ
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงมาตรการการรับมือการแพร่ระบาดในช่วงของการเปิดเรียนในภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษา 2552 ในโรงเรียนสังกัดกทม. ว่า ในวันที่ 15 พ.ค.นี้สำนักการศึกษาจะประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดให้กับคณะผู้บริหารของโรงเรียนในสังกัดกทม. ทั้ง 435 โรง ที่ รร.อินทรา
ทั้งนี้ เบื้องต้นในวันเปิดเรียนวันแรกนั้นจะให้ครูเร่งสำรวจว่ามีนักเรียนในสังกัดคนใดที่เดินทางไปต่างประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมาบ้าง หากพบก็ให้รายงานมายังหน่วยงานของกทม.ที่เฝ้าระวังทันที และให้เฝ้าสังเกตอาการของนักเรียนคนดังกล่าวด้วย และหากในการเปิดเรียนนั้นพบว่ามีจำนวนนักเรียนขาด หรือ ลาป่วยอย่างผิดปกติ คือ ร้อยละ 10 ของนักเรียนทั้งหมดก็ให้รีบรายงานมายังตนทันที
นอกจากนั้นแล้วกทม. ยังได้จัดทำป้ายคัตเอาท์เพื่อแนะถึงวิธีการปฏิบัติตนและป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ด้วย ทั้งนี้จะนำไปติดไว้ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต โรงเรียนสังกัดกทม. ทั้ง 435 โรง และหน่วยงานอื่นๆ ของกทม. ทั้งนี้หากประชาชนในพื้นที่พบว่ามีเพื่อนบ้าน หรือ ญาติใกล้เคียงป่วยเป็นไข้หวัดให้แจ้งผ่านมายังสายด่วน 1555
“มาร์ค” ยัน 2 คนไทยหายแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 2 คนว่า ทั้ง 2 คนขณะนี้อยู่ในระยะที่เรียกว่าหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า การที่มีคนเดินทางมาจากทั่วโลกและขณะนี้มีหลายสิบประเทศที่มีคนติดเชื้ออยู่เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ที่สธ.ต้องการทำเป็นพิเศษคือ ในช่วงเปิดเทอมอาจจะมีหลายสถาบันการศึกษาที่เด็กนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งอาจเพิ่งเดินทางไปต่างประเทศและกลับมา จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามว่า ในช่วงระยะเวลาอันใกล้ นักยกน้ำหนักของเม็กซิโกจะเดินทางเข้าประเทศไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้คุยกับกรรมการที่มีส่วนร่วมในการจัดงาน ซึ่งได้ประสานกับ สธ.ไว้เรียบร้อยถึงแนวปฏิบัติที่จะทำ โดยองค์การอนามัยโลกไม่ได้แนะนำให้ยกเลิก หรือจำกัดการเดินทาง
ออกประกาศคำแนะนำฉบับที่ 5
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ. กล่าวว่า สธ.ได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชน เรื่องการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น1 ฉบับที่ 5 โดยมีคำแนะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.ในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน ควรแนะนำไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
2.กลุ่มโรงเรียนและสถานศึกษา เมื่อเปิดภาคเรียน ควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตอาการป่วยของนักเรียน ดูแลนักเรียนที่ป่วยอย่างถูกวิธี สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน จัดสิ่งแวดล้อมและอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการป้องกันโรคในโรงเรียน ตามแนวทางที่ สธ.แนะนำ
3.กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข ขอให้เฝ้าระวัง สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ หากพบผู้ที่มาอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ภายใน 7 วัน และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำ เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคตามแนวทางของสธ.