“วิทยา” เร่งพัฒนาสปาเพื่อสุขภาพให้ได้ระดับมาตรฐานโลก เน้นในจังหวัดท่องเที่ยวชื่อดังก่อน ทั้งภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ เชียงรายและกรุงเทพฯ มั่นใจช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ปีนี้เล็งดูดลูกค้าที่มีกำลังจ่ายสูง ตะวันออกกลาง ยุโรป เผยในปีที่ผ่านมา นวดไทย นวดน้ำมัน และนวดเพื่อการรักษา เป็นบริการยอดฮิต ญี่ปุ่นใช้บริการสูงอันดับ 1
วันที่ 17 เมษายน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดงาน มหกรรมธุรกิจบริการสุขภาพกระบี่ ก้าวไกลสู่สากล 2009 (Krabi wellness and spa 2009) เพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐาน ให้เป็นที่รู้จักนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ที่จัดขึ้นที่เขื่อนปากแม่น้ำเมืองจ.กระบี่ ว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยมีนโยบาย เร่งฟื้นฟูภาคธุรกิจบริการต่างๆ ให้กลับมาเฟื่องฟู สร้างรายได้เข้าประเทศ ธุรกิจที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ไทยในขณะนี้ก็คือสปาเพื่อสุขภาพ อยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่มีสปาเพื่อสุขภาพ 585 แห่ง มากเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย โดยในแต่ละสปาจะมีบริการนวดด้วย ในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้ประเทศ 12,813 ล้านบาท ลูกค้าร้อยละ 80 เป็นชาวต่างประเทศ มากที่สุดคือชาวญี่ปุ่น รองลงมาชาวยุโรป บริการที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด คือ นวดไทย รองลงมา คือนวดน้ำมัน และนวดเพื่อการรักษา
นายวิทยากล่าวต่อว่า ในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเร่งพัฒนาสปาสุขภาพไทยให้ได้ในระดับโลกหรือเวิร์ลด์ คลาส (Thai World Class Spa)มี 3 ระดับ ได้แก่ แพลทตินั่ม โกลด์ และซิลเวอร์ เป็นการพัฒนาต่อยอดให้สูงกว่าระดับมาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยจะต้องได้มาตรฐานทั้งผู้ให้บริการ ซึ่งกำหนดให้ต้องพูดได้อย่างน้อย 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน มาตรฐานความปลอดภัยเครื่องมือ เครื่องสำอางที่ใช้ ตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เช่น จากแถบตะวันออกกลาง ซึ่งมักนิยมพำนักในไทยนานกว่ากลุ่มอื่นๆและในแถบยุโรป คาดว่าจะสามารถดึงรายได้เข้าสู่ไทยได้ปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท
ด้าน นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในปี 2551 ได้พัฒนาสปาเพื่อสุขภาพได้ในระดับเวิลด์คลาสแล้ว 26 แห่ง ใน 6 จังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ เชียงราย และกรุงเทพฯ จากสปาเพื่อสุขภาพที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแล้ว 321 แห่ง ซึ่งการรับรองคุณภาพจะทำอย่างเข้มงวด มีคณะกรรมการจากผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสถาบันการศึกษา และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ตรวจประเมินปีละ 3 ครั้ง เพื่อเป็นการคงมาตรฐาน โดยมีอายุคราวละ 3 ปี
นพ.จิรพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า กระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับนานาชาติ มีนักท่องเที่ยวปีละประมาณ 2 ล้านคน สร้างรายได้ปีละ 24,728 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากสปาเพื่อสุขภาพ 1,236 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ในโรงแรมหรูต่างๆ 52 แห่ง และสถานบริการสปาเพื่อสุขภาพโดยตรงที่ได้มาตรฐาน 19 แห่ง ในปีนี้จะเร่งตรวจสปาที่อยู่ตามโรงแรมทุกแห่ง ให้ได้ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมมาตรฐานหมอนวดอิสระที่ให้บริการตามชายหาด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยผู้ใช้บริการ และจัดทำเว็บไซต์ สปาเพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น
