รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนาสปาเพื่อสุขภาพให้ได้ระดับมาตรฐานโลกเน้นในจังหวัดท่องเที่ยวชื่อดังก่อน คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ เชียงรายและกรุงเทพฯ มั่นใจช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท เล็งกลุ่มดุดเงินลูกค้ากระเป๋าหนัก จากตะวันออกกลาง ยุโรป เผยปีที่ผ่านมา นวดไทย นวดน้ำมัน และนวดเพื่อการรักษา เป็นบริการยอดฮิต ญี่ปุ่นเข้าใช้บริการสูงอันดับหนึ่ง
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมธุรกิจบริการสุขภาพ “กระบี่ก้าวไกล สู่สากล 2009 (Krabi wellness and spa 2009) ที่บริเวณสวนสาธารณธารา เขตเทศบาลเมืองกระบี่ โดยมีนายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก โยมีนายแพทย์จิรพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ให้การต้อนรับ
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเปิดงานว่า จากสภาวะของประเทศที่กำลังถดถอย ทางรัฐบาลมีนโยบายที่จะเร่งฟื้นฟูภาคธุรกิจบริการต่างๆให้กลับมาเฟื่องฟู เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ โดยธุรกิจที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยในขณะนี้ก็คือสปาเพื่อสุขภาพ ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่มีสภาเพื่อสุขภาพ กว่า 585 แห่ง มากเป็นอันดับ 1 ของเอเซีย โดยในแต่ละสปาจะมีบริการนวดอยู่ด้วย ในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้กับประเทศ กว่า 12,813 ล้านบาท ลูกค้าร้อยละ 80 เป็นชาวต่างประเทศมากที่สุดก็คือญี่ปุ่น รองลงมาชาวยุโรป บริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือนวดไทย รองลงมาคือนวดน้ำมัน และนวดเพื่อรักษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า ในปี 2552 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเร่งพัฒนาสปาสุขภาพไทยให้อยู่ในระดับโลก หรือเวิร์ลคลาส (Thai Wold Class Spa) มี 3 ระดับ ได้แก่ แพลทตินั่ม โกลด์ และซิลเวอร์ เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดให้สูงกว่าระดับมาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยจะต้องให้ได้มาตรฐานทั้งผู้ให้บริการ ซึ่งกำหนดให้ต้องพูดอย่างน้อยได้ 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือ เครื่องสำอางที่ใช้ ตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เช่น จากแถบตะวันออกกลาง ซึ่งนิยมพำนักในไทยนานกว่ากลุ่มอื่นๆและในแถบยุโรป คาดว่าจะสามารถดึงรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้ปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท
นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในปี 2551 ได้พัฒนาสปาระดับเวิร์ลคลาส แล้วจำนวน 26 แห่ง ใน 6 จังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในต่างประเทศ ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ เชียงรายและกรุงเทพฯจากสปาเพื่อสุขภาพที่ผ่านการรับรองมาตรบานจากกรมสนับสนุบริการสุขภาพแล้ว 321 แห่ง ซึ่งการรับรองคุณภาพจะทำอย่างเข้มงวด มีคณะกรรมการจากผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสถาบันการศึกษา และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ตรวจประเมินปีละ 3 ครั้ง เพื่อการคงมาตรฐาน โดยมีอายุคราวละ 3 ปี
นายแพทย์จิรพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวปีละประมาณ 2 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดปีละ 24,728 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากสปาเพื่อสุขภาพ 1,236 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ตามโรงแรมหรูต่างๆ 52 แห่ง และสถานบริการสปาเพื่อสุขภาพโดยตรงที่ได้มาตรฐาน 19 แห่ง ในปีนี้(52)จะเร่งตรวจสปาที่อยู่ตามโรงแรมทุกแห่งให้ได้มาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมหมอนวดอิสระที่ให้บริการตามชายหาด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการ และจัดทำเว็บไซต์สปาเพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมธุรกิจบริการสุขภาพ “กระบี่ก้าวไกล สู่สากล 2009 (Krabi wellness and spa 2009) ที่บริเวณสวนสาธารณธารา เขตเทศบาลเมืองกระบี่ โดยมีนายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก โยมีนายแพทย์จิรพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ให้การต้อนรับ
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเปิดงานว่า จากสภาวะของประเทศที่กำลังถดถอย ทางรัฐบาลมีนโยบายที่จะเร่งฟื้นฟูภาคธุรกิจบริการต่างๆให้กลับมาเฟื่องฟู เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ โดยธุรกิจที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยในขณะนี้ก็คือสปาเพื่อสุขภาพ ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่มีสภาเพื่อสุขภาพ กว่า 585 แห่ง มากเป็นอันดับ 1 ของเอเซีย โดยในแต่ละสปาจะมีบริการนวดอยู่ด้วย ในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้กับประเทศ กว่า 12,813 ล้านบาท ลูกค้าร้อยละ 80 เป็นชาวต่างประเทศมากที่สุดก็คือญี่ปุ่น รองลงมาชาวยุโรป บริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือนวดไทย รองลงมาคือนวดน้ำมัน และนวดเพื่อรักษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า ในปี 2552 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเร่งพัฒนาสปาสุขภาพไทยให้อยู่ในระดับโลก หรือเวิร์ลคลาส (Thai Wold Class Spa) มี 3 ระดับ ได้แก่ แพลทตินั่ม โกลด์ และซิลเวอร์ เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดให้สูงกว่าระดับมาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยจะต้องให้ได้มาตรฐานทั้งผู้ให้บริการ ซึ่งกำหนดให้ต้องพูดอย่างน้อยได้ 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือ เครื่องสำอางที่ใช้ ตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เช่น จากแถบตะวันออกกลาง ซึ่งนิยมพำนักในไทยนานกว่ากลุ่มอื่นๆและในแถบยุโรป คาดว่าจะสามารถดึงรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้ปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท
นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในปี 2551 ได้พัฒนาสปาระดับเวิร์ลคลาส แล้วจำนวน 26 แห่ง ใน 6 จังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในต่างประเทศ ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ เชียงรายและกรุงเทพฯจากสปาเพื่อสุขภาพที่ผ่านการรับรองมาตรบานจากกรมสนับสนุบริการสุขภาพแล้ว 321 แห่ง ซึ่งการรับรองคุณภาพจะทำอย่างเข้มงวด มีคณะกรรมการจากผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสถาบันการศึกษา และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ตรวจประเมินปีละ 3 ครั้ง เพื่อการคงมาตรฐาน โดยมีอายุคราวละ 3 ปี
นายแพทย์จิรพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวปีละประมาณ 2 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดปีละ 24,728 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากสปาเพื่อสุขภาพ 1,236 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ตามโรงแรมหรูต่างๆ 52 แห่ง และสถานบริการสปาเพื่อสุขภาพโดยตรงที่ได้มาตรฐาน 19 แห่ง ในปีนี้(52)จะเร่งตรวจสปาที่อยู่ตามโรงแรมทุกแห่งให้ได้มาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมหมอนวดอิสระที่ให้บริการตามชายหาด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการ และจัดทำเว็บไซต์สปาเพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากยิ่งขึ้น