xs
xsm
sm
md
lg

พท.ตีปี๊บรัฐบาลแห่งชาติชูมาร์คนายกฯแล้วแก้รธน.ช่วยแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่รัฐสภา วานนี้ (12 พ.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการ ปฏิรูปการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีนายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธานกรรมการ ทั้งนี้นายดิเรกได้เสนอให้ที่ประชุมกำหนดกรอบแนวทางการทำงานได้แก่ 1.แนวทาง สร้างสมานฉันท์ทางการเมืองของสังคมไทย 2.แนวทางการปฏิรูปการเมืองและแนวทางการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญและ 3.กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมเสนอ ให้มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 3 ชุด โดยมีกรรมการสมานฉันท์ 12 คนและเป็นคนนอก 6 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรรมการสมานฉันท์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่ นายดิเรก เสนอให้มีการนำคนนอกเข้ามานั่งในอนุกรรมการฯ นอกจากนี้ยังเห็นว่าระยะเวลา 45 วันควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราควรใช้เวลาไม่กี่เดือนในการแก้ไขปัญหา หลังจากนั้นก็ให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหลังจากตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว ค่อยปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่ใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม เกิดจากประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว ดังนั้นเราควรศึกษาประเด็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เพื่อทำให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เพราะยิ่งทำให้เป็นประชาธิปไตยเท่าไหร่ความขัดแย้งก็จะน้อยลง
นอกจากนี้ตนไม่อยากให้มีการขยายเวลาออกไปเกินกว่า 45 วัน เพราะไม่เช่นนั้นกระแสความขัดแย้งจะยิ่งมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ขอให้แก้รัฐธรรมนูญในมาตราที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกพรรค
นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี บอกว่า หากการเลือกตั้งเป็นทางออก ก็ให้แก้ไขในประเด็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จากนั้นรัฐบาลก็ยินดีที่จะยุบสภา ดังนั้นเราต้องทำความเข้ากับประเด็นนี้ว่าการทำงานครั้งนี้เราจะทำเพื่ออะไร เพราหากจะศึกษากันถึงปี 2 ปีก็คงไม่ใช่
นายคณิน บุญสุวรรณ กรรมการสมานฉันท์ฯ สายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้คงไม่มีอำนาจหน้าที่อะไรใหญ่โตมากมายที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤต ที่เกิดขึ้นมาหลายปี ภายใน 45 วัน หรือจะใช้เวลาปีหรือ 2 ปีในการแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ แต่หากเราจะมองว่าคณะกรรมการชุดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นนำไปสู่การ สมานฉันท์และการปฏิรูปการเมืองจะดีกว่า ซึ่งการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาหากให้คนนอก เข้ามาร่วมเกรงว่าจะมีการขยายความมากเกินไป และอาจมีการขยายประเด็นและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้
ดังนั้นหากให้ตั้งอนุกรรมการฯขึ้นมาก็ควรเป็นคนในกรรมการสมานฉันท์ทั้งหมด เพื่อที่จะสรุปรวบรวม รายงานที่ศึกษากันมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การสร้างสมานฉันท์หรือการปฏิรูปการเมือง ตนไม่อยากให้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ อย่างรัฐธรรมนูญก็ให้ศึกษาแค่ 2-3 มาตราว่าหากแก้ไขแล้วจะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองหรือไม่
ด้านนายตวง  อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนคิดว่าในเรื่องสมานฉันท์ ควรเปิดกว้างไว้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ามีการตั้งธงไว้ ที่ผ่านมาสังคมไทยขาดคนที่สังคมยอมรับเพื่อมาแก้ไขปัญหาทีเกิดขึ้น แต่เมื่อมีคณะกรรมการฯนี้ขึ้นมาแล้วและเป็นที่ยอมรับของสังคม เราก็ควรให้คนในชาติมามีส่วนร่วม ให้คนท้องถิ่นมาร่วมกันออกแบบ และให้ประชาชนตัดสินเองว่าจะเอาอย่างไร จะแก้ไขปัญหาอย่างไร และจะสร้างสมานฉันท์อย่างไร
พล.อ.เลิศรัตน์  รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมการสมานฉันท์ กล่าวว่า เราเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนได้ แต่หากเปิดรับฟังมากเกินไปเราจะเป็นปัญหาในการทำงานได้ ซึ่งเราอยู่กันตรงนี้ก็รู้กันดีอยู่ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ดังนั้นเรื่อง การปฏิรูปและการแก้รัฐธรรมนูญถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ได้ เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในอีก 8 เดือน -1 ปี ซึ่งนำไปสู่ทางทีดีขึ้นแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้นายกฯก็รู้
นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ต้องค้น ให้เจอว่าใครขัดแย้งกับใคร ถ้าคนไม่เจอเราก็ไม่สามารถออกจากวิกฤตการเมืองได้ ดังนั้นเราต้องรับฟังข้อเสนอ และนำขอเสนอไปรับฟังความคิดเห็น ส่วนจะแก้ไขอย่างไรนั้นต้องให้ประชาชนแสดงความเห็นว่าจะดำเนินการอย่างไร ต้องดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาของประชาชนหรือของบุคคลกันแน่

เบรกเสนาะตัวกลางเชื่อมปชป.-พท.
ขณะที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กรรมการสมานฉันท์ กล่าวว่า อยากให้กำหนดให้ชัดเจนไปเลยว่าเราจะศึกษาอะไร หรือต้องการแค่แก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 237 และ 309 แล้วให้มาตราอื่นเป็นไม้ประดับเท่านั้น ถ้าจะเอาแนวนี้ก็ทำให้ชัดเจนทุกอย่างจะได้จบ แต่ตนขอเสนอให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนด้วยการทำ citizen dialogue โดยแบ่งประชาชนทั่วประเทศเป็น 16 เขต สุ่มตัวอย่างประชาชนมา 50 คนเพื่อมาร่วมกันแสดงความคิดเห็นและนำข้อเท็จจริงมาเสนอ
ทั้งนี้ นายเสนาะ เทียนทอง หน.พรรคประชาราช ที่ปรึกษากรรมการ แจ้งว่า ได้เสนอตัวเป็นแกนกลางในการทำความเข้าใจระหว่างสองพรรคใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ตอบรับแล้ว ต่อไปจะไปหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ถูก นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กรรมการจากพรรคประชาธิปัตย์ ค้านว่า ปัญหาการเมืองขณะนี้คงไม่สามารถยุติได้เพียงสองขั้วมาจับมือกันเท่านั้น

พท.ตีปี๊กตั้งรัฐบาลแห่งชาติแก้รธน.
นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ให้สัมภาษณ์ว่า จุดยืนของพรรคเพื่อไทยนั้นเน้นการสมานฉันท์ก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และส่วนตัวเห็นว่าอาจมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ขยัก โดยขยักแรกแก้ไขเฉพาะมาตราสำคัญก่อน ส่วนขยักที่สองแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นไม่ควรแก้ในรัฐบาลนี้ ควรจะมีรัฐบาลเพื่อชาติขึ้นมาแก้รัฐธรรมนูญโดยตรง โดยอาจให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีและให้ทุกพรรครวมถึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมเป็นรัฐบาล มีอายุทำงาน 1 ปี โดยมีภารกิจสำคัญคือแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เนื่องจาก รัฐธรรมนูญ50 เป็นต้นตอของความขัดแย้งและมีกติกาที่ไม่เป็นธรรมหลายเรื่อง เช่น ระบบเลือกตั้ง

โล๊ะศาลการเมืองเปิดทางแม้วสู้คดี
ที่สำคัญคือโครงสร้างองค์กรอิสระ โดยต้องแก้ไม่ให้มีศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะเป็นการพิจารณาศาลเดียว ไม่เป็นธรรมและสากลไม่ยอมรับ โดยจะต้องให้ฟ้องอาญา 3 ศาลทั่วไป ซึ่งตรงนี้จะเปิดโอกาสให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สามารถกลับมาต่อสู้คดีได้อย่างเป็นธรรม 3 ศาล
ส่วนคดีหวยบนดินหรือคดีกล้ายางและคดีอื่นๆ นั้นก็ต้องพิจารณา 3 ศาลด้วยเช่นกัน สำหรับศาลรัฐธรรมนูญนั้นก็ควรแก้ให้เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องไม่มีอำนาจประกาศผลเลือกตั้ง หรือ ให้ใบเหลืองหรือใบแดง ใครชนะก็ประกาศผลเป็นส.ส.ทันที

พมธ.จี้กก.สมานฉันท์ฯถามประชาชน
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กล่าวว่าคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการ ปฏิรูปการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องรับฟังความคิดเห็นของสังคม ให้กว้างขวางที่สุด ไม่ใช่ด่วนสรุปตัดสินใจแทนประชาชน เพราะคณะกรรมการชุดนี้ มาจากความต้องการของนักการเมืองไม่ได้มาจากความต้องการของประชาชน ฉะนั้นถ้าจะตัดสินใจหรือหาข้อสรุปอะไรจะต้องสอบถามความเห็นของประชาชน ให้มากที่สุดไม่เช่นนั้นกรรมชุดนี้จะไม่ได้รับความชอบธรรมจากสังคม
นายสุริยะใส กล่าวว่าในขณะนี้สังคมเริ่มเวทนากรรมการชุดนี้มากขึ้นเป็นลำดับ เพราะมีกรรมการกว่าครึ่งหนึ่งท่องคาถาแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 และ 309 รวมทั้งการนิรโทษกรรมให้กับเครือข่ายระบอบทักษิณ โดยเฉพาะบทบาทของนายเสนาะ เทียนทองนั้น ทำตัวเป็นแกนนำ นปช.ทวงอำนาจให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น นายเสนาะน่าจะประกาศตัวให้ชัดสังคมจะได้เข้าใจถูก

จวกเสนาะตัวแทนนักการเมืองแบบเก่า
บทบาทของนายเสนาะถือเป็นตัวแทนของการเมืองแบบเก่าที่ทำร้ายประเทศไทยมาตลอด จะเกษียณอายุทางการเมืองอยู่แล้ว น่าจะวางมาตรฐานให้กับคนรุ่นหลังไว้บ้าง ถือเป็นเรื่องน่าอับอายและทำให้ภาพลักษณ์ของกรรมการชุดนี้ ไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร แม้กรรมการหลายคนจะตั้งใจดีก็ตาม
นายสุริยะใส กล่าวว่าวันนี้คงเป็นเรื่องยากที่คณะกรรมการชุดนี้จะหาข้อสรุปที่ดี ให้กับประชาชนได้ เพราะกรรมการหลายคนรับงานมาคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง กลายเป็นเวทีต่อรองทางการเมืองไม่ได้เอาวิกฤติของประเทศเป็นตัวตั้งอย่างแท้จริง
แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังไม่เคยแสดงท่าทีและจุดยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการนิรโทษกรรมที่ชัดเจนอย่างแท้จริง ในภาพรวมสังคมสับสนกับจุดยืน ของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ถูกมองว่ารัฐบาลต้องการซื้อเวลาเท่านั้นเอง
นายสุริยะใส กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังเล่นกับไฟ ต้องทำการบ้าน ให้ดีกว่านี้เพราะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 และ 309 รวมทั้งประเด็นนิรโทษกรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และก็รู้กันอยู่ว่าเกมนี้ใครได้ประโยชน์ หากสังคมกังขามากๆ ก็จะถูกกล่าวหาได้ว่าเป็นเพียงการฮั้วกันทางการเมือง แต่เอาเรื่องสมานฉันท์และปฏิรูปการเมืองมาอ้างเท่านั้น

ฐานิสร์ป้องพ่อไม่มีวาระซ่อนเร้น
ด้านนายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส. สระแก้ว และเลขาธิการพรรคประชาราช ลูกชาย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า ที่นายเสนาะ ผลักดันให้นิรโทษกรรมกับทุกฝ่ายจนถูกวิจารณ์ว่าเพื่อต้องการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นไม่เป็นความจริง นายเสนาะ ไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร แต่เพราะผ่านโลกมามาก เห็นอะไรไม่ถูกต้องก็ออกมาพูด และยิ่งมารับตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องชี้แนะ ใครอยากวิจารณ์บทบาทนายเสนาะก็วิจารณ์ไป นายเสนาะก็ใช้สิทธิ์พูดเสนอความเห็นต่อไป
นายฐานิสร์ กล่าวว่า เมื่อตั้งชื่อว่าคณะกรรมการสมานฉันท์เรื่องแรกที่ควรจะทำคือ ต้องถอยคนละก้าว ขืนต่างฝ่ายต่างถือทิฐิ ไม่ยอมกันเรื่องก็ไม่จบ นายเสนาะไม่ใช่ออกมาปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่านายเสนาะทะเลาะกับพ.ต.ท.ทักษิณขนาดไหน เมื่อเห็นใครทำอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องพูด นักการเมืองที่แตกตัวออกมาจากพ.ต.ท.ทักษิณตอนนี้ออกมาในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณเสื่อมอำนาจ ขณะที่กลุ่มของตนแตกหักตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณยังใหญ่อยู่
สมมติว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังใหญ่อยู่ก็ไม่รู้ว่าพวกผใจะหาพรรคลงเลือกตั้งได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าหาว่าเราได้รับผลประโยชน์จากเครือข่ายทักษิณ และพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เคยโทรหานายเสนาะ เรื่องนี้นายเสนาะเห็นว่าประเทศชาติบ้านเมืองเกิดความไม่ถูกต้อง ตั้งแต่การปฎิวัติของคมช. จึงหวังจะแก้ไข ชาติบ้านเมืองแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ประชาชนแตกแยกเป็นคนละสี หากยังไม่สมานฉันท์ก็ไม่มีวันจบ

ปัดพ่อหวังป้องอุไรวรรณ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายเสนาะออกมาพูดนั้นเพื่อปกป้องนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยา ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่มีหลายคดีอยู่ใน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยหรือไม่ นายฐานิสร์ กล่าวว่า คดีทั้งหมดไม่เกี่ยวกับนางอุไรวรรณ ไม่ว่าคดีกล้ายางหรือคดีเขาพระวิหารแม้กระทั่งคดีหวยบนดินก็เป็นแค่รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนอนุมัติแต่อย่างใด เชื่อว่าศาลฎีกาจะให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ถึงวันนี้แม้พรรคประชาราชจะอยู่ปีกฝ่ายค้าน นายเสนาะก็ไม่เคยออกปากว่าเสียใจที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล ทั้งๆที่ตอนจัดตั้งรัฐบาลนั้นก็มีคนมาชวน
กำลังโหลดความคิดเห็น