วานนี้(11 พ.ค.)เวลา 12.00 น.ที่ สน.บางพลัด น.ส.พรหมพร ยูวะเวส หรือ “เอิ๊ก พรหมพร” พิธีกรรายการต้มยำบันเทิง และ Next Station พรหมพร ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เดินทางเข้าพบพ.ต.ต.ประจำ หนุนนาค พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางพลัด ว่าให้ช่วยติดตามจับกุมชายโรคจิตที่โทรศัพท์เข้ามาก่อกวนอยู่ตลอดเวลา
น.ส.พรหมพร ให้การว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้ขอเบอร์โทรศัพท์บ้านเบอร์ใหม่ ของทรู คอร์เปอเรชั่น เพื่อจะใช้ต่อไฮสปีดอินเทอร์เน็ต โดยทางทรูก็ให้โทรศัพท์มาใช้ด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ก็มีชายโรคจิตโทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์ดังกล่าว พร้อมทั้งพูดจาลามก และหยาบคายใส่ตนอยู่ตลอดเวลาในช่วงกลางคืนโดยทำมาเป็นระยะเวลานาน 2-3 เดือนแล้ว ทั้งๆที่ตนยังไม่เคยให้เบอร์นี้กับใครไปเลย เพราะตั้งใจจะเอาไว้ใช้ต่อไฮสปีดอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
“เสียงที่โทร.มาเป็นเสียงของผู้ชายหนุ่มๆที่โทร.มาแทบจะทุกคืน แถมโทร.อยู่ตลอดเกือบทั้งคืน เริ่มตั้งแต่3 ทุ่ม 4 ทุ่ม ไปตลอดจนถึง ตี 5 เว้นระยะเวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น พอเอิ๊กรับสายก็บอกว่าขอร่วมเพศบ้าง ให้ช่วยเปิดนั่นเปิดนี่ให้ดูบ้าง จนบางครั้งทนไม่ไหว ต้องถอดสายทิ้ง จนวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมาก็ทำหนังสือแจ้งเรื่องไปที่บริษัท ทรูฯว่าจะขอเปลี่ยนเบอร์ พร้อมทั้งให้ช่วยตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.มาด้วย ก็พบว่าเบอร์ที่ใช้โทร.มาเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเอไอเอส” พิธีกรคนดังให้การต่อตำรวจ
น.ส.พรหมพร กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าผู้ชายโรคจิตคนดังกล่าวอาจจะเป็นพนักงานของบริษัท ทรูฯ เอง เพราะเมื่อตนได้เบอร์มาก็ยังไม่เคยให้เบอร์นี้กับใครไปเลย แต่เพียงแค่สองสัปดาห์ก็โทร.มาแล้ว ซึ่งผู้ชายคนนี้ที่อาจจะเข้าเวรในช่วงกลางคืน เพราะคนธรรมดาทั่วไปก็น่าจะนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว
อีกทั้งช่วงหลังพอมีข่าวว่าถูกโทรศัพท์โรคจิตก่อกวนออกไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ยังโทร.มาอยู่ตลอดเวลา แต่จะมีการพูดข่มขู่ด้วย ตนจึงมาแจ้งความต่อตำรวจก็เพราะคิดว่าน่าจะช่วยติดตามตัวให้ได้ เนื่องจากรายการที่ตนทำนั้นเป็นรายการสด ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็อาจจะดักทำร้ายตนได้ตลอดเวลา หรือหากเป็นอะไรไป ทางเจ้าหน้าที่ก็อาจจะรู้ว่าน่าจะมีสาเหตุจากเรื่องนี้
ด้าน พ.ต.ต.ประจำ กล่าวว่า หลังจากรับแจ้งความก็จะประสานให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ผู้ชายโรคจิตคนดังกล่าวใช้โทร.มา เป็นเบอร์โทรศัพท์แบบจดทะเบียน หรือแบบเติมเงิน ซึ่งหากเป็นแบบจดทะเบียนก็จะตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และหากพบว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำว่าใครเป็นคนใช้โทรศัพท์และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมทั้งแจ้งข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ และกระทำลามกอนาจาร ตามกฎหมายต่อไป
น.ส.พรหมพร ให้การว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้ขอเบอร์โทรศัพท์บ้านเบอร์ใหม่ ของทรู คอร์เปอเรชั่น เพื่อจะใช้ต่อไฮสปีดอินเทอร์เน็ต โดยทางทรูก็ให้โทรศัพท์มาใช้ด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ก็มีชายโรคจิตโทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์ดังกล่าว พร้อมทั้งพูดจาลามก และหยาบคายใส่ตนอยู่ตลอดเวลาในช่วงกลางคืนโดยทำมาเป็นระยะเวลานาน 2-3 เดือนแล้ว ทั้งๆที่ตนยังไม่เคยให้เบอร์นี้กับใครไปเลย เพราะตั้งใจจะเอาไว้ใช้ต่อไฮสปีดอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
“เสียงที่โทร.มาเป็นเสียงของผู้ชายหนุ่มๆที่โทร.มาแทบจะทุกคืน แถมโทร.อยู่ตลอดเกือบทั้งคืน เริ่มตั้งแต่3 ทุ่ม 4 ทุ่ม ไปตลอดจนถึง ตี 5 เว้นระยะเวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น พอเอิ๊กรับสายก็บอกว่าขอร่วมเพศบ้าง ให้ช่วยเปิดนั่นเปิดนี่ให้ดูบ้าง จนบางครั้งทนไม่ไหว ต้องถอดสายทิ้ง จนวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมาก็ทำหนังสือแจ้งเรื่องไปที่บริษัท ทรูฯว่าจะขอเปลี่ยนเบอร์ พร้อมทั้งให้ช่วยตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.มาด้วย ก็พบว่าเบอร์ที่ใช้โทร.มาเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเอไอเอส” พิธีกรคนดังให้การต่อตำรวจ
น.ส.พรหมพร กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าผู้ชายโรคจิตคนดังกล่าวอาจจะเป็นพนักงานของบริษัท ทรูฯ เอง เพราะเมื่อตนได้เบอร์มาก็ยังไม่เคยให้เบอร์นี้กับใครไปเลย แต่เพียงแค่สองสัปดาห์ก็โทร.มาแล้ว ซึ่งผู้ชายคนนี้ที่อาจจะเข้าเวรในช่วงกลางคืน เพราะคนธรรมดาทั่วไปก็น่าจะนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว
อีกทั้งช่วงหลังพอมีข่าวว่าถูกโทรศัพท์โรคจิตก่อกวนออกไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ยังโทร.มาอยู่ตลอดเวลา แต่จะมีการพูดข่มขู่ด้วย ตนจึงมาแจ้งความต่อตำรวจก็เพราะคิดว่าน่าจะช่วยติดตามตัวให้ได้ เนื่องจากรายการที่ตนทำนั้นเป็นรายการสด ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็อาจจะดักทำร้ายตนได้ตลอดเวลา หรือหากเป็นอะไรไป ทางเจ้าหน้าที่ก็อาจจะรู้ว่าน่าจะมีสาเหตุจากเรื่องนี้
ด้าน พ.ต.ต.ประจำ กล่าวว่า หลังจากรับแจ้งความก็จะประสานให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ผู้ชายโรคจิตคนดังกล่าวใช้โทร.มา เป็นเบอร์โทรศัพท์แบบจดทะเบียน หรือแบบเติมเงิน ซึ่งหากเป็นแบบจดทะเบียนก็จะตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และหากพบว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำว่าใครเป็นคนใช้โทรศัพท์และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมทั้งแจ้งข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ และกระทำลามกอนาจาร ตามกฎหมายต่อไป