xs
xsm
sm
md
lg

“คิ้ม” ทำมึน ขอเช็กเทปแซว “จิ๊ก” เป็นกะ_รี่จริงหรือปล่า? ด้านจิ๊กไม่หวั่น เย้ยมีพยานเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จิ๊ก” เฉ่ง “คิ้ม” อีกรอบ กรณีแซวเป็นกะ_รี่รุ่นพี่กลางผับ เจ้าตัวยันไม่ได้อยากดัง แค่อยากให้นักร้องสาวสำนึกว่าควรให้เกียรติคนอื่นมากกว่านี้ ทีหลังจะได้ไม่ทำแบบนี้กับใครอีก บอกแม้จะรู้สึกโกรธมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความชื่นชอบในตัวสาวคิ้มลดน้อยลง สามารถร่วมงานกันได้ ด้านคู่กรณียังทำตัวล่องหน อ้าง ขอกลับไปเช็กเทปก่อนว่าได้พูดจริงหรือเปล่า? แล้วจะเปิดแถลงข่าวชี้แจงในภายหลัง

หลังจากออกมายอมรับกลางรายการ “แฉแต่เช้า” ว่า ข่าวลือที่ว่าโดนนักร้องสาว “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” แซวเป็นกะ_รี่รุ่นพี่กลางผับเป็นเรื่องจริง ล่าสุด วันนี้ (8 พ.ค.) นักแสดงรุ่นใหญ่ “จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์” ก็ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้งในรายการ “Next Station พรหมพร” ของพิธีกรสาว “เอิ้ก พรหมพร ยูวะเวส” ออกอากาศทางช่อง5 โดยยืนยันไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวเพื่อสร้างกระแส แย้ง หากอยากดังคงออกรายการไปตั้งแต่ตอนแรกที่มีเรื่อง พร้อมเผย ผ่านมา 2 เดือน ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากนักร้องสาวคู่กรณี

“เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนแล้วคะ ที่ร้านเฟค อ.ต.ก.เป็นการเลี้ยงครบรอบบาร์ ผับ เขาก็เชิญเราไปด้วยไปเป็นแขก VIP คุณคิ้มเป็นพิธีกรในงาน และเขาก็พูดว่าวันนี้ เก้ง กวาง เต็มไปหมดเลย วันนี้ดิฉันดีใจมากที่มางานแบบนี้ แล้วก็บอกว่ามีกะเทยเฒ่า มีอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดเลย เขาก็แซวแรง เราก็เลยไปหลบหลังเพื่อนชื่อปุ้ยค่ะ เขาเห็นพอดีเขาบอกว่าอุ้ย ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็นกะหรี่ วันนี้มีกะหรี่แก่ๆ มานั่งอยู่อีกตัวหนึ่ง เราก็ตกใจ”

“แล้วตอนนั้นไม่มีใครหัวเราะเลย ทุกคนก็เงียบกันหมดเลย แม้กระทั่งกะเทยยังหันมามองหน้าเราหมดทุกคนเลยนะ ทุกคนก็บอกแรงพี่จิ๊กแรงนะ ทุกคนพูดแบบนี้หมด แต่คิ้มอยู่บนเวที พี่หยิบกระเป๋าจะลุกกลับบ้านแล้ว แต่เพื่อนบอกว่าอย่าเพิ่งไปสิ ฟังพี่คิ้มร้องเพลงก่อน เราเลยบอกไม่ฟังแล้ว แล้วมีข่าวบอกว่าเราจะขึ้นไปเอาเรื่อง แต่เรื่องตั้งแต่วันนั้นยังไม่เคยเจอหน้ากันอีกเลย”

“ตั้งแต่วันนั้นมายังไม่มาขอโทษคะ ยังไม่ได้คุยกันเลย แล้วพอเขาว่าเราเป็นกะหรี่ เราก็รู้สึกตกใจนะ มันแรง มันแรงเกินไป พี่จะกลับบ้านแต่เพื่อนห้ามไว้ไม่อยากให้กลับ แต่เราก็อยู่แป๊บเดียวเองแล้วก็กลับ พอขับรถกลับมา เราก็ตั้งสติคิดอยู่ตั้งนานว่าทำไมเอ๊ะ เขาถึงมาว่าเราแบบนี้ มันเมาหรือเปล่า มันไม่สมควร แล้วงานนี้มันอยู่ในสาธารณชน แต่ถ้าจัดแบบวันเกิดครบรอบมีแต่เพื่อนก็ว่าไป เป็นเรื่องส่วนตัวพูดได้ แต่นี้มันเป็นสาธารณชน อย่างน้อยคนก็มองเราไม่ดี”

มั่นใจว่า นักร้องสาวตั้งใจกระทบกระเทียบตนโดยตรง เพราะเป็นงานของสาวประเภทสอง มีตนที่เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว
“งานมันเป็นงานกะเทยนะ แล้วเราก็เป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่เขาเรียกกันก็คือ ชะนี แล้วจะมีแค่เรากับเพื่อน นอกนั้นจะไม่มีใครเป็นสาวประเภทสองไปหมด ต้องเราเลยเพราะเราหลบแล้วเขาหันมาเห็นเราพอดี มันตกใจมากกว่าอึ้งนะ งงๆ ว่าเอ๊ะอะไร”

“ถ้าถามในส่วนตัวนี้ เราปลื้มเขาแล้วก็ชื่นชอบเขามานานนมแล้ว เพราะว่าชอบเราร้องเพลงเขาร้องเพลงเพาะ แต่ไม่ได้สนิทถึงต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ไม่ค่อยได้เจอกันคะ เจอกันน้อยนอกจากจะเจอกันตามรายการ เราฟังเพลงเขาเพาะเราก็เลยซื้อมา”

“พี่ไม่ได้เป็นคนให้ข่าว ถ้าข่าวจะหลุดจากพี่ คงหลุดมาตั้งแต่วันรุ่งขึ้นแล้ว เพราะไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟังในวันรุ่งขึ้น เพื่อนก็บอกว่า อยากให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ไม่อยากให้มีปัญหาเพราะว่าอยู่วงการเดียวกันอย่าไปสร้างปัญหา เราก็เออลืมๆ มันไปดีกว่า มันไม่อยากให้มีเรื่อง นี้มันผ่านไปแล้วแต่อยู่ๆ มีหนังสือพิมพ์ลงให้เป็นตัวอักษร ให้ไปคิดเอาเองว่าเป็นใคร แล้วก็มีคนมาสัมภาษณ์เรา พอเรื่องมันเกิดมาเราก็อยากให้รู้ว่าข่าวจริงมันเป็นแบบนี้ และก็มีที่มาที่ไปที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ลงไม่จริงว่าไปถามเลย ไปท้าเลยซึ่งไม่ใช่ความจริงมันเป็นแบบนี้”

“ก็มีนักข่าวมาถาม แล้วบอกว่าติดต่อพี่คิ้มไม่ได้ ไม่ได้คุยก็ได้แต่ติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวแล้วก็บอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เราไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวอะไรกับคุณคิ้มก็เลยงงๆ ว่ามันอะไร”

“เราไม่ได้ต้องการให้เขาขอโทษ แล้วเราก็ไม่เคยต้องการที่จะดัง เพราะทำงานอยู่แล้ว 7 วัน เราไม่ได้มาอาศัยคุณคิ้มว่างานนี้ต้องเกิด เพราะว่าสร้างข่าวกระแสขึ้นมาแบบนี้ ซึ่งเราไม่ได้ต้องการ แต่มันเป็นข่าวขึ้นมาเอง เราหยุดแล้วแต่ข่าวมันออกมาเอง เพราะฉะนั้นอยากบอกว่าเหตุผลมันเป็นแบบนี้ นอกนั้นเราไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาพูดกับเราแบบนี้”

หลังจากเกิดเรื่อง “ท็อป ดารณีนุช” เพื่อนสนิทของเจนนิเฟอร์ คิ้ม เข้ามาพูดคุย และแก้ต่างให้ว่านักร้องสาวคงไม่ได้ตั้งใจ ยันไม่ได้อยากดัง และไม่ได้เป็นคนให้ข่าวเอง ขนาด “อ้น ศรีพรรณ” เชิญไปออกรายการยังปฏิเสธเพราะไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่ต้นแล้ว
“ยังคะมี แต่ คุณท็อป ดารณีนุช หลังจากนั้นเจอท็อป หลังจากนั้นวันสองวัน เขาก็จะพูดกับเราว่า พี่เนา เขาทราบเรื่องแล้วนะ คิ้มเขาเป็นคนแบบนี้ เขาแรงมาก อาจจะไม่ได้คิด อาจจะไม่ได้อะไร เราก็เลยบอกว่าท็อปถ้าคิดย้อนไปแล้ว ถ้าว่าท็อปแบบนี้ ท็อปโกรธไหม เออนั่นนะสิ ถ้าเป็นหนู หนูก็ต้องโกรธ แต่หนูก็ว่า คือเราไม่อยากสานต่อเราก็เลยหยุด”

“คือ วันนั้นพี่เล่าให้เพื่อนสนิทพี่ฟัง ก็คือ อ้น ศรีพรรณ ถ้าอยากเป็นข่าววันรุ่งขึ้นไปออกรายการแล้ว เขายังบอกเพราะเขาก็อยากสัมภาษณ์เรา แต่เราไม่อยากเป็นข่าว เขาบอกน้องศรีอยากจะถามพี่เนา เราบอกหยุดเลยเราไม่ต้องการ แต่เมื่อมันเป็นแบบนี้ขึ้นมาเราก็อยากบอกว่ามันไม่ดี และเราไม่อยากคุย ไม่ได้อยากเคลียร์อะไร และไม่เคลียร์ด้วย ไม่อยากไดยินคำว่าขอโทษ แต่อยากให้คุณคิ้มรู้ว่าเวลาที่ขึ้นเวทีความน่ารัก คุณคิ้มมีอยู่แล้วในตัว ร้องเพลงก็เพราะ มีบุญวาสนามากในการร้องเพลง แต่ฉะนั้นแล้ว คุณคิ้มในบางคำที่จะทำให้คนอื่นเขาเสียหายหรืออะไร ต้องรู้สึกบ้าง”



ขอบคุณภาพจาก Volume

“ถือว่าแรงมาก ตั้งแต่เกิดมาแรงที่สุด เพราะไม่เคยมีใครมาเรียกเราว่ากระหรี่ ดูถูกไหมก็ไม่รู้นะ เพราะว่าขนาดเราสนิทกับเพื่อนเราเรายังไม่เคยเรียกเพื่อนว่ากระหรี่เลย เรายังไม่กล้าเรียกเพื่อนว่า อีกระหรี่ เรายังไม่กล้าพูดแบบนี้ มันไม่เจ็บหรอก แต่มันบอกไม่ถูกนะ ไม่สมควรมาใช้เลยดีกว่า ถ้าเจ็บมันก็เจ็บ แต่มันไม่สมควรจะใช้ดีกว่า”

“ตอนแรกพี่โกรธมากนะ แล้วพี่เองก็เล่าให้เพื่อนสนิทฟังเป็นคนแรก คืออ้น ศรีพรรณ ถ้าพี่อยากเป็นข่าววันพี่ไปออกรายการคันปาก พี่จะดังตรงนั้นแล้ว เพราะน้องอ้นบอกแม่เนาเอาเลย อ้นศรีอยากจะถามพี่เนา พี่บอกหยุดพี่ไม่ต้องการ เมื่อเป็นอย่างนี้มา พี่ก็อยากบอกหนังสือที่ลงบ้างฉบับ คือปัจจุบันพี่ยังไม่ได้ลงตรงนั้นเลย พี่เองก็ไม่ต้องการที่จะเคลียร์ ไม่ต้องการคำขอโทษ แต่อยากให้คุณคิ้มเวลาขึ้นเวที เพราะคุณคิ้มเป็นคนน่ารัก ร้องเพลงก็ฟัง เขาเป็นคนมีบุญวาสนา เฉพาะนั้นแล้วคำพูดของคุณคิ้มบางคำจะทำให้คนเขาเสียใจ ต้องหยุดสติบ้าง”

“ถามว่าเป็นการดูถูกมั้ย พี่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดมาได้อย่างไร ขนาดพี่สนิทกับเพื่อนมาสิบปี ยี่สิบปี พี่ไม่เคยเรียกเพื่อนว่าอีกระหรี่ พี่ไม่กล้าพูดแบบนี้ มันบอกไม่ถูก มันไม่สมควรจะใช้เลยดีกว่า ถ้าเจ็บเดี๋ยวก็หายไป แต่มันไม่สมควรจะใช้”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ความชื่นชอบในตัวนักร้องสาวลดน้อยลงแต่อย่างใด
“ลดลงมั้ย พี่มีเทปของเขาเยอะมาก เพราะพี่ปลื้มเขามาก ตอนนี้ปลื้มอย่างไรพี่ก็ปลื้มเขาอยู่ พี่ไม่เคยโกหก ไม่อยากใส่ใจ แต่พี่จะบอกว่าคนเดินทางสายเดียวกัน ต้องคอยให้เกียรติกัน อย่างน้อยถ้าลงมาอยากแซวอะไรขำๆ ก็แซวไปเถอะไม่มีใครว่า แต่บนเวทีแล้วต้องมีวิจารญาณที่ดีนิดหนึ่ง ต้องคิดว่าคำนี้สมควรมั้ย ไม่ต้องเอาคนอื่นมาพูดถึงอย่าง หอย ปู ปลา ธรรมชาติ พูดไปเถอะเพราะไม่มีตัวตน พอพูดไปแล้วคนอื่นจะพูดอย่างไร อาจจะสนุกปากกับคนบางคน แต่อีกคนกับเดือดร้อน เพราะคนนั้นเขาเสียใจ คนที่รักมามันก็จางหายไป”

เผย เจ้าของผับถึงกับโกรธแทน แถมเป็นคนเข้าไปเฉ่งนักร้องสาวด้วยตัวเอง
“เขาก็ตกใจ เจ้าของร้านก็ช่วยกัดให้เลย เขาก็โกธร ทำไมคุณแซวแบบนี้ เจ้าของร้านก็เลยโกธร อันนี้พี่ไม่ขอพูดให้ไปถามเจ้าของร้านเอง เดี๋ยวจะยืดยาวกันไปอีก เอาแค่ตรงนี้ เอาแค่พี่กับเขาพอ เจ้าของเป็นกระเทยเขาจะแซวอย่างไรคิดดูสิ”

“จริงแล้ว พี่คิดว่าพี่คิ้มก็มีความสามารถอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ก็คงไม่ได้ทำร้าย คิ้มจะไม่มีงาน พี่คิดว่ามันเป็นคำพูดมากกว่า พี่ตัวพี่คิ้มเองควรที่จะรับรู้ แล้วควรถามตัวเองนิดหนึ่ง ว่าตั้งแต่ก้าวแรกมาพี่คิ้มน่ารักอย่างไร พี่คิ้มกลับไปน่ารักแบบไหนดีกว่า การว่าอยู่เวทีที่แรงๆ มันก็ไม่ดีเสมอไป ความรู้สึกพี่คิดนะ”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่นักร้องสาวกล้าแซวแรงขนาดนั้น คิดว่าอาจเป็นเพราะดื่มเหล้าเข้าไปด้วยหรือเปล่า? เรื่องนี้นักแสดงรุ่นใหญ่บอกว่า...
“ถ้าพี่ไปถามเขา เขาก็บอกว่าเขาเมา พี่ว่าการที่เมาก็ไม่ควรขึ้นเวที มันยิ่งไม่มีสติ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่พร้อม ก็บอกเจ้าของว่าคิ้มไม่ไหว อันนี้ไม่สมควรขึ้นเลย เมาก็ยังไม่สมควรขึ้นใช่มั๊ย ถ้าเมาแล้วก็ไม่สมควรจะพูด ก็ยิ่งหนักขึ้นไปใหญ่เลย”

“เรื่องร่วมงานกัน พี่ไม่มีปัญหานะ ไม่เอาเรื่องพี่คิ้มมาใส่ใจ แบบว่ามีพี่คิ้มต้องไม่มีพี่ ไม่ใช่เลย เพียงแต่ว่าอยากจะบอกกับน้องว่าวันนี้พี่ก็จะพูดอย่าง วันหน้าก็จะพูดอย่างนี้ อยากให้จบกับพี่คนเดียว อย่าใช้วาจากับคนอื่นอีกต่อไป มันไม่สมควรอย่างยิ่ง”

ส่วนที่ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องสาวแจ้งว่า ตอนนี้สาวคิ้มรอเช็ควีดีโอเพื่อดูหลักฐานว่าตนได้พูดจริงหรือเปล่า หากพูดจริงถึงจะมีการแถลงข่าวภายหลังนั้น เจ๊จิ๊กท้าเช็คได้เลย มั่นใจมีพยานรู้เห็นเพียบ
“ได้เลยคะ เพราะมีตัวตนอยู่หลายคนมากๆ พี่มีพยานเยอะมาก ทั้งนั้นที่อยู่ในงาน ที่ไปในงานพี่ปุ๋ย น้องเอบีที่เป็นกระเทยที่เคยเล่นเรื่องสตรีเหล็กก็อยู่ในงาน แจ็ค จิว ที่เป็นนักร้อง หลายคนมากที่ตกใจ ทุกคนก็ได้บอกพี่ว่าอย่าถือสา ไม่ต้องชมเทป พี่คงไม่อยู่ๆ ก็มาโคมลอยข่าว เพื่อให้อยู่มีตรงนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ให้พี่ไปสร้างกระแสข่าวอย่างอื่นดีกว่า ซึ่งไม่ต้องการให้เป็นเรื่องแบบนี้ดีกว่า ไม่อยากให้เกิดเรื่อง แต่เกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องลงให้ถูก ไม่ต้องการให้ข่าวผิดพลาดออกไป พี่ก็ไม่ค่อยถูกพวกน้องๆ ถึงอยู่แล้ว จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีอยู่แล้ว แต่พี่ก็ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น อย่างเดียวคือความเป็นจริง วันหลังเขาจะได้รู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด ต้องดูกาลเทศะ รู้เวลา รู้หน้าที่ รู้คำพูด ”

ยันไม่ได้ต้องการคำขอโทษ และที่ออกมาพูดก็ไม่ได้ต้องการให้ตัวเองดูดี เพียงแต่อยากสะกิดเตือนสาวคิ้มว่าอย่าพูดแบบนี้กับใครอีก เพราะไม่สมควร
“พี่ไม่ต้องการมาขอโทษ ไม่ได้ทำให้พี่ดีขึ้นมา ไม่ได้ทำให้พี่สบายใจ หรือทำให้พี่เป็นเลิศไม่ใช่ พี่ต้องการให้เขารู้ความจริงว่าเขาพูด แล้วเขาไม่สมควรพูดอีกนะ อะไรก็แล้วแต่อย่ากับคนอื่น ไม่อย่างนั้นก็ต้องมาฟ้องร้อง เป็นเรื่องยืดยาวขึ้นมาอีก มันไม่มีประโยคหรอก ตอนนี้ใส่ตัวเองดีกว่า”

“(มันจะสายไปมั้ย ถ้าเขามาขอโทษ?) พี่ว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีคำว่าสายหรอก แต่คำว่าสายกับคำว่ารู้ตัวมันผิดกันนะ พี่อยากให้เขารู้ตัวมากกว่าสาย สายมันใช้ได้ทั่วไป รู้ตัวดีกว่า มันสำคัญมากกว่า รู้กาลเทศกับรู้ตัวพี่ว่ามันสำคัญกว่า มันต้องบ้างนะเพราะมันมีงานใหญ่โต มันต้องสำรวมนิดหนึ่ง มีสติดีๆ คำนี้ไม่ควรนะ ก็ต้องคิดนิดหนึ่ง เราอยู่สายทางบันเทิงเดียวกันเดี๋ยวก็ต้องไปเจอกันตามงาน”

“ยังมองหน้ากันติด พี่ไม่เคยโกธรใคร ถึงแม้พี่จะมีข่าวกับใคร พี่เจอพี่ก็ต้องวิ่งไปหาเขา ถึงเขาไม่ได้มาทักพี่ พี่ก็ไปทักเขา เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนโกธรคน มันไม่ได้เป็นการดีขึ้น แต่อย่าให้รู้ตัวว่ามันไม่ดีนะ ถ้าเกิดผิดพลาดอะไร ก็อยากให้ใครๆ มาให้อภัยพี่ ใครจะว่าพี่ติ๊งต๊องอะไรพี่ก็โอเค (อยากให้เรื่องนี้จบอย่างไร?) ใครตามหาคุณคิ้มเจอ ตัวคุณคิ้มยังไม่ได้ให้ข่าวอะไรเลย ก็เห็นนักข่าวบอกว่าคุณคิ้มกำลังรอเทปอยู่ ก็ให้เขาเช็กดู”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยังผู้จัดการส่วนตัว ก็ได้รับคำตอบว่า สาวคิ้มขอกลับไปเช็คเทปบันทึกภาพในวันเกิดเหตุก่อน ว่าตนได้พูดคำนั้นจริงหรือไม่? แล้วถึงจะออกมาแถลงข่าวชี้แจงด้วยตนเองในภายหลัง ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร “ASTVผู้จัดการออนไลน์” จะติดตามมานำเสนอต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น