เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (11พ.ค.) ที่โรงแรมอิมพีเรียลธารา กรุงเทพ นายจตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “ความจริง วิกฤตประชาธิปไตย 27 ประเด็นที่สังคมไทยต้องการคำตอบ” โดยมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ อดีตที่ปรึกษาส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายนิกร จำนง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน โดยมีม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล เป็นพิธีกรบนเวที
เนื้อหาสาระในหนังสือ จะกล่าวถึง 27 ประเด็นทางการเมืองที่พัฒนาทำให้เกิดการชุมนุม ถึงจุดที่การชุมนุมต้องยุติลง รวมถึงบทวิเคราะห์ปัญหาวิกฤตที่ยังคงอยู่ในสังคมไทย
นายจาตุรนต์ ยังได้เขียนถึงประเด็นที่เป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่เดินทางไปปิดล้อมการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่พัทยาว่า มองในแง่ดีแล้วยังต้องเรียกว่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กำชับกันให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า จะต้องไม่ให้เลยเถิดจนถึงขั้นล้มการประชุม ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็บกพร่อง ที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ที่มาประชุม รัฐบาลยังปล่อย หรือจัดให้มีกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน จำนวนมากไปทำร้ายในลักษณะยั่วยุกลุ่มคนเสื้อแดง แต่กลับไม่มีเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ป้องกันสถานที่ประชุมอย่างเพียงพอ
นายจตุรนต์ กล่าวว่า เราสับสนเรื่องการเมืองมานาน คนรู้สึกว่ายิ่งนานวันยิ่งวิกฤต และเชื่อว่าจะยังวิกฤตไปอีกนาน หากประเทศไทยจะพ้นวิกฤตทางการเมืองได้ ทุกคนต้องรู้หน้าที่ของตนเอง ต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นประชาธิปไตย แต่จะหวังให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย จะเกิดความเห็นที่แตกต่าง และจะเกิดการชุมนุมขึ้นมาอีก
นายจตุรนต์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นผลมาจากการยึดอำนาจ มีเนื้อหาที่จะกำหนดว่า อำนาจจะอยู่ที่องค์กร บุคคลที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีอำนาจหักล้างประชาชน ล้มนายกฯได้ โดยเน้นเนื้อหาในการหักล้างอำนาจประชาชน ตัดสิทธิ์ยังไม่พอ ยังให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง เช่น การออกรายการทำอาหารที่ต้องถึงขั้นยุบพรรค มีรัฐธรรมนูญมา 17-18 ฉบับ แต่ฉีกกันได้เป็นว่าเล่น สังคมต้องทำความเข้าใจว่า เราต้องปกครองโดยมีกฎหมายอยู่เหนือคน ไม่ใช่ให้ใครมาอยู่เหนือกฎหมาย
"ใน 3 ปีที่ผ่านมา เรื่องนิติรัฐ ไม่ได้ยึดหลักนิติธรรมเลย หรือที่เรียกว่า 2 มาตรฐาน เรื่องของนิติรัฐปรากฎในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องยึดถือหลักนิติรัฐ การที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่การเป็นอารยประเทศ การเป็นประชาธิปไตย ต้องหยุด ตุลาการภิวัฒน์ ให้ตุลาการภิวัฒน์ ถอยไปสู่ระบบตุลาการแท้ๆ แล้วค่อยมาพูดกันว่าตุลาการ สามารถคานอำนาจได้มากแค่ไหน และถ้าจะให้ตุลาการได้รับการเชื่อถือ จะต้องได้รับการตรวจสอบจากประชาชนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ วิกฤตการเมืองจะลดลงได้ ต้องมีการตรวจาสอบจากประชาชน"
ม.ล.ณัฐกรณ์ ถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน จะทำให้การเคลื่อนไหวยากมากขึ้นหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่ยาก อาจจะเป็นเรื่องยาก หรือง่ายกว่าเดิม พ.ต.ท.ทักษิณ จำเป็นต้องมีบทบาทน้อยลง การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต้องแยกออกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องของท่าน ท่านกับคนที่รักท่าน ก็ต้องต่อสู้กันทางการเมืองอีกต่อไป เนื่องจากท่านเป็นนายกฯ ที่ถูกยึดอำนาจที่ได้รับความเสียหาย ทั้งเรื่องการถูกตัดสิทธิทางการเมือง การถูกดำเนินคดี การต่อสู้จากนี้เพื่อ ทักษิณ ก็ต้องแยกแยะกับการเรียกร้องประชาธิปไตย และแม้ว่าจะให้จับอาวุธขึ้นสู้ ก็เอาด้วยไม่ได้ ฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ร่วมด้วย ต้องทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรมทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรมจริงๆ ต้องว่ากันเป็นเรื่องๆ
"สำหรับคนที่รักทักษิณ สู้เพื่อทักษิณ อย่าทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่า สู้เพื่อคนๆเดียว ไม่อย่างนั้นประชาธิปไตยก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ คนที่สู้เพื่อทักษิณ ต้องมาร่วมกันคิดว่า ทำอย่างไรให้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การสู้เพื่อทักษิณต้องลดลง ที่ผ่านมาถูกหาว่าเป็นการต่อสู้เพื่อทักษิณ ทั้งที่จริงแล้วมันเกินจริง เหตุการณ์ที่ พัทยา การปิดถนน อะไรที่รุนแรง หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องที่เสื้อแดงต้องรับผิดชอบทางการเมือง ถึงแม้จะเป็นการจัดฉากจากเสื้อน้ำเงินก็ตาม หลังสงกรานต์ คนเสื้อแดงกลายเป็นผู้ร้าย ผู้ที่ปราบปราม กลายเป็นพระเอก คนเสื้อแดงจะมีคนรักมากแค่ไหนประเมินไม่ถูก แต่จะเป็นพลังที่เข้มแข็งพอสมควร การที่คนจะยอมรับคนเสื้อแดงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ว่า เขาเสนออะไร ความเป็นนิติรัฐ ความก้าวหน้า หรือประชาธิปไตย เสื้อแดง เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ต้องให้เสื้อทุกสี ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถึงจะสำเร็จได้" นายจาตุรนต์กล่าว
ม.ล.ณัฐกรณ์ ถามว่าดูเหมือนพันธมิตรฯไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้พันธมิตรฯ จะบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องการเมืองใหม่หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่าเป็นเรื่องของแกนนำพันธมิตรฯกับผู้นำกองทัพบางคน โดยระบบทิศทางยังไปร่วมกันได้ เพราะต่างก็สนับสนุนการปกครองที่ประชาชนไม่มีอำนาจได้จริง กองทัพเมื่อไม่พอใจ ก็ยึดอำนาจ และให้ลูกน้องของตัวเองมาร่างรัฐธรรมนูญ แม้ไม่ถูกกันบ้าง แต่ก็ยังเคลื่อนไหวกันได้อยู่ ถ้ามีวิกฤตมากขึ้น ก็ยังร่วมกันได้ เชื่อได้ว่ายังสามารถอยู่ในเส้นทางเดียวกันได้
นายจตุรนต์ ยังกล่าวถึงเรื่องของสถาบันองคมนตรีว่า ไม่ได้มีการปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องของตัวบุคคล ซึ่งบทบาทขององคมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ต้องอยู่ในหลัก ในเกณฑ์ หรือติเพื่อก่อ แต่ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ตนก็ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตามไม่ควรมองว่าการวิพากษ์วิจารณ์องคมนตรีเป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ การประชุม 7 คน ที่บ้านนายปีย์ มาลากุล โดยมีองคมนตรี และตุลาการร่วมประชุม คุยเรื่องการยึดอำนาจ และการทำให้ทักษิณหายไป เรื่องนี้ทำไมไม่ฟ้องฐานหมิ่นประมาทกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่นำมาเปิดเผย ไม่แจ้งความ ปล่อยให้คนสงสัย จะได้มีการตรวจสอบให้ชัดกันไปเลย เมื่อเป็นอย่างนี้ประชาชนก็ได้แค่สงสัย
นายจาตุรนต์ ยังได้กล่าวตอนท้ายว่า สังคมไทยยังวิกฤตอีกนาน และจะวิกฤตมากกว่าที่เราคิด ต้องรีบทำความเข้าใจ ถ้าเข้าใจในประชาธิปไตย เชื่อในประชาธิปไตย นิติรัฐ นิติธรรม และพยายามทำให้เกิดขึ้น ก็จะเป็นภูมิต้านทานวิกฤตในอนาคต เพราะเราไม่รู้เราต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงมากแค่ไหน ซึ่งเราน่าจะมีทางออกที่ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ ถ้าปล่อยให้แย่เหมือนปัจจุบัน ก็จะแย่กันทุกฝ่าย ซึ่งทางออกต้องช่วยกันผลักดัน
จากนั้น นายจาตุรนต์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ความจริงแล้วตนไม่ได้อยู่ในจุดที่เป็นแกนนำ แต่ได้บอกไปว่า การเคลื่อนไหวจากนี้ไป ใครทำอะไรได้แค่ไหนในกรอบของประชาธิปไตยก็ทำไป แม้จะพยายามทำยาก เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาได้เพลี่ยงพล้ำในเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์ไปบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่รักประชาธิปไตย ยังต้องการสู้ต่อไป
ส่วนตัวคิดว่าบทบาทของกองทัพในขณะนี้ แม้จะมีอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวในบางพื้นที่ แต่ไม่ถึงกับเข้ามาล้างสมอง เพราะถ้าทำเช่นนั้นกองทัพจะเสียหายเอง อย่างไรก็ตามในระยะยาวประเทศไทยจะต้องทำให้กองทัพอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ของรัฐบาลพลเรือนให้ได้ ไม่ควรจะปล่อยให้คนอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ทำตามใจตนเอง ไม่อยากจะทำตามคำสั่ง หรืออยากจะทำตามคำสั่งของรัฐบาลก็ได้ โดยไม่มีกรอบ ที่สำคัญยังออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ทั้งที่บทบาท ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ที่ผ่านมากลับเป็นเพียงการอ้างว่าเป็นกลาง ทั้งที่ฟังไม่ขึ้น ดังนั้น ความน่าเชื่อถือในความเป็นกลางจึงไม่มีอีกแล้ว
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ประเด็นใหญ่ทางการเมืองที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันคือ การก้าวผ่านวิกฤติทางการเมืองโดยรัฐบาล ควรหยุดดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม หรือปั้นเรื่องเพื่อใส่ร้ายเช่น การล้มสถาบันฯ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ และยังเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศให้รุนแรง ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลนำข้อเสนอของตนเรื่องการเลือก ส.ส.ร.โดยไม่ให้ ส.ส. และ ส.ว.เข้ามาเกี่ยวข้อง จากนั้นจัดให้ทำประชามติ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้ปัญหาคลี่คลายลง เพราะตนไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำลอยตัวเหนือปัญหา ทั้งที่หลายเรื่องรับปากจะดำเนินการ
ส่วนเรื่องคณะกรรมการสมานฉันท์ฯนั้น ตนมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่น่าเสียดายที่นายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ มีท่าทีที่อ่อนลงต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพยายามสร้างเรื่องเพื่อทำลายล้างทางการเมือง แสดงถึงความไม่จริงใจ ถ้ารัฐบาลปรับท่าทีตรงนี้ได้ ทุกฝ่ายก็พร้อมให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนหนึ่งของหนังสือที่นายจาตุรนต์เขียนนั้น ระบุว่ามีการทุบรถนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทยจริง
"หลังจากนายกฯ ประกาศใช้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และกำลังจะเดินทางพร้อมคณะออกจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกาศ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ได้เข้าทุบรถนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ รวมทั้งทำร้ายผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บางคน ในเหตุการณ์นี้ได้มีเสียงปืนดังขึ้น มีการชี้แจงจากทางราชการว่า มีผู้บาดเจ็บ 2 คน แต่ประชาชนผู้อยู่ในเหตุการณ์แจ้งว่า มีประชาชนถูกยิงเสียชีวิต 2 คน แต่ไม่มีศพเป็นหลักฐานยืนยัน" ข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือระบุ
นอกจากนี้ยังเขียนถึง เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยระบุว่า "...กองทหาร พร้อมอาวุธก็ได้เข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่ปิดถนน และชุมนุมกันอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีผลให้มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 70 คน แบ่งเป็นทหาร 23 นาย และประชาชน 47 คน ในจำนวนนั้น มีผู้บาดเจ็บจากกระสุนปืนหลายคนโดยไม่พบศพผู้เสียชีวิต แต่มีการโจษขานกันว่า มีผู้เสียชีวิตหลายคน"
เนื้อหาสาระในหนังสือ จะกล่าวถึง 27 ประเด็นทางการเมืองที่พัฒนาทำให้เกิดการชุมนุม ถึงจุดที่การชุมนุมต้องยุติลง รวมถึงบทวิเคราะห์ปัญหาวิกฤตที่ยังคงอยู่ในสังคมไทย
นายจาตุรนต์ ยังได้เขียนถึงประเด็นที่เป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่เดินทางไปปิดล้อมการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่พัทยาว่า มองในแง่ดีแล้วยังต้องเรียกว่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กำชับกันให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า จะต้องไม่ให้เลยเถิดจนถึงขั้นล้มการประชุม ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็บกพร่อง ที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ที่มาประชุม รัฐบาลยังปล่อย หรือจัดให้มีกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน จำนวนมากไปทำร้ายในลักษณะยั่วยุกลุ่มคนเสื้อแดง แต่กลับไม่มีเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ป้องกันสถานที่ประชุมอย่างเพียงพอ
นายจตุรนต์ กล่าวว่า เราสับสนเรื่องการเมืองมานาน คนรู้สึกว่ายิ่งนานวันยิ่งวิกฤต และเชื่อว่าจะยังวิกฤตไปอีกนาน หากประเทศไทยจะพ้นวิกฤตทางการเมืองได้ ทุกคนต้องรู้หน้าที่ของตนเอง ต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นประชาธิปไตย แต่จะหวังให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย จะเกิดความเห็นที่แตกต่าง และจะเกิดการชุมนุมขึ้นมาอีก
นายจตุรนต์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นผลมาจากการยึดอำนาจ มีเนื้อหาที่จะกำหนดว่า อำนาจจะอยู่ที่องค์กร บุคคลที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีอำนาจหักล้างประชาชน ล้มนายกฯได้ โดยเน้นเนื้อหาในการหักล้างอำนาจประชาชน ตัดสิทธิ์ยังไม่พอ ยังให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง เช่น การออกรายการทำอาหารที่ต้องถึงขั้นยุบพรรค มีรัฐธรรมนูญมา 17-18 ฉบับ แต่ฉีกกันได้เป็นว่าเล่น สังคมต้องทำความเข้าใจว่า เราต้องปกครองโดยมีกฎหมายอยู่เหนือคน ไม่ใช่ให้ใครมาอยู่เหนือกฎหมาย
"ใน 3 ปีที่ผ่านมา เรื่องนิติรัฐ ไม่ได้ยึดหลักนิติธรรมเลย หรือที่เรียกว่า 2 มาตรฐาน เรื่องของนิติรัฐปรากฎในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องยึดถือหลักนิติรัฐ การที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่การเป็นอารยประเทศ การเป็นประชาธิปไตย ต้องหยุด ตุลาการภิวัฒน์ ให้ตุลาการภิวัฒน์ ถอยไปสู่ระบบตุลาการแท้ๆ แล้วค่อยมาพูดกันว่าตุลาการ สามารถคานอำนาจได้มากแค่ไหน และถ้าจะให้ตุลาการได้รับการเชื่อถือ จะต้องได้รับการตรวจสอบจากประชาชนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ วิกฤตการเมืองจะลดลงได้ ต้องมีการตรวจาสอบจากประชาชน"
ม.ล.ณัฐกรณ์ ถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน จะทำให้การเคลื่อนไหวยากมากขึ้นหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่ยาก อาจจะเป็นเรื่องยาก หรือง่ายกว่าเดิม พ.ต.ท.ทักษิณ จำเป็นต้องมีบทบาทน้อยลง การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต้องแยกออกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องของท่าน ท่านกับคนที่รักท่าน ก็ต้องต่อสู้กันทางการเมืองอีกต่อไป เนื่องจากท่านเป็นนายกฯ ที่ถูกยึดอำนาจที่ได้รับความเสียหาย ทั้งเรื่องการถูกตัดสิทธิทางการเมือง การถูกดำเนินคดี การต่อสู้จากนี้เพื่อ ทักษิณ ก็ต้องแยกแยะกับการเรียกร้องประชาธิปไตย และแม้ว่าจะให้จับอาวุธขึ้นสู้ ก็เอาด้วยไม่ได้ ฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ร่วมด้วย ต้องทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรมทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรมจริงๆ ต้องว่ากันเป็นเรื่องๆ
"สำหรับคนที่รักทักษิณ สู้เพื่อทักษิณ อย่าทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่า สู้เพื่อคนๆเดียว ไม่อย่างนั้นประชาธิปไตยก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ คนที่สู้เพื่อทักษิณ ต้องมาร่วมกันคิดว่า ทำอย่างไรให้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การสู้เพื่อทักษิณต้องลดลง ที่ผ่านมาถูกหาว่าเป็นการต่อสู้เพื่อทักษิณ ทั้งที่จริงแล้วมันเกินจริง เหตุการณ์ที่ พัทยา การปิดถนน อะไรที่รุนแรง หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องที่เสื้อแดงต้องรับผิดชอบทางการเมือง ถึงแม้จะเป็นการจัดฉากจากเสื้อน้ำเงินก็ตาม หลังสงกรานต์ คนเสื้อแดงกลายเป็นผู้ร้าย ผู้ที่ปราบปราม กลายเป็นพระเอก คนเสื้อแดงจะมีคนรักมากแค่ไหนประเมินไม่ถูก แต่จะเป็นพลังที่เข้มแข็งพอสมควร การที่คนจะยอมรับคนเสื้อแดงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ว่า เขาเสนออะไร ความเป็นนิติรัฐ ความก้าวหน้า หรือประชาธิปไตย เสื้อแดง เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ต้องให้เสื้อทุกสี ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถึงจะสำเร็จได้" นายจาตุรนต์กล่าว
ม.ล.ณัฐกรณ์ ถามว่าดูเหมือนพันธมิตรฯไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้พันธมิตรฯ จะบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องการเมืองใหม่หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่าเป็นเรื่องของแกนนำพันธมิตรฯกับผู้นำกองทัพบางคน โดยระบบทิศทางยังไปร่วมกันได้ เพราะต่างก็สนับสนุนการปกครองที่ประชาชนไม่มีอำนาจได้จริง กองทัพเมื่อไม่พอใจ ก็ยึดอำนาจ และให้ลูกน้องของตัวเองมาร่างรัฐธรรมนูญ แม้ไม่ถูกกันบ้าง แต่ก็ยังเคลื่อนไหวกันได้อยู่ ถ้ามีวิกฤตมากขึ้น ก็ยังร่วมกันได้ เชื่อได้ว่ายังสามารถอยู่ในเส้นทางเดียวกันได้
นายจตุรนต์ ยังกล่าวถึงเรื่องของสถาบันองคมนตรีว่า ไม่ได้มีการปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องของตัวบุคคล ซึ่งบทบาทขององคมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ต้องอยู่ในหลัก ในเกณฑ์ หรือติเพื่อก่อ แต่ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ตนก็ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตามไม่ควรมองว่าการวิพากษ์วิจารณ์องคมนตรีเป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ การประชุม 7 คน ที่บ้านนายปีย์ มาลากุล โดยมีองคมนตรี และตุลาการร่วมประชุม คุยเรื่องการยึดอำนาจ และการทำให้ทักษิณหายไป เรื่องนี้ทำไมไม่ฟ้องฐานหมิ่นประมาทกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่นำมาเปิดเผย ไม่แจ้งความ ปล่อยให้คนสงสัย จะได้มีการตรวจสอบให้ชัดกันไปเลย เมื่อเป็นอย่างนี้ประชาชนก็ได้แค่สงสัย
นายจาตุรนต์ ยังได้กล่าวตอนท้ายว่า สังคมไทยยังวิกฤตอีกนาน และจะวิกฤตมากกว่าที่เราคิด ต้องรีบทำความเข้าใจ ถ้าเข้าใจในประชาธิปไตย เชื่อในประชาธิปไตย นิติรัฐ นิติธรรม และพยายามทำให้เกิดขึ้น ก็จะเป็นภูมิต้านทานวิกฤตในอนาคต เพราะเราไม่รู้เราต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงมากแค่ไหน ซึ่งเราน่าจะมีทางออกที่ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ ถ้าปล่อยให้แย่เหมือนปัจจุบัน ก็จะแย่กันทุกฝ่าย ซึ่งทางออกต้องช่วยกันผลักดัน
จากนั้น นายจาตุรนต์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ความจริงแล้วตนไม่ได้อยู่ในจุดที่เป็นแกนนำ แต่ได้บอกไปว่า การเคลื่อนไหวจากนี้ไป ใครทำอะไรได้แค่ไหนในกรอบของประชาธิปไตยก็ทำไป แม้จะพยายามทำยาก เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาได้เพลี่ยงพล้ำในเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์ไปบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่รักประชาธิปไตย ยังต้องการสู้ต่อไป
ส่วนตัวคิดว่าบทบาทของกองทัพในขณะนี้ แม้จะมีอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวในบางพื้นที่ แต่ไม่ถึงกับเข้ามาล้างสมอง เพราะถ้าทำเช่นนั้นกองทัพจะเสียหายเอง อย่างไรก็ตามในระยะยาวประเทศไทยจะต้องทำให้กองทัพอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ของรัฐบาลพลเรือนให้ได้ ไม่ควรจะปล่อยให้คนอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ทำตามใจตนเอง ไม่อยากจะทำตามคำสั่ง หรืออยากจะทำตามคำสั่งของรัฐบาลก็ได้ โดยไม่มีกรอบ ที่สำคัญยังออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ทั้งที่บทบาท ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ที่ผ่านมากลับเป็นเพียงการอ้างว่าเป็นกลาง ทั้งที่ฟังไม่ขึ้น ดังนั้น ความน่าเชื่อถือในความเป็นกลางจึงไม่มีอีกแล้ว
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ประเด็นใหญ่ทางการเมืองที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันคือ การก้าวผ่านวิกฤติทางการเมืองโดยรัฐบาล ควรหยุดดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม หรือปั้นเรื่องเพื่อใส่ร้ายเช่น การล้มสถาบันฯ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ และยังเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศให้รุนแรง ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลนำข้อเสนอของตนเรื่องการเลือก ส.ส.ร.โดยไม่ให้ ส.ส. และ ส.ว.เข้ามาเกี่ยวข้อง จากนั้นจัดให้ทำประชามติ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้ปัญหาคลี่คลายลง เพราะตนไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำลอยตัวเหนือปัญหา ทั้งที่หลายเรื่องรับปากจะดำเนินการ
ส่วนเรื่องคณะกรรมการสมานฉันท์ฯนั้น ตนมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่น่าเสียดายที่นายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ มีท่าทีที่อ่อนลงต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพยายามสร้างเรื่องเพื่อทำลายล้างทางการเมือง แสดงถึงความไม่จริงใจ ถ้ารัฐบาลปรับท่าทีตรงนี้ได้ ทุกฝ่ายก็พร้อมให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนหนึ่งของหนังสือที่นายจาตุรนต์เขียนนั้น ระบุว่ามีการทุบรถนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทยจริง
"หลังจากนายกฯ ประกาศใช้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และกำลังจะเดินทางพร้อมคณะออกจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกาศ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ได้เข้าทุบรถนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ รวมทั้งทำร้ายผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บางคน ในเหตุการณ์นี้ได้มีเสียงปืนดังขึ้น มีการชี้แจงจากทางราชการว่า มีผู้บาดเจ็บ 2 คน แต่ประชาชนผู้อยู่ในเหตุการณ์แจ้งว่า มีประชาชนถูกยิงเสียชีวิต 2 คน แต่ไม่มีศพเป็นหลักฐานยืนยัน" ข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือระบุ
นอกจากนี้ยังเขียนถึง เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยระบุว่า "...กองทหาร พร้อมอาวุธก็ได้เข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่ปิดถนน และชุมนุมกันอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีผลให้มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 70 คน แบ่งเป็นทหาร 23 นาย และประชาชน 47 คน ในจำนวนนั้น มีผู้บาดเจ็บจากกระสุนปืนหลายคนโดยไม่พบศพผู้เสียชีวิต แต่มีการโจษขานกันว่า มีผู้เสียชีวิตหลายคน"