ASTVผู้จัดการรายวัน - “อลงกรณ์”ยันเหตุปะทะผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ย่านพัฒน์พงศ์เจ้าหน้าที่ทำถูกต้องกรอบกฎหมาย สั่งเดินหน้าล้างบางผู้ทรงอิทธิพลชักใยเบื้องหลัง ให้เดินหน้าลุยสแกนพื้นที่ต่อทุก 2 วันในพื้นที่สีแดง คลองถม มาบุญครอง “อนุพงษ์” ปัดต้องรับภาระทุกอย่างในไทย “พัชรวาท” ขู่คาดโทษตำรวจที่ไปเกี่ยวข้อง ตร.นครบาลตื่นตูมสั่งปราบปรามของเถื่อนทันที
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงเหตุปะทะของเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างเข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ย่านพัฒน์พงศ์ว่า มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน และบาดเจ็บอีก 10 คน ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกรอบกฎหมายแต่มีการปิดล้อมจากกลุ่มผู้ค้าและแย่งชิงสินค้าทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น
“เจ้าหน้าที่กว่า 100 คน เข้าตรวจค้นตั้งแต่ 21.30 น. โดยระหว่างการนำผู้ต้องหาและของกลางเพื่อไปลงบันทึกประจำวันที่สน.บางรัก ก็เกิดไฟดับและมีการยิงปืน 4 นัดขึ้นฟ้า ซึ่งไม่ใช้เจ้าหน้าที่ยิง ต่อจากนั้นก็มีการตีสกัดเจ้าหน้าที่เพื่อแย่งคนและของกลาง จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยไปหลบในโรงแรมมณเทียร แต่ก็มีการตามไปปิดล้อมและแย่งชิงต่อจนถึงเวลาเที่ยงคืนและก็ได้ขอกำลังตำรวจเสริม”
นายอลงกรณ์กล่าวว่า เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่ายได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัมรินทร์ เนียมสกุล ซึ่งเป็นคณะทำงานปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีวันที่ 7 พ.ค. และให้รายงานผลการตรวจสอบต่อตน หากพบว่าผิดจริงก็พร้อมลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา
ขณะเดียวกัน มอบหมายให้นางปัจฉิมา ธนสันติ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมฯ หากพบว่า เกิดความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ก็จะต้องเยียวยาช่วยเหลือกันต่อไป
“ยืนยันว่าการดำเนินการกวาดล้างของละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อสร้างภาพให้รัฐบาลในช่วงการจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน แต่เป็นมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ทำมาต่อเนื่อง เพราะสินค้าเหล่านี้ทำลายการค้าให้เสียหายไม่น้อยกว่าปีละ 2-3 แสนล้านบาท จนทำให้ผู้ผลิตและขายสินค้าถูกกฎหมาย ต้องปิดโรงงาน และมีคนตกงานจำนวนมาก”
หลังจากนี้จะเดินหน้าปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง โดยอีก 2 วัน จะนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ที่พัฒน์พงศ์อีกครั้ง และจะดำเนินการกับพื้นที่อื่นๆ เป็นประจำทุก 2 วัน ไม่ว่าจะเป็น มาบุญครอง คลองถม บ้านหม้อ หรือสะพานเหล็ก ซึ่งในการลงพื้นที่เจ้าหน้าที่จะแสดงบัตรก่อนเข้าจับกุมทุกครั้ง
“พื้นที่พัฒน์พงศ์เป็นพื้นที่สีแดงที่มีการขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาก และยังพบผู้มีอิทธิพลบงการอยู่เบื้องหลังทำให้มีการขายสินค้าผิดกฎหมายมาก ซึ่งจะปราบปรามสาวลึกให้ถึงตัวการ เพราะการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นวาระแห่งชาติไม่ว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลกลุ่มใด เป็นมาเฟีย ผู้รับส่วย มีสี หรือไม่มีสีก็ไม่ละเว้น ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คณะทำงานปราบปรามทั้ง 5 ชุด ถูกขัดขวางการดำเนินคดีจากผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น”
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ โดยกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าละเมิดจะต้องมีความผิด ส่วนเจ้าของสถานที่ที่ให้เช่าขายสินค้าละเมิดก็จะต้องมีความผิดด้วย ซึ่งขณะนี้ขอความร่วมมือให้เจ้าของห้างสรรรพสินค้าและอาคารพาณิชย์ ชี้แจงแก่ผู้เช่าร้านขายของในพื้นที่ให้เลิกการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สิน ภายใน 30 วัน หากครบกำหนดพบว่ายังมีการเพิกเฉยก็จะเข้าปราบปรามและใช้มาตรการเอาผิดกับเจ้าของอาคาร
*** “อนุพงษ์” ปัดรับภาระทุกอย่างในไทย
พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงที่มีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จับผู้ค้าย่านพัฒน์พงษ์ที่ค้าขายของละเมิดลิขสิทธิ์ว่า ตนไม่ได้รับการร้องขอมาจากเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ และไม่ได้มีการจัดกำลังเข้าไปร่วม ถ้าหากจะมีตนก็ไม่แน่ใจว่าจะไปสามารถทำในลักษณะใด ๆ ได้ เพราะจะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านกฎหมายเป็นคนดู
เมื่อถามว่า เราจะดูแลในเรื่องของมาเฟียหรือผู้ที่มีอิทธิพลอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องภัยคุกคามที่กอ.รมน.ได้รับมอบหมายให้ดูแลไม่มีในส่วนนี้คิดว่า เราคงไม่นำเอาภาระทุกอย่างในประเทศไทยมารับผิดชอบ เจ้าหน้าที่เทศกิจหรือเจ้าหน้าที่เฉพาะที่ทำได้จะทำหน้าที่ตรงนี้ ในส่วนของกอ.รมน.คงจะรับผิดชอบเฉพาะภัยคุกคาม หากว่า รัฐบาลสั่งการมาเฉพาะคงจะต้องนำไปพิจารณากัน
***"พัชรวาท" ขู่คาดโทษตำรวจ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกระทรวงพาณิชย์ระดมกวาดล้างผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ย่านพัฒนพงศ์ว่า ได้รับรายงานด้วยวาจาจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ว่าในการจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปร่วมจับกุมด้วย แต่ในรายละเอียดที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังมาไม่ถึงมือ
ส่วนกรณีที่เคยมีชื่อของตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติเข้าไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากมีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก หากพบว่ามีตำรวจกระทำการเช่นที่ถูกกล่าวหาจริง ต้องจัดการลงโทษ
**นครบาลตื่นสั่งปราบของเถื่อน**
พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.ฝ่ายป้องกันและปราบปราม เปิดเผยหลังประชุม รอง ผบก.น.1-9 ตปพ.ที่รับผิดชอบงานด้านปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อกำชับสั่งการในการดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถึงกรณีชุดเฉพาะกิจกระทรวงพาณิชย์ระดมกวาดล้างผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ย่านพัฒนพงษ์ ว่า พ.อ.นรินทร์ พรรณรายน์ ซึ่งเป็นรองประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้นำกำลัง กอ.รมน.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กอ.รมน.เข้าไปจับกุมผู้ค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ย่านพัฒนพงษ์ สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 4 คน
ปัญหาที่เกิดเนื่องจากชุดจับกุมได้ยึดสินค้าจากบรรดาผู้ค้าไปทั้งหมด โดยไม่มีการแยกว่าสินค้าใดที่เข้าข่ายความผิด ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่จะต้องแยกสินค้าและยึดไปเฉพาะสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่พอใจจึงเกิดการต่อต้าน อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก ได้เข้าไปเจรจาจนเหตุการณ์สงบเรียบร้อย
พล.ต.ต.วิบูลย์กล่าวว่า ผู้ค้าได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ พกพาอาวุธปืนและทำร้ายร่างกายกับชุดจับกุม ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งการเข้าจับกุมครั้งนี้ มี พ.อ.นรินทร์ เป็นรองประธานคณะทำงาน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากกระทรวงพาณิชย์ ส่วนคนที่ไปประกอบด้วยกำลัง 50 คน ต้องไปสืบสวนสอบสวนว่าเขามีอำนาจหรือไม่ หากเป็นการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ มีคนรับรองมาอย่างถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหา
**ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ**
ที่ สน.บางรัก นายอิทธิพล พรหมจรรย์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 133/300 หมู่ 2 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดินทางพบ ร.ต.ท.โชคชัย สารคุณ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางรัก เพื่อให้ปากคำแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ กระทรวงพาณิชย์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และลักทรัพย์ โดยนำเอกสารใบรับรองแพทย์ รพ.เลิดสิน ไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พ.ต.ท.เฉลิมพรรษ์ เปาอินทร์ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก กล่าวว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเข้าจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย 1.นายพรทวี การุณ 2.นายสุวรรณ์ นันทรัตน์ 3.นายศุภชัย คลองดอนสงค์ และ 4.นายอิทธิพล พรหมจรรย์ ส่งพนักงานสอบสวน เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมประกันตัวไปแล้ว คนละ 10,000 บาท นอกจากนี้ ได้มีกลุ่มผู้ค้าที่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุม จำนวน 11 ราย เนื่องจากได้รับความเสียหายและถูกยึดสินค้าไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป.
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงเหตุปะทะของเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างเข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ย่านพัฒน์พงศ์ว่า มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน และบาดเจ็บอีก 10 คน ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกรอบกฎหมายแต่มีการปิดล้อมจากกลุ่มผู้ค้าและแย่งชิงสินค้าทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น
“เจ้าหน้าที่กว่า 100 คน เข้าตรวจค้นตั้งแต่ 21.30 น. โดยระหว่างการนำผู้ต้องหาและของกลางเพื่อไปลงบันทึกประจำวันที่สน.บางรัก ก็เกิดไฟดับและมีการยิงปืน 4 นัดขึ้นฟ้า ซึ่งไม่ใช้เจ้าหน้าที่ยิง ต่อจากนั้นก็มีการตีสกัดเจ้าหน้าที่เพื่อแย่งคนและของกลาง จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยไปหลบในโรงแรมมณเทียร แต่ก็มีการตามไปปิดล้อมและแย่งชิงต่อจนถึงเวลาเที่ยงคืนและก็ได้ขอกำลังตำรวจเสริม”
นายอลงกรณ์กล่าวว่า เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่ายได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัมรินทร์ เนียมสกุล ซึ่งเป็นคณะทำงานปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีวันที่ 7 พ.ค. และให้รายงานผลการตรวจสอบต่อตน หากพบว่าผิดจริงก็พร้อมลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา
ขณะเดียวกัน มอบหมายให้นางปัจฉิมา ธนสันติ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมฯ หากพบว่า เกิดความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ก็จะต้องเยียวยาช่วยเหลือกันต่อไป
“ยืนยันว่าการดำเนินการกวาดล้างของละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อสร้างภาพให้รัฐบาลในช่วงการจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน แต่เป็นมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ทำมาต่อเนื่อง เพราะสินค้าเหล่านี้ทำลายการค้าให้เสียหายไม่น้อยกว่าปีละ 2-3 แสนล้านบาท จนทำให้ผู้ผลิตและขายสินค้าถูกกฎหมาย ต้องปิดโรงงาน และมีคนตกงานจำนวนมาก”
หลังจากนี้จะเดินหน้าปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง โดยอีก 2 วัน จะนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ที่พัฒน์พงศ์อีกครั้ง และจะดำเนินการกับพื้นที่อื่นๆ เป็นประจำทุก 2 วัน ไม่ว่าจะเป็น มาบุญครอง คลองถม บ้านหม้อ หรือสะพานเหล็ก ซึ่งในการลงพื้นที่เจ้าหน้าที่จะแสดงบัตรก่อนเข้าจับกุมทุกครั้ง
“พื้นที่พัฒน์พงศ์เป็นพื้นที่สีแดงที่มีการขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาก และยังพบผู้มีอิทธิพลบงการอยู่เบื้องหลังทำให้มีการขายสินค้าผิดกฎหมายมาก ซึ่งจะปราบปรามสาวลึกให้ถึงตัวการ เพราะการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นวาระแห่งชาติไม่ว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลกลุ่มใด เป็นมาเฟีย ผู้รับส่วย มีสี หรือไม่มีสีก็ไม่ละเว้น ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คณะทำงานปราบปรามทั้ง 5 ชุด ถูกขัดขวางการดำเนินคดีจากผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น”
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ โดยกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าละเมิดจะต้องมีความผิด ส่วนเจ้าของสถานที่ที่ให้เช่าขายสินค้าละเมิดก็จะต้องมีความผิดด้วย ซึ่งขณะนี้ขอความร่วมมือให้เจ้าของห้างสรรรพสินค้าและอาคารพาณิชย์ ชี้แจงแก่ผู้เช่าร้านขายของในพื้นที่ให้เลิกการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สิน ภายใน 30 วัน หากครบกำหนดพบว่ายังมีการเพิกเฉยก็จะเข้าปราบปรามและใช้มาตรการเอาผิดกับเจ้าของอาคาร
*** “อนุพงษ์” ปัดรับภาระทุกอย่างในไทย
พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงที่มีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จับผู้ค้าย่านพัฒน์พงษ์ที่ค้าขายของละเมิดลิขสิทธิ์ว่า ตนไม่ได้รับการร้องขอมาจากเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ และไม่ได้มีการจัดกำลังเข้าไปร่วม ถ้าหากจะมีตนก็ไม่แน่ใจว่าจะไปสามารถทำในลักษณะใด ๆ ได้ เพราะจะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านกฎหมายเป็นคนดู
เมื่อถามว่า เราจะดูแลในเรื่องของมาเฟียหรือผู้ที่มีอิทธิพลอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องภัยคุกคามที่กอ.รมน.ได้รับมอบหมายให้ดูแลไม่มีในส่วนนี้คิดว่า เราคงไม่นำเอาภาระทุกอย่างในประเทศไทยมารับผิดชอบ เจ้าหน้าที่เทศกิจหรือเจ้าหน้าที่เฉพาะที่ทำได้จะทำหน้าที่ตรงนี้ ในส่วนของกอ.รมน.คงจะรับผิดชอบเฉพาะภัยคุกคาม หากว่า รัฐบาลสั่งการมาเฉพาะคงจะต้องนำไปพิจารณากัน
***"พัชรวาท" ขู่คาดโทษตำรวจ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกระทรวงพาณิชย์ระดมกวาดล้างผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ย่านพัฒนพงศ์ว่า ได้รับรายงานด้วยวาจาจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ว่าในการจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปร่วมจับกุมด้วย แต่ในรายละเอียดที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังมาไม่ถึงมือ
ส่วนกรณีที่เคยมีชื่อของตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติเข้าไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากมีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก หากพบว่ามีตำรวจกระทำการเช่นที่ถูกกล่าวหาจริง ต้องจัดการลงโทษ
**นครบาลตื่นสั่งปราบของเถื่อน**
พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.ฝ่ายป้องกันและปราบปราม เปิดเผยหลังประชุม รอง ผบก.น.1-9 ตปพ.ที่รับผิดชอบงานด้านปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อกำชับสั่งการในการดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถึงกรณีชุดเฉพาะกิจกระทรวงพาณิชย์ระดมกวาดล้างผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ย่านพัฒนพงษ์ ว่า พ.อ.นรินทร์ พรรณรายน์ ซึ่งเป็นรองประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้นำกำลัง กอ.รมน.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กอ.รมน.เข้าไปจับกุมผู้ค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ย่านพัฒนพงษ์ สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 4 คน
ปัญหาที่เกิดเนื่องจากชุดจับกุมได้ยึดสินค้าจากบรรดาผู้ค้าไปทั้งหมด โดยไม่มีการแยกว่าสินค้าใดที่เข้าข่ายความผิด ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่จะต้องแยกสินค้าและยึดไปเฉพาะสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่พอใจจึงเกิดการต่อต้าน อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก ได้เข้าไปเจรจาจนเหตุการณ์สงบเรียบร้อย
พล.ต.ต.วิบูลย์กล่าวว่า ผู้ค้าได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ พกพาอาวุธปืนและทำร้ายร่างกายกับชุดจับกุม ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งการเข้าจับกุมครั้งนี้ มี พ.อ.นรินทร์ เป็นรองประธานคณะทำงาน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากกระทรวงพาณิชย์ ส่วนคนที่ไปประกอบด้วยกำลัง 50 คน ต้องไปสืบสวนสอบสวนว่าเขามีอำนาจหรือไม่ หากเป็นการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ มีคนรับรองมาอย่างถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหา
**ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ**
ที่ สน.บางรัก นายอิทธิพล พรหมจรรย์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 133/300 หมู่ 2 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดินทางพบ ร.ต.ท.โชคชัย สารคุณ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางรัก เพื่อให้ปากคำแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ กระทรวงพาณิชย์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และลักทรัพย์ โดยนำเอกสารใบรับรองแพทย์ รพ.เลิดสิน ไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พ.ต.ท.เฉลิมพรรษ์ เปาอินทร์ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก กล่าวว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเข้าจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย 1.นายพรทวี การุณ 2.นายสุวรรณ์ นันทรัตน์ 3.นายศุภชัย คลองดอนสงค์ และ 4.นายอิทธิพล พรหมจรรย์ ส่งพนักงานสอบสวน เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมประกันตัวไปแล้ว คนละ 10,000 บาท นอกจากนี้ ได้มีกลุ่มผู้ค้าที่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุม จำนวน 11 ราย เนื่องจากได้รับความเสียหายและถูกยึดสินค้าไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป.