ASTVผู้จัดการรายวัน - แฉเบื้องหลัง “อลงกรณ์” ติดกับมาเฟียสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หลังส่งมือใหม่หัดขับลงพื้นที่ย่านพัฒนพงษ์ แต่เจอตอถูกเล่นงานหน้าหงาย จากฝ่ายถูกกลายเป็นผิด เผยเหตุเจอ 2 ตระกูลใหญ่ “ว” กับ “ก” ที่มีเครือญาติคุมนำเข้าสินค้าปลอม และคุมตลาดค้าปลีกค้าส่ง ปลุกม็อบลุกต้าน แถมมีแบ็กดี ตำรวจท้องที่ช่วยดูแล เหตุจ่ายหนัก ปูดอีกมี 20 มาเฟียซีดีเถื่อนย่านบ้านหม้อ คลองถม ที่ตำรวจไม่กล้าแตะเหมือนกัน “สัญญา” โต้เดือดรอง ผบ.ชน. จ้องดิสเครดิตพาณิชย์ เผยเร็วๆ นี้มีแฉตำรวจรับส่วย
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นชุดที่แต่งตั้งโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่จับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ย่านพัฒน์พงศ์ และมีปัญหาทำร้ายร่างกาย และแย่งของกลางกันเกิดขึ้นส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าชุดจับกุมดังกล่าว เป็นชุดทำงานมือใหม่ ที่ดึงเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยงานต่างๆ เจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วมทำงาน และในการทำงานได้เน้นการจับกุมพื้นที่ที่มีอิทธิพล และตำรวจท้องที่ย่อหย่อนในการดำเนินการ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ไม่แม่นข้อกฎหมาย การวางตัว คำพูด และใช้วิธีการไม่ละมุนละม่อม ทำให้มีปัญหาการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น แต่ถ้าถามว่าเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ทำงานเป็นอย่างไร ก็ต้องตอบว่าดี เพราะเป็นชุดทำงานที่กล้าลงไปในพื้นที่ที่มีอิทธิพล ลงไปในพื้นที่ที่มีมาเฟียคุม”แหล่งข่าวกล่าว
ก่อนหน้านี้ ชุดเฉพาะกิจชุดนี้ได้ลงพื้นที่ไปจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่ตลาดนัดเกษตร จ.ราชบุรี ซึ่งสามารถจับกุมซีดีละเมิดได้เป็นแสนแผ่น และเมื่อต้นเดือน เม.ย. ได้ไปจับกุมสินค้าละเมิดที่บริเวณสะพานพุทธ และคลองถม และล่าสุดที่พัฒนพงษ์ตามที่เป็นข่าวเกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีผู้มีอิทธิพลและมาเฟียดูแลอยู่ทั้งนั้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เฉพาะพื้นที่จำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบริเวณพัฒนพงษ์ จากการตรวจสอบพบว่ามี 2 ตระกูล ใหญ่ คือ ตระกูล “ว” และตระกูล “ก” ที่มีเครือญาติพี่น้องร่วมกันค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งเป็นผู้นำเข้าสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากต่างประเทศ เช่น นาฬิกา กระเป๋า กางเกงยืนส์ เสื้อผ้า ซีดีภาพยนตร์และซีดีเพลง
ทั้งนี้ ในส่วนของตระกูล “ว” มีเครือข่ายรวมทั้งสิ้น 11 เครือข่าย และตระกูล “ก” มีเครือข่ายรวม 6 เครือข่าย
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่พ่อค้าแม่ค้าในย่านพัฒน์พงศ์สามารถจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาได้ยาวนานอย่างต่อเนื่องนั้น จากการสืบค้นข้อมูลในทางลึก พบว่า 2 ตระกูลที่คุมธุรกิจสินค้าละเมิด ได้จัดการส่งส่วยให้ตำรวจท้องที่ที่ดูแลเดือนละ 30% ของรายได้รวม เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้า โดยมีคนได้ประโยชน์จากวงจรธุรกิจนี้ได้แก่ พ่อค้า แม่ค้า ที่รับสินค้ามาขาย เจ้าของพื้นที่ที่ให้เช่าพื้นที่ขาย และตำรวจท้องที่ที่ได้รับส่วยในแต่ละเดือน
“ทุกๆ ครั้งที่จะมีการจับกุม และใช้ตำรวจท้องที่ พ่อค้า แม่ค้า จะรู้ล่วงหน้า พากันเก็บของหมด พอไปจับก็ไม่ได้อะไร เหมือนครั้งนี้ ที่เข้าไปจับกุมเมื่อคืนวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งเป็นหน่วยงานอื่นไปจับกุม ก็จะใช้วิธีการจัดม็อบกดดัน ตำรวจท้องที่ก็เหมือนไม่อยากทำอะไร และยังปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้ามาแย่งของกลางที่ยึดได้กลับคืนไปอีก” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากพื้นที่พัฒนพงษ์ที่มีตระกูลผู้มีอิทธิพลคุม ในพื้นที่ตลาดบ้านหม้อ และคลองถม สะพานเหล็ก ก็มีมาเฟียคุมอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ตำรวจท้องที่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะมีการจ่ายส่วยให้ทุกเดือน ทำให้มีการปล่อยปละละเลยให้มีการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งซีดีภาพยนตร์ ซีดีเพลง ได้อย่างต่อเนื่องโดยจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ค้าซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 20 ราย
ทั้ง 20 รายนั้น ได้แก่ เฮียโกศล เฮียโป๊ย และเฮียอั้ง ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่บริเวณตลาดบ้านหม้อ และตลาดคลองถม นายหมี ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่บริเวณคลองถมเซ็นเตอร์ ซ้อสี่ ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่บริเวณตลาดคลองถม จ่าธน พจน์ บ้านหม้อ เฮียแกละ เมียจ่าบูลย์ ค้าส่งรายใหญ่ตลาดบ้านหม้อ เปิ้ล สะพานเหล็ก ค้าปลีก-ค้าส่งตลาดสะพานเหล็ก สิงโต คลองถม เฮียมังกร เจ๊นีย์เจ๊กิก คลองถม หมี เจ๊โบว์ คลองถม เจ๊บิก เจ๊ไก่ คลองถม และเฮียฉิก คลองถม ค้าปลีก-ค้าส่งบริเวณตลาดคลองถม
นายสัญญา สถิรบุตร ประธานที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการโจมตีทำให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายจากการจับกุม โดยเฉพาะพล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบ.ชน. ที่ออกมาระบุว่าการจับลิขสิทธิ์ต้องไปแจ้งที่สน.ท้องที่ก่อน แล้วจึงมีการลงบันทึกประจำวันว่าร้านนั้น ร้านนี้มีสินค้าละเมิดอะไร แล้วถึงไปดำเนินการจับกุม เป็นการชี้นำหรือไม่
และกรณีที่ออกมาระบุว่าการยึดสินค้าที่ละเมิด เป็นการทำให้เศรษฐกิจแย่ เศรษฐกิจของพ่อค้าแม่ค้าแย่ หรือของมาเฟียที่คุมผลประโยชย์แย่ ทำไมไม่พูดให้ชัด หรือถ้าอยากให้ข่าวอะไร ทำไมไม่รอให้ผลการสอบสวนออกมาก่อนว่าใครผิดใครถูก แล้วค่อยออกมาพูด
“ไม่คิดว่านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่วุฒิภาวะถึงระดับนั้น พูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไร ไม่คิดว่าท่านจะซื่อบริสุทธิ์ จนไม่รู้เลยหรือว่าสินค้าของเถื่อน ของปลอมที่วางขายกันอย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผย ซื้อขายกันหน้าตาเฉย ไม่กลัวถูกจับกุม ถูกยึด ถูกฟ้องร้อง รับโทษทัณฑ์นั้น เขารู้กันทั้งนั้นว่าใครอยู่เบื้องหลัง ตำรวจพื้นที่ไม่กล้าที่จะปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมายเนิ่นนานขนาดนี้ ถ้าไม่มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง และยังได้ข่าวจากตำรวจดีๆ อีกว่า มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับส่วย เรื่องนี้ไม่ช้าไม่นานก็คงจะรู้ว่าเป็นใคร” นายสัญญากล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นชุดที่แต่งตั้งโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่จับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ย่านพัฒน์พงศ์ และมีปัญหาทำร้ายร่างกาย และแย่งของกลางกันเกิดขึ้นส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าชุดจับกุมดังกล่าว เป็นชุดทำงานมือใหม่ ที่ดึงเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยงานต่างๆ เจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วมทำงาน และในการทำงานได้เน้นการจับกุมพื้นที่ที่มีอิทธิพล และตำรวจท้องที่ย่อหย่อนในการดำเนินการ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ไม่แม่นข้อกฎหมาย การวางตัว คำพูด และใช้วิธีการไม่ละมุนละม่อม ทำให้มีปัญหาการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น แต่ถ้าถามว่าเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ทำงานเป็นอย่างไร ก็ต้องตอบว่าดี เพราะเป็นชุดทำงานที่กล้าลงไปในพื้นที่ที่มีอิทธิพล ลงไปในพื้นที่ที่มีมาเฟียคุม”แหล่งข่าวกล่าว
ก่อนหน้านี้ ชุดเฉพาะกิจชุดนี้ได้ลงพื้นที่ไปจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่ตลาดนัดเกษตร จ.ราชบุรี ซึ่งสามารถจับกุมซีดีละเมิดได้เป็นแสนแผ่น และเมื่อต้นเดือน เม.ย. ได้ไปจับกุมสินค้าละเมิดที่บริเวณสะพานพุทธ และคลองถม และล่าสุดที่พัฒนพงษ์ตามที่เป็นข่าวเกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีผู้มีอิทธิพลและมาเฟียดูแลอยู่ทั้งนั้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เฉพาะพื้นที่จำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบริเวณพัฒนพงษ์ จากการตรวจสอบพบว่ามี 2 ตระกูล ใหญ่ คือ ตระกูล “ว” และตระกูล “ก” ที่มีเครือญาติพี่น้องร่วมกันค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งเป็นผู้นำเข้าสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากต่างประเทศ เช่น นาฬิกา กระเป๋า กางเกงยืนส์ เสื้อผ้า ซีดีภาพยนตร์และซีดีเพลง
ทั้งนี้ ในส่วนของตระกูล “ว” มีเครือข่ายรวมทั้งสิ้น 11 เครือข่าย และตระกูล “ก” มีเครือข่ายรวม 6 เครือข่าย
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่พ่อค้าแม่ค้าในย่านพัฒน์พงศ์สามารถจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาได้ยาวนานอย่างต่อเนื่องนั้น จากการสืบค้นข้อมูลในทางลึก พบว่า 2 ตระกูลที่คุมธุรกิจสินค้าละเมิด ได้จัดการส่งส่วยให้ตำรวจท้องที่ที่ดูแลเดือนละ 30% ของรายได้รวม เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้า โดยมีคนได้ประโยชน์จากวงจรธุรกิจนี้ได้แก่ พ่อค้า แม่ค้า ที่รับสินค้ามาขาย เจ้าของพื้นที่ที่ให้เช่าพื้นที่ขาย และตำรวจท้องที่ที่ได้รับส่วยในแต่ละเดือน
“ทุกๆ ครั้งที่จะมีการจับกุม และใช้ตำรวจท้องที่ พ่อค้า แม่ค้า จะรู้ล่วงหน้า พากันเก็บของหมด พอไปจับก็ไม่ได้อะไร เหมือนครั้งนี้ ที่เข้าไปจับกุมเมื่อคืนวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งเป็นหน่วยงานอื่นไปจับกุม ก็จะใช้วิธีการจัดม็อบกดดัน ตำรวจท้องที่ก็เหมือนไม่อยากทำอะไร และยังปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้ามาแย่งของกลางที่ยึดได้กลับคืนไปอีก” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากพื้นที่พัฒนพงษ์ที่มีตระกูลผู้มีอิทธิพลคุม ในพื้นที่ตลาดบ้านหม้อ และคลองถม สะพานเหล็ก ก็มีมาเฟียคุมอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ตำรวจท้องที่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะมีการจ่ายส่วยให้ทุกเดือน ทำให้มีการปล่อยปละละเลยให้มีการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งซีดีภาพยนตร์ ซีดีเพลง ได้อย่างต่อเนื่องโดยจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ค้าซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 20 ราย
ทั้ง 20 รายนั้น ได้แก่ เฮียโกศล เฮียโป๊ย และเฮียอั้ง ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่บริเวณตลาดบ้านหม้อ และตลาดคลองถม นายหมี ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่บริเวณคลองถมเซ็นเตอร์ ซ้อสี่ ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่บริเวณตลาดคลองถม จ่าธน พจน์ บ้านหม้อ เฮียแกละ เมียจ่าบูลย์ ค้าส่งรายใหญ่ตลาดบ้านหม้อ เปิ้ล สะพานเหล็ก ค้าปลีก-ค้าส่งตลาดสะพานเหล็ก สิงโต คลองถม เฮียมังกร เจ๊นีย์เจ๊กิก คลองถม หมี เจ๊โบว์ คลองถม เจ๊บิก เจ๊ไก่ คลองถม และเฮียฉิก คลองถม ค้าปลีก-ค้าส่งบริเวณตลาดคลองถม
นายสัญญา สถิรบุตร ประธานที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการโจมตีทำให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายจากการจับกุม โดยเฉพาะพล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบ.ชน. ที่ออกมาระบุว่าการจับลิขสิทธิ์ต้องไปแจ้งที่สน.ท้องที่ก่อน แล้วจึงมีการลงบันทึกประจำวันว่าร้านนั้น ร้านนี้มีสินค้าละเมิดอะไร แล้วถึงไปดำเนินการจับกุม เป็นการชี้นำหรือไม่
และกรณีที่ออกมาระบุว่าการยึดสินค้าที่ละเมิด เป็นการทำให้เศรษฐกิจแย่ เศรษฐกิจของพ่อค้าแม่ค้าแย่ หรือของมาเฟียที่คุมผลประโยชย์แย่ ทำไมไม่พูดให้ชัด หรือถ้าอยากให้ข่าวอะไร ทำไมไม่รอให้ผลการสอบสวนออกมาก่อนว่าใครผิดใครถูก แล้วค่อยออกมาพูด
“ไม่คิดว่านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่วุฒิภาวะถึงระดับนั้น พูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไร ไม่คิดว่าท่านจะซื่อบริสุทธิ์ จนไม่รู้เลยหรือว่าสินค้าของเถื่อน ของปลอมที่วางขายกันอย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผย ซื้อขายกันหน้าตาเฉย ไม่กลัวถูกจับกุม ถูกยึด ถูกฟ้องร้อง รับโทษทัณฑ์นั้น เขารู้กันทั้งนั้นว่าใครอยู่เบื้องหลัง ตำรวจพื้นที่ไม่กล้าที่จะปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมายเนิ่นนานขนาดนี้ ถ้าไม่มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง และยังได้ข่าวจากตำรวจดีๆ อีกว่า มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับส่วย เรื่องนี้ไม่ช้าไม่นานก็คงจะรู้ว่าเป็นใคร” นายสัญญากล่าว
