xs
xsm
sm
md
lg

ปอกเปลือก วิระยา ชวกุล สามัญชนในคราบหญิงผู้สูงศักดิ์ (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กำลังถูกปอกเปลือกให้เห็น“ตัวตน”ที่แท้จริง และสิ่งที่เธอได้ปกปิดแก่สังคมมาตลอดเวลา ก็จะได้รู้ความจริงกันเสียทีในอีกไม่นานนี้
ท่านผู้หญิง วิระยา ชวกุล
สตรีที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมไฮโซชั้นสูงมาตลอดหลายทศวรรษ และเป็นผู้ที่มีฐานะเป็น “ประธานคณะกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์” องค์กรที่เธออาศัยภาพว่า เป็นคนเข้านอกออกในกับ”ในวัง”ได้ทุกเวลา
แม้ภายนอกจะแสดงออกให้สังคมเห็นว่า มั่นใจในตัวเอง และไม่สนใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่สังคมกำลังตรวจสอบอย่างหนักต่อบทบาท และภารกิจต่างๆ ทางด้านสังคม และการเมืองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
แต่ใครเลยจะล่วงรู้ลึกถึงจิตใจและความคิดของเธอ ว่ายามนี้ จะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เธอได้พยายามสร้างความสำคัญ และภาพลักษณ์เธอเองให้สังคมเข้าใจว่า
เธอคือสตรีผู้สูงศักดิ์ และมีความใกล้ชิดรับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯ
โดนแฉออกมา กลายเป็น เรื่องไม่จริง
ก่อนนี้ เธอพยายามอย่างเหลือเกิน ที่จะทำให้สังคมแตะต้องไม่ได้ วิจารณ์ก็ไม่ควรทำ ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วเธอก็คือสุภาพสตรีสามัญชนทั่วไป ที่ย่อมมีกระจกส่องสะท้อนให้สังคมรู้จักตัวตนของสุภาพสตรีผู้นี้ทุกด้านเหมือนกับคนไทยธรรมดาๆทั่วไป
ยิ่งเมื่อเลือกที่จะเป็นบุคคลสาธารณะ และเลือกข้างอยู่กับกลุ่มบุคคลที่สังคมตรวจสอบทุกเรื่องทุกความเคลื่อนไหว เธอเองก็หนีไม่พ้นสัจธรรมข้อนี้
ในเรื่องท่านผู้หญิงวิระยา สังคมได้ “ตาสว่าง” จากคำชี้แจงของ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ออกมาเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของท่านผู้หญิงวิระยา ผ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันจันทร์ที่ 4 พ.ค.2552
หลังหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวตีพิมพ์สถานะทางสังคมของท่านผู้หญิงวิระยา ที่สังคมเข้าใจผิดกันมานานนั้น บัดนี้ทุกภาคส่วนของสังคมจะได้เลิกลังเลสงสัยและหายคลุมเครือกันเสียที
แต่คงทำให้ท่านผู้หญิงวิระยา ไม่ปลื้มเอามากๆ
เหตุเพราะคำชี้แจงดังกล่าวที่แปลออกมาเป็นภาษาไทย ระบุข้อความชัดเจนว่า
“ท่านผู้หญิงวิระยานั้นไม่เคยเป็นนางสนองพระโอษฐ์ (Lady-in-waiting) ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แต่อย่างใด”
ความจริงยังมีอีกว่า กิจกรรมและธุรกิจทุกประการที่ท่านผู้หญิงวิระยา ดำเนินการนั้น เป็นกิจกรรมส่วนตัวของท่านผู้หญิงวิระยา ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันกับสำนักพระราชวังใดๆทั้งสิ้น
ข่าวดังกล่าวระบุด้วยว่า ตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์นั้น ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ ท่านผู้หญิงวิระยา ยังไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสำนักพระราชวังอีกด้วย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ท่านผู้หญิงวิระยา ก็เคยถูกสื่อมวลชนนำเสนอข่าวเรื่อง “การจัดจำหน่ายเสื้อสีฟ้าปักอักษรพระนามาภิไธย ส.ก.”
ให้เป็นที่ฮือฮามาแล้ว และประเด็นนี้พบว่าได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง บนการไหลบ่าของข่าวสาร ที่มีท่านผู้หญิงวิระยาเป็นตัวละครหลัก
เพราะประเด็นเรื่องเสื้อสีฟ้าได้เคยมีการตีแผ่ว่า สำนักราชเลขาฯได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 26 เมษายน 2547 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งว่า
“กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 23 เมษายน เรื่อง โดยส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวมาให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้ง”
ทั้งนี้ หนังสือของกองราชเลขานุการฯ ลงนามโดย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื้อหาระบุว่า
ข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ทำฎีการ้องทุกข์ กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง การจัดจำหน่ายเสื้อสีฟ้าของมูลนิธินพรัช-รัตนโกสินทร์ ราคาตัวละ 400 บาท ซึ่งมหาดไทยใช้การจัดจำหน่ายด้วยวิธีออกหนังสือเวียนให้ข้าราชการและพนักงานทุกระดับชั้นซื้อ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างยิ่ง
หนังสือระบุต่อว่า มูลนิธินพรัช-รัตนโกสินทร์ โดยท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิ และเป็นประธานฝ่ายผลิตเสื้อยืดปักอักษรนามาภิไธย ส.ก.72 พรรษา ได้มีหนังสือขอพระราชทานพระราชานุญาต จัดทำเสื้อดังกล่าวจำนวน 2 ล้านตัว ซึ่งได้รับพระราชานุญาต
ทั้งนี้ การขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติต่างๆ เพื่อถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลนั้น มักได้รับพระราชทานพระราชานุญาตแทบทุกโครงการ โดยที่หวังพระราชหฤทัยว่า การดำเนินโครงการจักเป็นไปโดยความถูกต้องเหมาะสม และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน
บัดนี้ความได้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรื่องการจัดจำหน่ายเสื้อสีฟ้าปักอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. โดยวิธีการดังกล่าวแล้วจากฎีกาหลายฉบับ ทำให้ทรงเสียพระราชหฤทัยยิ่ง
จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้แจ้งมายังท่าน และผู้ที่เกี่ยวข้องให้หยุดวิธีจัดจำหน่ายซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทันที และขอให้วางจำหน่ายให้ประชาชนซื้อได้ตามความสมัครใจ
ทั้งเรื่องคำชี้แจงสถานะของท่านผู้หญิงวิระยา จากท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รวมถึงมีการย้อนปมเสื้อสีฟ้า ขึ้นมาอีกครา
ทำเอาแวดวงไฮโซ และผู้มีฐานะร่ำรวยพอจะขึ้นไปนั่งกินอาหารจีนและดินเนอร์เติมพลังให้กับชีวิตด้วยอาหารชั้นดีจากโรงแรมแชงกรีลา ย่านบางรัก คงถามไถ่กันหนักว่า
เจอเข้าแบบนี้ ท่านผู้หญิงวิระยา จะเครียดจนไม่มีอารมณ์ร้องเพลง ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่โปรดปรานหรือไม่?
ที่ต้องยกเรื่องห้องอาหารวีไอพีของโรงแรมแชงกรีล่า ขึ้นมาก็เพราะคนที่เคยไปใช้บริการโรงแรมหรูแห่งนี้ ย่อมคุ้นหน้าค่าตาของท่านผู้หญิงวิระยาเป็นอย่างดี เหตุเพราะสตรีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสังคมชั้นสูงคนนี้ ถือเป็นแขกวีไอพี ของโรงแรม
จนคนรู้กันไปทั่ว ท่านผู้หญิงวิระยา โปรดปรานอาหารที่แสนเอร็ดอร่อย ที่ทำจากกุ๊กระดับมือโปรของโรงแรมแห่งนี้มาก
ผสมกับความสนิทคุ้นเคยกับผู้บริหารระดับสูงของโรมแรม โดยเฉพาะเครือข่ายเจ้าของกิจการ เหตุเพราะคบหาสนิทสนมกันมาหลายสิบปี จนมีของขวัญแลกเปลี่ยนให้แก่กันชนิดเซอร์ไพรส์กันไปทั่วในวงการสังคม
นั่นคือ การวิ่งเต้นเสนอให้“อาหมวย”เจ้าของโรงแรมได้มีคำเรียกนำหน้าชื่อที่โก้หรู
ทำให้ท่านผู้หญิงวิระยา กลายเป็นแขกวีไอพีของโรงแรมที่มีห้องรับประทานอาหารพิเศษแบบใครไม่อยู่ในบัญชี “เฟรนด์ออฟ วิระยา” อย่าหวังว่าจะได้ไปเดินผ่านเสนอหน้าเสียให้ยาก
ร่ำลือกันว่า ห้องอาหารจีนของโรงแรมแห่งนี้ คือสถานที่นัดพบที่หากเป็นวงการการเมืองก็เรียกกันว่า เซฟเฮ้าส์ ที่เครือข่าย “เฟรน์ด ออฟ วิระยา” จะนัดพบปะกันในโอกาสสำคัญๆ และการรับประทานอาหารของคนระดับชั้นนำในแวดวงการเมือง การทหาร ธุรกิจ
จนถึงวงการนักการกุศลทั้งหลาย ผู้ชอบทำบุญเอาหน้า เช่นเดียวกัน มานั่งปรึกษาหารือกัน กินอาหารอร่อยๆ ร่วมกัน
รวมถึงขั้นที่ว่า หากแวดวงที่นั่งร่วมกินดื่มด้วยกันเป็นคนในวงการเมือง ปรากฏการณ์ทางการเมือง การตัดสินใจการเมืองสำคัญๆหลายเรื่อง ทั้งในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และในรัฐสภา ทั้งสภาล่าง และสภาสูง ยุคที่มี สุชน ชาลีเครือ เป็นประธานวุฒิสภา อันมีท่านผู้หญิงวิระยา เป็นที่ปรึกษาเช่นเดียวกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รองผบ.ตร. พี่ชาย พจมาน ดามาพงษ์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาสุชน เช่นกันในตอนนั้น
ก็เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร ในห้องวีไอพี ดังกล่าวเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น