xs
xsm
sm
md
lg

“รัตนรักษ์”ดึงเฮดฟันด์ลุยอสังหาฯไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตระกูล “รัตนรักษ์” ดึงผู้บริหารหนุ่มลุยอสังหาฯ ผุดต้นสน พรอพเพอร์ตี้ ชิมรางโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ เดอะ สาธุประดิษฐ์ เรสซิเดนเซส มูลค่าขาย750ล้านบาท พร้อมคุยนักลงทุนต่างชาติ อังกฤษ ฝรั่งเศส ตะวันออกกลาง ระดมทุนก้อนโต บุกอสังหาฯหลังเศรษฐกิจฟื้น แจง 2แนวทางการลงทุนตลาดอสังหาฯ ใช้เงินบริษัท และดึงทุนต่างชาติระดมเม็ดเงินร่วมลงทุนพัฒนาโครงการใหม่

นายคณิสร์ แสงโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต้นสน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือต้นสนกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯต้นสน พรอพเพอร์ตี้ฯ ก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายในการเข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบและแนวสูง รวมถึงการเข้าซื้ออาคารเก่า(เทกโอเวอร์) เพื่อนำมาปรับปรุงใหม่ และการพัฒนาโครงการประเภทโรงแรมรีสอร์ท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ถือหุ้นโดยต้นสนกรุ๊ป 98%
สำหรับ ต้นสนกรุ๊ป ถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจในตระกูล “รัตนรักษ์” เจ้าของสถานีโทรทัศฯช่อง7สี เป็นประธานบริหาร และก่อนหน้านี้ ธุรกิจหลักของตระกูลรัตนรักษ์ โดยนายกฤตย์ รัตนรักษ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบัน GE CAPITAL INTERNATIONAL HOLDING CORPORATION เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
สำหรับแนวทางการลงทุน บริษัทต้นสน พรอพเพอร์ตี้ จะแบ่ง 2 ส่วนคือ 1.ใช้เงินลงทุนของบริษัท และใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในการลงทุนพัฒนาโครงการ ส่วนแนวทางที่ 2 คือ การจัดตั้งกองทุนเก็งกำไร(เฮดฟันด์) เพื่อระดมทุนเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ โดยมีต้นสนกรุ๊ปถือหุ้นในกองทุนฯดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจากับพันธมิตร กลุ่มนักลงทุนจากประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และตะวันออกกลาง เพื่อระดมทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้ การระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯนั้น จะยังไม่เกิดขึ้นในทันที เนื่องจากปัจจุบันภาวะตลาดยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนมากนัก เพราะอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ประกอบกับพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมในการตั้งเฮดฟันด์นั้น ยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของประเทศไทยอยู่ ซึ่งต้องให้ระยะเวลากับกลุ่มนักลงทุนดังกล่าว ได้ทำความเข้าใจถึงระบบการเมืองไทยก่อน
“กลุ่มนักลงทุนที่เราจะดึงเข้ามาร่วมระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงการนั้น เราต้องให้เวลากับเค้า ทำความเข้าใจกับการเมืองในประเทศก่อน แม้ว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มตลาดอสังหาฯในประเทศ จะมีศักยภาพดีกว่ากลุ่มประเทศเพื่อบ้าน เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาโครงการและราคาขายยังต่ำกว่าอสังหาฯในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อบ้าน ทำให้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่ง คาดว่า หลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในช่วงต้นปีหน้านี้ จะสามารถหาข้อสรุปในการระดมทุนดังกล่าวได้” นายคณิสร์กล่าวและว่า
ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินในย่านถนนพระราม 3 สาธุประดิษฐ์ จำนวน 6 ไร่เศษ โดยได้แบ่งที่ดินดังกล่าว จำนวน 918 ตารางวา (ตรว.) มาพัฒนาโครงการ เดอะสาธุ เรสซิเดนเซสคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ขนาดพื้นที่เริ่มต้น270-550 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายห้องชุดในโครงการต่อตร.ม.เริ่มต้นที่ 120,000 บาท หรือมีราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่32.4 -75 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะพัฒนาเป็นอาคารสูง 15 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 22 ยูนิต มูลค่าขายรวม 750 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการ สาธุประดิษฐ์ เรสซิเดนเซส มีมูลค่าการลงทุน 550 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนของบริษัท 350 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้แหล่งเงินกู้จาก ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 40% คิดเป็นมูลค่าขายรวม 312 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อห้องชุดเป็นนักธุรกิจคนไทย ในขณะที่ลูกค้าต่างชาติมีจำนวนค่อนข้างน้อย ส่วนแผนการก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2552 นี้
โดยบริษัทคาดว่า จะสามารถปิดการขายได้ก่อนการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ เนื่องจากโครงการนี้มีจำนวนห้องชุดที่เสนอขายจำกัด ประกอบบริษัทเองมีฐานลูกค้าที่มีความต้องการอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่เน้นในเรื่องการให้พื้นที่ใช้สอย ซึ่งหากสามารถปิดกรขายได้ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดว่าจะทำให้ในปีนี้บริษัทมียอดรับรู้รายได้ ไม่ระหว่าง 70-75%
“การหดตัวของตลาดอสังหาฯในช่วงที่ผ่านมา เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการเมืองในประเทศค่อนข้างมาก จนส่งผลให้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้การแข่งขันในตลาดชะลอตัวลง เนื่องจากอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงกว่า 36 % เมื่อเทียบกับช่วงปลายปี51ที่ผ่านมา แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจพัฒนาโครงการสาธุ เรสซิเดนเซส เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทค่อนข้างเฉพาะ ประกอบกับทำเลในการพัฒนาโครงการ ซึ่งเป็นทำเลที่มีอนาคตและคาดว่าจะกลายเป็นย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯจะช่วยให้สามารถปิดการขายได้ตามกำหนด”
กำลังโหลดความคิดเห็น