xs
xsm
sm
md
lg

ธนชาตเล็งควบสคิบขึ้นท็อปไฟว์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กทุนธนชาตยอมรับสนใจซื้อหุ้นแบงก์นครหลวงไทยจากกองทุนฟื้นฟูฯ เผยกำลังรอความชัดเจนของการขายหุ้นเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ แย้มหากควบกิจการได้จริงหนุนธุรกิจโตรวดเร็ว พร้อมหนุนขนาดสินทรัพย์ขึ้นอันดับ 5 ทันที

นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP และประธานกรรมการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการเติบโตของธนาคารธนชาตในปีนี้มีอยู่ 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1. การเติบโตด้วยตนเองตามแผนงานที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 2. การมีพันธมิตรที่ดี ซึ่งในขณะนี้ธนาคารก็มีธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย (สโกเทียแบงก์) ซึ่งถือหุ้นของธนาคารธนชาตอยู่ในสัดส่วน 49% และ 3. คือการเติบโตด้วยการควบรวมกิจการ ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ และจะเป็นส่วนที่ช่วยให้กิจการเติบโตได้รวดเร็ว
โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มทุนธนชาตได้เข้าไปถือหุ้นของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB ในสัดส่วน 4.97% เนื่องจากมองว่า ราคาในตลาดปัจจุบันเป็นราคาที่น่าสนใจ โดยมีมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 20 บาทต่อหุ้น ขณะนี้ราคาในตลาดตอนนี้อยู่ที่ 6-7 บาทต่อหุ้น อีกทั้งเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลและมีกำไรดี นอกจากนี้ทางกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารนครหลวงไทยยังมีแผนที่จะขายหุ้นที่ถือไว้ที่สัดส่วน 47.58% ด้วย ซึ่งทางกลุ่มธนชาตก็ยอมรับว่ามีความสนใจ
ทั้งนี้จะต้องรอดูถึงรายละเอียดของการขายหุ้นในส่วนของ FIDF ก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งในขณะนี้ทางธนาคารนครหลวงไทยก็ได้มีการว่าจ้าง บริษัทภัทร ให้มาทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อศึกษาถึงแผนและแนวทางในการดำเนินการต่างๆ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรูปแบบของการเปิดประมูล และเมื่อทางกลุ่มทุนธนชาตเห็นถึงแนวทางที่ชัดเจนแล้วจึงจะนำเรื่องดังกล่าวมาศึกษาความเป็นไปได้อีกที
"ถ้าเราไม่สนใจก็คงจะไม่เข้าไปถือหุ้นของแบงก์นครหลวงไทย แต่ต้องรอดูความชัดเจนของกองทุนฟื้นฟูฯ ก่อนว่าเป็นแบบไหน โดยตอนนี้แบงก์นครหลวงไทยมีปัญหาเรื่องของเพดานผู้ถือหุ้นต่างชาติซึ่งถือไว้เต็มเพดานแล้ว ดังนั้นการขายหุ้นให้ต่างชาติก็อาจจะติดขัด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางกองทุนฟื้นฟูฯ ว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร เพราะถ้าเขาประกาศขายก็ถือเป็นโอกาสที่เราจะเข้าไปศึกษาดู ถ้าเงื่อนไขรับได้ก็ดี ราคาเราก็สู้ได้ในระดับหนึ่ง"
นายบันเทิงกล่าวว่า หากมีการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทยจริง ก็จะทำให้ขนาดสินทรัพย์ของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นอันดับที่ 5 รวมถึงจะเป็นการเสริมธุรกิจให้เติบโตได้มาก ทั้งจากพอร์ตสินเชื่อของธนาคารนครหลวงไทยจะเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี อีกทั้งยังมีสาขาอยู่ถึง 400 สาขา ส่วนพอร์ตสินเชื่อของธนาคารธนชาตนั้นจะเป็นลูกค้ารายย่อย และเมื่อรวมสาขากันแล้วก็จะทำให้มีสาขารวมกันประมาณ 600-700 สาขา
"เรื่องของขนาดแบงก์ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเป็นแบงก์ขนาดกลางก็จะช่วยให้ทำอะไรได้ง่ายขึ้น เรื่องสาขา การลงทุนด้วยไอทีก็สำคัญ ถ้าเป็นแบงก์ใหญ่ก็จะคุ้มค่ากับการลงทุน การจะควบกิจการเราก็ต้องดูให้เกิดประโยชน์ถ้าทำแล้วมีจุดอ่อนก็คงไม่สน แต่ที่ดูตอนนี้แบงก์นครหลวงไทยจะมีลูกค้าที่เป็นพอร์ตสินรายใหญ่และเอสเอ็มอี ส่วนของธนชาตจะเป็นลูกค้ารายย่อยถ้ารวมกันได้ก็ดี" นายบันเทิงกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น