แบงก์นครหลวงไทยเตรียมออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ไตรมาส 3 หวังดันเงินกองทุนชั้นที่ 2 แตะ 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.69% ยันไม่เคยเจรจากับธนชาตเรื่องควบรวมกิจการ ด้าน แบงก์ธนชาต ระบุ แผนการซื้อหุ้นสคิบเป็นการเห็นพ้องกันของธนาคารกับผู้ถือหุ้นใหญ่ และโนวาสโกเทีย พร้อมจะใส่เงินเพิ่มทุนให้อีก 2 พันล้านในปลายเดือนนี้
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้สรุปแนวทางการเพิ่มเงินกองทุนแล้วโดยจะใช้วิธีการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสัดส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 2 (Tier 2) ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็จะทำให้ Teir 2 ของธนาคารเพิ่มเป็นกว่า 2% โดยปัจจุบันเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ 10.4% เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) 9.7% และ Tier 2 อยู่ที่ 0.69% โดยการออกหุ้นกู้ดังกล่าวคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงต้นไตรมาส 3
ทั้งนี้ ในเรื่องดังกล่าวธนาคารจะทำการประสานไปยังสาขาทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขายหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อให้พนักงานสาขาสามารถสื่อสารไปยังลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
“แผนการเพิ่มทุนตอนนี้ยังไม่เสร็จ แต่ด้านของการเพิ่มเงินกองทุนนั้นจะไปเพิ่มในส่วนของ Tier 2 เพราะเราเห็นว่า Tier 2 ของเรามีน้อยมาก และภาวะตลาดก็เป็นภาวะที่สามารถจะออกหุ้นกู้ได้ ตอนนี้เลยชัดเจนว่าเราจะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท และคงจะเน้นขายรายย่อย ซึ่งหุ้นกู้จะออกมาประมาณต้นไตรมาส 3 นี้”
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP มีความสนใจจะซื้อหุ้นของธนาคารจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) นั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางธนชาตแต่อย่างใด ส่วนทางธนชาตจะมีการติดต่อกับทาง FIDF หรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบเรื่องจึงไม่สามารถจะตอบแทนได้
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานและการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 2 ของธนาคารนั้น คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 โดยจะยังคงเน้นไปที่สินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก ส่วนเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนธุรกิจรายย่อยเป็น 25% ในปี 2553 นั้น คาดว่า จะสามารถทำได้ตามแผนแน่นอน เนื่องจากขณะนี้สัดส่วนธุรกิจรายย่อยได้เพิ่มมาอยู่ที่ 20% แล้ว
ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือนั้น ธนาคารยังมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทในเครือ แม้ว่าขณะนี้จะมีบางบริษัทเตรียมมีทีมงานใหม่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังอยู่ในช่วงของการหาผู้บริหารใหม่ก็ตาม ซึ่งเมื่อได้ทีมผู้บริหารครบถ้วน ก็จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งมากขึ้น
**ธนชาตยันเดินหน้าซื้อหุ้นสคิบ**
ด้าน นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการ บริษัท ทุนธนชาต และประธานกรรมการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นของธนาคารนครหลวงไทยนี้ เกิดจากความเห็นที่ตรงกันของธนชาตและธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย (สโกเทียแบงก์) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารธนชาต
ทั้งนี้ ทางโนวาสโกเทียยังเตรียมที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้กับธนาคารธนชาตประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย นอกจากนี้ ทางทุนธนชาตยังพร้อมที่จะเพิ่มทุนให้กับธนาคารธนชาตทุกปีเพื่อรักษาระดับของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้อยู่ระดับเกินกว่า 12% และเพียงพอกับการขยายสินเชื่อในอนาคต
“กลยุทธ์ในปีนี้ ธนาคารจะหันมารุกสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ นอกจากนี้ ยังเตรียมรุกสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตที่จะเปิดตัวในเดือนหน้า เบื้องต้นจะมุ่งเน้นลูกค้าเช่าซื้อของธนาคารก่อน นอกจากนี้ ยังเล็งเปิดธุรกิจรับบริหารหนี้และธุรกิจปล่อยกู้โดยไม่ทับซ้อนกับธนาคารอีกด้วย”
นายอนุวัติ เหลืองทวีกุล รองประธานกรรมการบริหาร ทุนธนชาต กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ สินเชื่อเช่าซื้อคงไม่เติบโต แต่จะมีสินเชื่อใหม่จากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาทดแทน ตั้งเป้าสินเชื่อรวมในปีนี้คงโตเลขตัวเดียว ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่เกิน 3%จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.15% เอ็นพีแอลไม่เกิน 3% และเปิดสาขาใหม่ 42 แห่ง รวมเป็น 255สาขาในปีนี้
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้สรุปแนวทางการเพิ่มเงินกองทุนแล้วโดยจะใช้วิธีการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสัดส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 2 (Tier 2) ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็จะทำให้ Teir 2 ของธนาคารเพิ่มเป็นกว่า 2% โดยปัจจุบันเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ 10.4% เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) 9.7% และ Tier 2 อยู่ที่ 0.69% โดยการออกหุ้นกู้ดังกล่าวคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงต้นไตรมาส 3
ทั้งนี้ ในเรื่องดังกล่าวธนาคารจะทำการประสานไปยังสาขาทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขายหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อให้พนักงานสาขาสามารถสื่อสารไปยังลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
“แผนการเพิ่มทุนตอนนี้ยังไม่เสร็จ แต่ด้านของการเพิ่มเงินกองทุนนั้นจะไปเพิ่มในส่วนของ Tier 2 เพราะเราเห็นว่า Tier 2 ของเรามีน้อยมาก และภาวะตลาดก็เป็นภาวะที่สามารถจะออกหุ้นกู้ได้ ตอนนี้เลยชัดเจนว่าเราจะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท และคงจะเน้นขายรายย่อย ซึ่งหุ้นกู้จะออกมาประมาณต้นไตรมาส 3 นี้”
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP มีความสนใจจะซื้อหุ้นของธนาคารจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) นั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางธนชาตแต่อย่างใด ส่วนทางธนชาตจะมีการติดต่อกับทาง FIDF หรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบเรื่องจึงไม่สามารถจะตอบแทนได้
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานและการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 2 ของธนาคารนั้น คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 โดยจะยังคงเน้นไปที่สินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก ส่วนเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนธุรกิจรายย่อยเป็น 25% ในปี 2553 นั้น คาดว่า จะสามารถทำได้ตามแผนแน่นอน เนื่องจากขณะนี้สัดส่วนธุรกิจรายย่อยได้เพิ่มมาอยู่ที่ 20% แล้ว
ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือนั้น ธนาคารยังมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทในเครือ แม้ว่าขณะนี้จะมีบางบริษัทเตรียมมีทีมงานใหม่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังอยู่ในช่วงของการหาผู้บริหารใหม่ก็ตาม ซึ่งเมื่อได้ทีมผู้บริหารครบถ้วน ก็จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งมากขึ้น
**ธนชาตยันเดินหน้าซื้อหุ้นสคิบ**
ด้าน นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการ บริษัท ทุนธนชาต และประธานกรรมการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นของธนาคารนครหลวงไทยนี้ เกิดจากความเห็นที่ตรงกันของธนชาตและธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย (สโกเทียแบงก์) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารธนชาต
ทั้งนี้ ทางโนวาสโกเทียยังเตรียมที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้กับธนาคารธนชาตประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย นอกจากนี้ ทางทุนธนชาตยังพร้อมที่จะเพิ่มทุนให้กับธนาคารธนชาตทุกปีเพื่อรักษาระดับของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้อยู่ระดับเกินกว่า 12% และเพียงพอกับการขยายสินเชื่อในอนาคต
“กลยุทธ์ในปีนี้ ธนาคารจะหันมารุกสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ นอกจากนี้ ยังเตรียมรุกสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตที่จะเปิดตัวในเดือนหน้า เบื้องต้นจะมุ่งเน้นลูกค้าเช่าซื้อของธนาคารก่อน นอกจากนี้ ยังเล็งเปิดธุรกิจรับบริหารหนี้และธุรกิจปล่อยกู้โดยไม่ทับซ้อนกับธนาคารอีกด้วย”
นายอนุวัติ เหลืองทวีกุล รองประธานกรรมการบริหาร ทุนธนชาต กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ สินเชื่อเช่าซื้อคงไม่เติบโต แต่จะมีสินเชื่อใหม่จากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาทดแทน ตั้งเป้าสินเชื่อรวมในปีนี้คงโตเลขตัวเดียว ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่เกิน 3%จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.15% เอ็นพีแอลไม่เกิน 3% และเปิดสาขาใหม่ 42 แห่ง รวมเป็น 255สาขาในปีนี้