ASTVผู้จัดการรายวัน- เผยผู้บริโภคนิยมก๊าซหุงต้มถังเล็กขนาด 4 ก.ก.มากขึ้นเหตุราคาถูกคนประหยัดตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ภาพรวมการใช้เม.ย.ยังลดลง 20-30% สมาคมฯลั่นไม่ลดค่าขนส่ง 5 บาทต่อถัง 15 ก.ก.ยันค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขณะที่ปตท.รับถังเล็กขายดีเล็งเพิ่มเป็นแสนใบรองรับความต้องการปีนี้ พร้อมนำเข้าแอลพีจีพ.ค. 8 หมื่นตันหลังโรงกลั่นในประเทศชัดดาวน์
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เดือนเมษายนเฉลี่ยลดลง 20%-30% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยเฉพาะส่วนของภาคอุตสาหกรรมลดลงค่อนข้างมาก แต่พบว่าการจำหน่ายแอลพีจีถังขนาดเล็ก 4กิโลกรัม(ก.ก.)กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคลดภาระการใช้จ่ายเนื่องจากมีราคาไม่แพงเพียงถังละ 100-118 บาทเท่านั้นขณะที่ถัง 15 กิโลกรัม(ก.ก.) ราคาจะอยู่ที่ถังละประมาณ 300 บาท
สำหรับการปรับลดค่าขนส่งลงแอลพีจี 5 บาทต่อถัง 15 ก.ก.หลังจากที่ราคาดีเซลต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตรขณะนี้กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือมายังสมาคมฯเพื่อให้พิจารณาปรับลดตามราคาดีเซลที่ลดลงมาเป็นฉบับที่ 2 แล้ว ซึ่งสมาคมฯจะมีหนังสือยืนยันกลับไปว่าไม่สามารถลดราคาค่าขนส่งแอลพีจีให้กับลูกค้าได้จากปัจจุบันที่คิดอยู่ระดับ 15 บาทต่อเที่ยวต่อถัง 15 ก.ก.
เนื่องจากที่ผ่านมาดีเซลขึ้นราคาไปสูงระดับ 40 บาทต่อลิตรทางผู้ค้าก็ไม่ได้ปรับค่าขนส่งแต่อย่างใดและดีเซลล่าสุดแม้ว่าจะอยู่ระดับต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตรแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของผู้ค้าไม่ได้ลดลงทั้งค่าแรงงาน และภาระการลงทุนในอนาคตที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากการบังคับใช้กฏหมายของธพ.ในการย้ายที่เก็บแอลพีจี
อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้ยังจะทำหนังสือถึงกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)เพื่อขอให้ทบทวนประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ที่ระบุให้ร้านค้าแอลพีจีห้ามตั้งในตึกแถว ห้องชุดภายในอาคารสรรพสินค้าหรืออาคารสินค้าเพื่อป้องกันอันตรายจากการระเบิดในชุมชนโดยให้ตึกแถวนั้นเป็นที่โชว์ขายเท่านั้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้การไปจัดหาที่สร้างโกดังเก็บถังแอลพีจีต้องลงทุนค่อนข้างสูง
“ ระเบียบดังกล่าวไม่ได้บังคับทันทีกับผู้ค้าเก่าแต่ให้เก็บก๊าซฯได้แค่ 1,200 ก.ก.และให้ทยอยลดการเก็บแอลพีจีลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเห็นว่าควรจะทบทวนในรายละเอียดใหม่โเพราะปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจมีส่วนสำคัญต่อการลงทุนเพิ่มเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ยอดขายลดลงและค่าการตลาดของผู้ค้าก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ”นายชิษณุพงศ์กล่าว
ปตท.เล็งเพิ่มถัง4ก.ก.แสนใบปีนี้
นายทรงกิต บุญญาบารมี ผู้จัดการฝ่ายตลาดค้าก๊าซหุงต้มปตท.กล่าวว่า ยอมรับว่าความต้องการใช้ถังแอลพีจีขนาด 4 ก.ก.มีการขายเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการสะท้อนจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้ประชาชนประหยัดหันมาใช้ถังที่มีราคาถูกลง ทำให้ปตท.มีแผนที่จะหันมาขยายตลาดถัง 4 ก.ก.มากขึ้นโดยตั้งเป้าปีนี้ที่ 1 แสนใบ โดยแผนขยายจะเน้นคุณภาพถังไม่มีนโยบายการตัดราคาแต่อย่างใด
“ปตท.เดิมเน้นทำตลาดที่ถังขนาด 7 ก.ก. ขณะที่ถัง 4 ก.ก. นั้นยอมรับว่าปิคนิคเป็นผู้ครองตลาดเป็นส่วนใหญ่ถึง 70% “นายทรงกิตกล่าว
นายสุรงค์ บูลกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การค้าระหว่างประเทศปตท.กล่าวว่า เดือนพ.ค.นี้ปตท.ได้เตรียมแผนการนำเข้าแอลพีจี 8 หมื่นตันโดยต้นเดือนนำเข้ามาแล้ว 2 ลำเรือเตรียมไว้กลางเดือน 1 ลำเรือและปลายเดือน 1 ลำเรือเนื่องจากโรงกลั่นในประเทศหยุดซ่อมบำรุง โดยราคานำเข้าอยู่ระดับ 390 เหรียญต่อตันซึ่งการนำเข้าระดับดังกล่าวยังคงบริหารได้ไม่มีปัญหา
นายศิรศักดิ์ วิทยอุดม รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวได้หารือกับผู้ค้าก๊าซหุงต้มไปก่อนหน้าแล้วหากจะต้องปรับหรือทบทวนคงจะต้องมาดูที่เหตุผลที่เหมาะสมด้วยเนื่องจากเป็นการบังคับเฉพาะรายใหม่โดยจะห้ามเก็บแอลพีจีเกิน 60 ก.ก. หรือประมาณ 4 ถังครัวเรือน (15 ก.ก./ถัง) ไว้ในร้านค้าห้องแถว โดยจะต้องมีโรงเก็บแก๊สฯที่เป็นอาคารเดี่ยวแยกต่างไปต่างหาก และต้องเป็นอาคารชั้นเดียวตั้งอยู่ห่างจากบ้านเรือน 6 เมตร มีพื้นที่ไม่เกิน 30 ตางรางเมตร ดังนั้นการขายแก๊สฯ ในอนาคตจะเป็นแบบดิลิเวอร์รี่ ส่วนผู้ค้าเก่าได้อนุโลมเก็บแก๊สฯ ได้แค่ 1,200 ก.ก. หลังจากนั้นต้องทยอยลดลงเหลือ 600 ก.ก.ใน 10 ปี และให้เหลือ 60 ก.ก.ใน 15 ปี ซึ่งมีเวลาในการเตรียมตัวค่อนข้างมาก
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เดือนเมษายนเฉลี่ยลดลง 20%-30% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยเฉพาะส่วนของภาคอุตสาหกรรมลดลงค่อนข้างมาก แต่พบว่าการจำหน่ายแอลพีจีถังขนาดเล็ก 4กิโลกรัม(ก.ก.)กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคลดภาระการใช้จ่ายเนื่องจากมีราคาไม่แพงเพียงถังละ 100-118 บาทเท่านั้นขณะที่ถัง 15 กิโลกรัม(ก.ก.) ราคาจะอยู่ที่ถังละประมาณ 300 บาท
สำหรับการปรับลดค่าขนส่งลงแอลพีจี 5 บาทต่อถัง 15 ก.ก.หลังจากที่ราคาดีเซลต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตรขณะนี้กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือมายังสมาคมฯเพื่อให้พิจารณาปรับลดตามราคาดีเซลที่ลดลงมาเป็นฉบับที่ 2 แล้ว ซึ่งสมาคมฯจะมีหนังสือยืนยันกลับไปว่าไม่สามารถลดราคาค่าขนส่งแอลพีจีให้กับลูกค้าได้จากปัจจุบันที่คิดอยู่ระดับ 15 บาทต่อเที่ยวต่อถัง 15 ก.ก.
เนื่องจากที่ผ่านมาดีเซลขึ้นราคาไปสูงระดับ 40 บาทต่อลิตรทางผู้ค้าก็ไม่ได้ปรับค่าขนส่งแต่อย่างใดและดีเซลล่าสุดแม้ว่าจะอยู่ระดับต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตรแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของผู้ค้าไม่ได้ลดลงทั้งค่าแรงงาน และภาระการลงทุนในอนาคตที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากการบังคับใช้กฏหมายของธพ.ในการย้ายที่เก็บแอลพีจี
อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้ยังจะทำหนังสือถึงกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)เพื่อขอให้ทบทวนประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ที่ระบุให้ร้านค้าแอลพีจีห้ามตั้งในตึกแถว ห้องชุดภายในอาคารสรรพสินค้าหรืออาคารสินค้าเพื่อป้องกันอันตรายจากการระเบิดในชุมชนโดยให้ตึกแถวนั้นเป็นที่โชว์ขายเท่านั้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้การไปจัดหาที่สร้างโกดังเก็บถังแอลพีจีต้องลงทุนค่อนข้างสูง
“ ระเบียบดังกล่าวไม่ได้บังคับทันทีกับผู้ค้าเก่าแต่ให้เก็บก๊าซฯได้แค่ 1,200 ก.ก.และให้ทยอยลดการเก็บแอลพีจีลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเห็นว่าควรจะทบทวนในรายละเอียดใหม่โเพราะปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจมีส่วนสำคัญต่อการลงทุนเพิ่มเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ยอดขายลดลงและค่าการตลาดของผู้ค้าก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ”นายชิษณุพงศ์กล่าว
ปตท.เล็งเพิ่มถัง4ก.ก.แสนใบปีนี้
นายทรงกิต บุญญาบารมี ผู้จัดการฝ่ายตลาดค้าก๊าซหุงต้มปตท.กล่าวว่า ยอมรับว่าความต้องการใช้ถังแอลพีจีขนาด 4 ก.ก.มีการขายเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการสะท้อนจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้ประชาชนประหยัดหันมาใช้ถังที่มีราคาถูกลง ทำให้ปตท.มีแผนที่จะหันมาขยายตลาดถัง 4 ก.ก.มากขึ้นโดยตั้งเป้าปีนี้ที่ 1 แสนใบ โดยแผนขยายจะเน้นคุณภาพถังไม่มีนโยบายการตัดราคาแต่อย่างใด
“ปตท.เดิมเน้นทำตลาดที่ถังขนาด 7 ก.ก. ขณะที่ถัง 4 ก.ก. นั้นยอมรับว่าปิคนิคเป็นผู้ครองตลาดเป็นส่วนใหญ่ถึง 70% “นายทรงกิตกล่าว
นายสุรงค์ บูลกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การค้าระหว่างประเทศปตท.กล่าวว่า เดือนพ.ค.นี้ปตท.ได้เตรียมแผนการนำเข้าแอลพีจี 8 หมื่นตันโดยต้นเดือนนำเข้ามาแล้ว 2 ลำเรือเตรียมไว้กลางเดือน 1 ลำเรือและปลายเดือน 1 ลำเรือเนื่องจากโรงกลั่นในประเทศหยุดซ่อมบำรุง โดยราคานำเข้าอยู่ระดับ 390 เหรียญต่อตันซึ่งการนำเข้าระดับดังกล่าวยังคงบริหารได้ไม่มีปัญหา
นายศิรศักดิ์ วิทยอุดม รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวได้หารือกับผู้ค้าก๊าซหุงต้มไปก่อนหน้าแล้วหากจะต้องปรับหรือทบทวนคงจะต้องมาดูที่เหตุผลที่เหมาะสมด้วยเนื่องจากเป็นการบังคับเฉพาะรายใหม่โดยจะห้ามเก็บแอลพีจีเกิน 60 ก.ก. หรือประมาณ 4 ถังครัวเรือน (15 ก.ก./ถัง) ไว้ในร้านค้าห้องแถว โดยจะต้องมีโรงเก็บแก๊สฯที่เป็นอาคารเดี่ยวแยกต่างไปต่างหาก และต้องเป็นอาคารชั้นเดียวตั้งอยู่ห่างจากบ้านเรือน 6 เมตร มีพื้นที่ไม่เกิน 30 ตางรางเมตร ดังนั้นการขายแก๊สฯ ในอนาคตจะเป็นแบบดิลิเวอร์รี่ ส่วนผู้ค้าเก่าได้อนุโลมเก็บแก๊สฯ ได้แค่ 1,200 ก.ก. หลังจากนั้นต้องทยอยลดลงเหลือ 600 ก.ก.ใน 10 ปี และให้เหลือ 60 ก.ก.ใน 15 ปี ซึ่งมีเวลาในการเตรียมตัวค่อนข้างมาก