xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายฉบับที่ 1 ถึงทหารใหญ่บางคน!

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

ถึง...ทหารใหญ่บางคน..ที่กิเลสหนา..อยากเป็นนายกรัฐมนตรี!

ผมเขียนจดหมายฉบับนี้..เพื่อบอกกล่าวและเตือนด้วยความจริงใจ ให้ระวัง..ความกระสันอยากเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ทำให้ทหารใหญ่บางคน “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” หลงกระทำเรื่องผิดๆ จนบ้านเมืองเสียหายดังที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้

ด้วยเรื่องถูก-ผิด-ไม่สนใจ เรื่องขาว-กลายเป็นเรื่องดำ เรื่องดำ-กลายเป็นเรื่องขาว เรื่องที่ควรหรือต้องทำ-กลับดันไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรหรือต้องไม่ทำ-แต่ดันเสือกไปทำ นี่คือสภาพการณ์ตอนนี้ของทหารใหญ่บางคนครับ

ที่สำคัญฟันธงไว้ตรงนี้ได้เลยว่า...ทหารใหญ่บางคน ที่อยากใหญ่นั้น..ไม่มีวันเท่าทันเล่ห์เพทุบายร้ายของนักการเมืองเขี้ยวลากดิน อย่าง “หนึ่งห้อยโหน” และ “หนึ่งเจ๊นิด-เจ๊หน่อย” ครับ

ตัวอย่างในชาติไทย..ที่อดีตขุนทหารใหญ่ ที่แน่กว่านายทหารใหญ่บางคนในตอนนี้อย่างเทียบไม่ติด ทั้งในด้านขุมพลังและสติปัญญา แต่ดันทะลึ่งหลงกระโดดลงไปคลุกคลีกับบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดิน จนต้องเสียผู้-เสียคน-เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ทั้งๆ ที่ตอนเป็นทหารมีอำนาจใหญ่โตในกองทัพนั้น พวกเขาเป็นที่เกรงกลัวชวนเกรงขามต่อนักการเมืองเขี้ยวลากดินยิ่งนัก

ทว่า..ทันทีที่ออกจากตำแหน่งในกองทัพ แล้วก้าวเข้ามาเป็นนักการเมือง หรือได้เป็นนายกรัฐมนตรี..ความน่าเกรงขามก็จะหมดไป แผลที่อุตส่าห์เก็บซ่อนไว้จนมิดชิด ก็จะถูกนักการเมืองฝ่ายค้านเปิดและชำแหละแผลให้กว้างและลึกขึ้น..

ดุจภาพสารคดีต่างประเทศ..ที่ฝูงแร้ง-ฝูงหมาป่ากระหายเลือด (นักการเมืองเขี้ยวลากดิน) จะรุมขย้ำแทะกินเนื้อพวกท่านจนเหลือแต่กระดูกขาวโพลน ถูกทิ้งประจานไว้บนท้องทุ่งแห่งความตายอย่างน่าอนาถ

เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น พวกนักการเมืองเขี้ยวลากดินถือนักถือหนาว่า มันเป็นตำแหน่งของพวกเขาที่ต้องได้ไว้ในกำมือ เพื่อสะดวกต่อการทำมาหากินในหมู่นักการเมืองด้วยกันเท่านั้นครับ

ทหารใหญ่บางคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงแม้นจะได้เป็นถึงนายกฯ แล้ว ก็มักจะโดนยาพิษจากพวกนักการเมืองเขี้ยวลากดิน จนกระทั่งชีวิตต้องเสียหายวินาศสันตะโร และยังมีโอกาสที่จะดึงเอาสถาบันทหาร..หรือกองทัพ ต้องพลอยเสียหายกับความอยากใหญ่อยากเป็นนายกฯ ของพวกทหารการเมืองเพียงไม่กี่คนนะ..จะบอกให้..

เหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์มีให้เห็นกับตามาแล้ว ขนาดนักการเมืองเขี้ยวลากดินมืออาชีพและมากประสบการณ์ เช่น “มังกรเติ้ง ณ สุพรรณ” และจอมยุทธ์แดนใต้“ชวน เชื่องช้า” ยังเคยกระอักเลือดแทบตายมาแล้ว กับฝ่ามือพลิกขั้วของ “จอมทรยศห้อยโหน” จากแดนอีสานใต้

ดังนั้นฉากสุดท้าย..ของนักการเมืองสายวิชาชีพทหาร ที่มีอำนาจใหญ่โตคับฟ้าทางการเมือง จึงมักพบกับบั้นปลายแห่งอำนาจและชีวิตในตอนท้าย ไม่สวยสดงดงามเท่าที่ควรครับ!

“จอมพลแปลก” หรือป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศไทย โดนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหารโค่นล้มลงจากอำนาจ จนต้องลี้ภัยไปตายยังต่างแดน

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็โดนกรรมติดจรวด “ยิงใส่” เพราะจอมพลถนอม กิตติขจร ได้โค่นจอมพล “ผ้าขาวม้าแดง” ลง ตามด้วยการยึดทรัพย์จนเกลี้ยงต๊ะ..ยกเว้นยึดอีหนูนับร้อยคนครับ

อย่างไรก็ตาม..จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ตกอยู่ในสถานะที่สังคมไม่ยอมรับ อีกทั้งท่านจอมพลหน้าซื่อผู้นี้..ยังไม่ทันเล่ห์กลนักการเมืองเขี้ยวลากดิน จึงถูกหลอกให้ตั้งพรรคการเมืองและต้องหาเงินมาปรนเปรอให้กับบรรดา ส.ส.จอมสวาปามเพื่อสู้ศึกในสนามเลือกตั้ง

แต่สุดท้าย..ประชาชนทั้งสังคมยามนั้น ก็ไม่ยอมรับ ส.ส.ของพวกเผด็จการ ที่เข้าสภาด้วยการซื้อเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม แถมฝูงนักการเมืองเขี้ยวลากดิน ก็เอาแต่ตบทรัพย์ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนท่านจอมพลถนอมผู้มีอำนาจล้นฟ้าในยุคนั้น..ตบะแตกทนไม่ไหว..

17 พฤศจิกายน 2514 จึงเกิดเรื่องตลกอันแสนร้ายกาจขึ้น นั่นคือ เผด็จการจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ทำรัฐประหารเงียบโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาที่ชื่อ จอมพลถนอม กิติขจร ลงอย่างไม่เป็นท่า.. ทำเอาไทยงง-ฝรั่งเง็งไปเลยครับ

ชะตากรรมท้ายสุดของจอมพลถนอม นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 นั้น ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากการลุกขึ้นสู้ของนักเรียนนิสิตนักศึกษา และประชาชนหลายแสนคน ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

ทว่าไม่นาน..จอมพลถนอมก็หวนกลับประเทศไทย ภายใต้ชายผ้าเหลืองที่ไร้บุญ-มากรอยบาป เพราะ “สามเณรถนอม” ได้กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดการเข่นฆ่านักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนอย่างป่าเถื่อน เป็นประวัติการณ์ในเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม 2519

พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายทหารเจ้าตำรับแกงเขียวหวานผสมบรั่นดี ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 หลังคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ภายใต้การนำของพล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ไม่แฮปปี้กับการบริหารรัฐบาล “หอย” ของตนเอง จึงได้ทำการรัฐประหารเงียบล้มรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ลง

แต่ “อินทรีแห่งทุ่งบางเขน” ก็ต้องปีกหักกะทันหัน เพราะโดนคณะนายทหารยังเติร์กทั้งบีบทั้งคั้นจนช้ำชอกฤดีแด ในที่สุด..พล.อ.เกรียงศักดิ์อดรนทนไม่ไหว ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งกลางสภา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2523

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 แทนพล.อ.เกรียงศักดิ์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 จนถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2531 “ป๋าเปรม” ถือได้ว่า..เป็นนายกฯ ใต้ปีกนักการเมืองเขี้ยวลากดินได้นานกว่านายทหารคนอื่น เพราะท่านซื่อสัตย์และนำนักบริหารดีๆ เข้ามาทำงานในคณะรัฐบาลหลายคน

ที่สำคัญ “ป๋าเปรม” ไม่ยอมศิโรราบต่อบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดิน ที่กระหายหิวทั้งเงินตราและตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งไม่ยอมทำตามการบีบบังคับให้ทำเรื่องผิดๆ อยู่เนืองนิตย์

ยุทธวิธีหนึ่งที่ “ป๋าเปรม” นำมาจัดการกับพวกนักการเมืองเขี้ยวลากดินที่เหิมเกริม หรือได้คืบ-เอาศอก-ได้ศอก-เอาวาเหล่านั้น ก็คือ พร้อมเป็นทั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือยุบสภา ยุค“ป๋าเปรมฯ”จึงมีการยุบสภาครั้งแล้วครั้งเล่า เล่นเอานักการเมืองจอมซื้อเสียงทั้งหลาย กลัวกระเป๋าฉีกแล้วฉีกอีกกันเป็นทิวแถว

หลังแก้วิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจให้ชาติบ้านเมืองหลายครั้งครา ป๋าเปรมฯ ก็ประกาศ “ล้างมือในอ่างทองคำ” วางมือทางการเมือง เปิดทางให้พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17

พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ถือว่า..เชี่ยวทางการเมืองชนิดหาตัวจับยาก แต่ “น้าชาติ” ที่ว่าแน่ ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคณะรัฐมนตรีที่มีแต่ข่าวคอร์รัปชันมิได้ขาด ในที่สุดรัฐบาล “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ก็โดนคณะนายทหาร รสช.ซึ่งนำโดย “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ทำรัฐประหาร “น้าชาติ” บนเครื่องบินที่กำลังจะโบยบินขึ้นสู่ฟากฟ้า...

การรัฐประหารคราครั้งนั้น..ทหาร รสช.ได้รับเสียงเชียร์ทั้งจากสื่อมวลชนและประชาชนล้นหลามในตอนแรก ทว่า..อำนาจ-เงินตรา-นารีทำให้คณะทหาร รสช.กลุ่มนี้ “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” กับการอยากสืบทอดอำนาจต่อไงล่ะครับ

แม้นคณะนายทหารใหญ่ รสช.กลุ่มนี้จะคุมกำลังกองทัพไว้ในกำมืออย่างหนาแน่น แต่ในห้วงที่ยึดอำนาจรัฐด้วยการรัฐประหาร คณะนายทหารหลายคนได้ตกเป็นข่าวฉาว ในเรื่องการคอร์รัปชันและใช้อำนาจเผด็จการปิดกั้นสื่อมวลชนอย่างไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำสื่อในเครือผู้จัดการต่อสู้แฉโพย คณะนายทหาร รสช.โดยไม่เกรงกลัวในอันตรายจากอำนาจอธรรมแม้นแต่น้อย

โอ้..พระเจ้าจอร์จ..อีกครั้งที่คณะนายทหาร รสช.ได้พลัดตกหล่มเล่ห์กลนักการเมืองเขี้ยวลากดิน โดยคณะนายทหาร รสช.ได้ดึงเอานักการเมืองเหล่านั้น มาสุมหัวกันอยู่ในพรรคที่พวกตนตั้งขึ้น หลังจากนั้นก็แจกเงินให้ซื้อเสียงกันอย่างโจ๋งครึ่ม จนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

แม้นพรรคการเมืองของคณะนายทหาร รสช.จะชนะศึกเลือกตั้ง..ได้ ส.ส.เข้าสภามากที่สุด แต่ก็ตั้งนายกรัฐมนตรีไม่ได้เสียที เพราะแกนนำพรรคที่วางตัวให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดนประเทศอเมริกากล่าวหาว่า..ข้องแวะกับการค้าขายสิ่งต้องห้าม..

จุดจบอยู่ตรงนี้..ตรงที่พล.อ.สุจินดา คราประยูร หนึ่งในแกนนำ รสช.ที่เคยลั่นคำมั่นสัญญาต่อสังคมว่า จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่แล้ว..นายพลเอกรูปหล่อผู้นี้ก็กลับตระบัดสัตย์ ด้วยการก้าวขึ้นยึดครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่19 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2535

แต่เป็นนายกฯ ได้เพียงสี่สิบกว่าวัน พล.อ.สุจินดาก็โดนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นำทัพประชาชนอันไพศาลลุกขึ้นคัดค้าน-ต่อต้าน-ต่อสู้ทั่วแคว้นแดนไทย

นั่นทำให้..พล.อ.สุจินดาก็ตบะแตก ถึงกับสั่งการให้ทหารไล่เข่นฆ่าประชาชนคนไทยที่ชุมนุมกันอย่างสงบสันติด้วยสองมือเปล่า จนบาดเจ็บและล้มตายมากมาย..ในเหตุการณ์วันที่17 พฤษภาคม 2535

ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม..พสกนิกรชาวไทย ในที่สุด..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ได้ทรงตรากตรำพระวรกายลงมาแก้ไขปัญหา..จนยุติลง..ด้วยพระองค์เอง..

นั่นคือ บทเรียนที่สอนนายทหารใหญ่บางคน ที่อยากเป็นนายกฯ ให้ได้รับรู้ว่า

การเป็นใหญ่เป็นโตนั้น..ต้องได้มาโดยถูกต้องตามทำนองคลองธรรม!

มิใช่ได้มาโดย..ใจร้อน-ด่วนได้ จนไร้ซึ่งคุณธรรม-ไร้จริยธรรม-ไร้ความชอบธรรม!!

กำลังโหลดความคิดเห็น