xs
xsm
sm
md
lg

ผีพนันธอส.สับขาหลอกนั่งรถเมล์กินข้าวแกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การพนันเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ อย่างกรณีของหนุ่มแบงก์ที่ริแทงพนันฟุตบอลต่างประเทศ จนเป็นหนี้เป็นสินหลายแสนบาท สุดท้ายตัดสินใจก่อเหตุยักยอกเงินธนาคาร ที่ตัวเองทำงานมาจ่ายหนี้ใช้สิน กระทั่งถูกตำรวจจับยัดซังเต อนาคตดับวูบลงทันที

นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช วัย 33 ปี เจ้าหน้าที่การเงินอาวุโส ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นหลุยส์ 3 หนุ่มไฟแรงดีกรีปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ สามารถบวกลบคูณหารเลข 7 หลักได้โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลข เข้าทำงานในธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อปี 2542 และด้วยความขยันหมั่นเพียรและวิริยะอุตสาหะ เขาได้รับรางวัลพนักงานดีเด่น 2 ปีซ้อน และไต่เต้าเป็นเจ้าหน้าที่การเงินอาวุโสในเวลาไม่กี่ปี

แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินในบัญชีที่เตรียมจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยหายไปจำนวนมาก จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเอทีเอ็ม ตรวจสอบความเคลื่อนไหวในบัญชีของพนักงานทุกคน เพราะเชื่อว่างานนี้ เกลือเป็นหนอนแน่นอน

จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีเงินฝาก ของนายสมเกียรติ เคลื่อนไหวผิดปกติในรอบ 1 สัปดาห์ มีการโอนเงินเข้า-ออกผ่านบัญชีเงินฝากหลายบัญชี และจากการตรวจสอบย้อนหลังไป 1 ปี พบมีการยักย้ายเงินจากบัญชีของนายสมเกียรติกว่า 38 ล้าน เมื่อพบหลักฐานมัดตัว เป็นแค่พนักงานรายได้เดือนละ 15,000 บาท แต่กลับมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 300 ล้านบาท

ไม่รอช้า 30 เมษายน ที่ผ่านมา นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก็โร่เข้าพบ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.เพื่อให้จับกุม นายสมเกียรติ มาดำเนินคดี ต่อมา พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.พ.ต.ท.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.อดิเรก จินตรานันท์ และ พ.ต.ต.ธีรพัฒน์ ธารีไทย สว.กก.1 บก.ป.เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติหมายจับศาลอาญา ที่ 1205/2552 ลงวันที่ 1 พ.ค.2552 ข้อหาลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง หรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง

จากการตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวทราบว่า นายสมเกียรติ เพิ่งขออนุญาตใช้เบอร์โทรศัพท์บ้าน เลขที่ 538 หมู่บ้านในโครงการเดอะแลนด์มาร์ค เรสซิเดนท์ ทาวน์โฮม ระดับไฮเอนด์หรู มูลค่า 40 ล้านบาท ตั้งอยู่ ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ต.อดิเรก จินตรานันท์ เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา พบภายในบ้านได้เปิดไฟทิ้งไว้ และมีการทยอยขนออกจากบ้านก่อนหน้านี้แล้วไม่กี่ชั่วโมง คาดว่าผู้ต้องหาอาจรู้ตัวล่วงหน้าไม่นานเนื่องจากมีการอายัดบัตรของเจ้าตัวทุกธนาคารแล้ว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจเส้นทางการหลบหนีพบว่า ผู้ต้องหามีแฟนถึง 3 คน โดย 2 คนเป็นชาวอีสาน และพบว่า ผู้ต้องหาได้ขับ รถยนต์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น 525 I สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายแดง พ-3023 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานซึ่งเป็นบ้านแฟนสาวรายหนึ่ง

ต่อมา พ.ต.ต.อดิเรก และลูกน้องรวม 4 นาย ดักซุ่มบริเวณ ถนนนครราชสีมา-บุรีรัมย์ กม.68 อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และจับกุมนายสมเกียรติ ได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจค้นภายในรถยนต์ พบกระเป๋า 3 ใบ บรรจุเงินสด ประมาณ 15 ล้านบาทและแคชเชียร์เช็คอีกจำนวนมาก จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ที่ กองปราบปราม

นายสมเกียรติ รับสารภาพ ได้ขโมยเงินจากบัญชีดอกเบี้ยธนาคารประมาณ 300 กว่าล้านบาท โดยใช้เวลาที่ธนาคารปิดบัญชีในตอนเย็น นอกจากนี้ ได้ยังนำเงินที่ยักยอกมาอีกส่วนไปตระเวนซื้อล๊อตเตอรี่ จากแม่ค้าบริเวณหน้ากองสลากครั้งละหลายสิบล้านบาท ซึ่งครั้งหนึ่งเคยซื้อล๊อตเตอรี่เป็นเงินถึง 32 ล้านบาท และถูกรางวัลได้เงินมา 38 ล้านบาท แต่ไปๆมาๆ กลับต้องเสียเงินนับร้อยกว่าล้านบาท

“ผมทำมาแล้วเกือบ 2 ปี เงินที่ได้จะนำไปซื้อบ้านหรูในโครงการ เดอะแลนด์มาร์ค ซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท จำนวน 2 คัน และแคชเชียร์เช็คผ่านบัญชีตนเองมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ที่ก่อเหตุเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้พนันฟุตบอลจำนวนหลายแสนบาท แต่เมื่อหลังใช้หนี้ แล้วเห็นว่าไม่มีใครจับได้ไล่ทัน จึงยักยอกเงินจากบัญชีดังกล่าวออกมาเรื่อยๆ ” นายสมเกียรติ กล่าว

จากการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่กระทำความผิดนอกจากเงินสดที่พบในตัวผู้ต้องหากว่า 13 ล้านบาท ที่ผู้ต้องหาเบิกเอาไว้สำหรับใช้ในการหลบหนี รวมถึงรถเก๋งหรู 2 คันมูลค่า 10 ล้านบาท และบ้านหรูใจกลางกรุงมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ยังมีของใช้ส่วนตัวหรูหราทั้งสร้อย แหวนนาฬิกาและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน รวมมูลค่าหลายล้านบาท นอกจากนี้ มีปลาคาร์ฟสายพันธุ์ดีจากประเทศญี่ปุ่นราคา 2-3 แสนบาท อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ ยังได้นำเงินจำนวน 145 ล้านไปซื้อกองทุนของธนาคารธนชาตเก็บเอาไว้อีกด้วย

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ปกติ นายสมเกียรติ จะเป็นคนขยันทำงาน และดูภายนอกเป็นคนสมถะไม่อวดร่ำอวดรวย โดยนั่งรถเมล์มาทำงานและกินข้าวแกงข้างถนนเหมือนพนักงานคนอื่น ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนก่อเหตุดังกล่าว

“เงินที่เขายักยอกไปนั้นเป็นเงินที่ธนาคารเตรียมนำมาจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยเงินฝากให้แก่ลูกค้า ซึ่งนายสมเกียรติจะทยอยโอนเงินส่วนนี้เข้าบัญชีเอทีเอ็มของตนเอง ที่เป็นบัญชีของธนาคารอาคารสงเคราะห์ครั้งละ 3 หมื่นบาท วันละ 30 ครั้ง เป็นเงิน 9 แสนบาทต่อวัน โดยใช้เวลาหลังจากธนาคารปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้ใครสงสัย เมื่อนำเงินของธนาคารโอนเข้าบัญชีตัวเองแล้ว ก็จะโอนจากบัญชีดังกล่าวไปเข้าบัญชี ของตัวเองในธนาคารอื่นๆต่อไป ”

เพราะผีพนันเข้าสิงและความละโมบโลภมากแท้ๆ หนุ่มแบงก์ที่อนาคตสดใสกำลังไปได้สวยในเส้นทางอาชีพนักการธนาคาร กลับต้องมาถูกจับกุมดำเนินคดี อนาคตดับวูบลงทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น