xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึงจับพนักงานธอส.โกงเงินแบงก์310ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอ็มดีธอส. แจ้งจับพนักงานยักยอกทรัพย์กว่า 310 ล้านบาท กองปราบตามรวมตัวได้บริเวณถนนนครราชสีมา-บุรีรัมย์ พร้อมของกลางรถยนต์ BMWป้ายแดง พร้อมเงินสดเกือบ 13 ล้านบาท ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ ด้านผู้บริหารยันเงินยักยอกเป็นเงินธนาคารไม่เกี่ยวกับลูกค้า วอนอย่าตระหนก พร้อมเรียกประชุมผู้จัดการสาขาและผู้บริหารทั่วประเทศด่วน หาทางอุดช่องโหว่ รื้อระบบตรวจสอบใหม่ป้องกันการทุจริต

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยกรณีแจ้งจับนายสมเกียรติ ปัญญาวรกุลเดช อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการ สาขาเซ็นต์หลุย 3 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พนังงานธนาคารได้ตรวจพบพิรุธธุรกรรมการโอนเงินออกจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทยถึง 30 ครั้ง จึงได้รีบทำการตรวจสอบเส้นทางของเงิน ซึ่งพบว่าถูกโอนไปยังบัญชีของนายสมเกียรติ จึงได้แจ้งต่อผู้บริหาร โดยทางธอส.จึงได้แจ้งขอความร่วมมือไปยังธนาคารกสิกรไทยเพื่อขออายัดบัญชีพร้อมแจ้งความ เพื่อขอให้ตำรวจออกหมายจับนายสมเกียรติ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองกำกับการ 1 กองปราบปราม จับกุมนายสมเกียรติได้บริเวณถนนสายนครราชสีมา-บุรีรัมย์ พร้อมของกลางรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ป้ายแดง รุ่น 525i และเงินสดกว่า 13 ล้านบาท ขณะเตรียมเดินทางหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแถบจังหวัดศรีสะเกษ โดยนายสมเกียรติได้พาแฟนสาวถึงสามคนติดรถไปด้วย และได้ปล่อยลงระหว่างทางก่อนถูกจับ

นายขรรค์กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบอีกว่า นายสมเกียรติได้ทำการยักยอกดอกเบี้ยจ่ายของธนาคาร ด้วยการโอนเงินจากบัญชีธนาคารเข้าบัญชีตนเองที่เปิดไว้หลายสิบบัญชีวันละ 7-9 แสนบาท เป็นเวลามากว่า 1 ปี รวมเป็นเงิน 310 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ธนาคารไม่สามารถตรวจสอบพบมาก่อน เนื่องจากเงินก้อนดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยจ่ายที่ธนาคารเตรียมไว้จ่ายให้แก่ลูกค้าประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งทุกสาขาจะทำการเบิกเงินและโอนเข้าบัญชีลูกค้าเมื่อครบกำหนดจ่าย ซึ่งนายสมเกียรติได้อาศัยช่วงปิดบัญชีลูกค้าในแต่ละวันโอนเงินเข้าบัญชีตนเอง

จากการตรวจสอบยังพบว่า นายสมเกียรติได้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เล่นการพนันได้เสียวันละนับแสนบาท นำเงินไปซื้อบ้านหลังละ 40 ล้านบาท รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู 2 คันๆ มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อเวอร์ทู (Vertu) เครื่องละกว่า 3 แสนบาทถึง 2 เครื่อง และพบบัญชีเงินฝากอีกหลายบัญชี ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบจำนวน และพบฉบับตราสารหนี้ของสถาบันการเงินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

นายขรรค์ยังยอมรับด้วยว่า ระบบการตรวจสอบของธนาคารหละหลวม ทำให้ในระหว่างที่นายสมเกียรติทำการยักยอกเงินนั้น ธนาคารไม่ล่วงรู้มาก่อนจนกระทั้งเกิดการโอนเงิน 30 ครั้งในวันเดียว จากปัญหาดังกล่าวในวันนี้ (2 พ.ค.) ธนาคารได้เรียกประชุมผู้จัดการสาขาทั่วประเทศ เพื่อประเมินถึงช่องโหว่ของกฎระเบียบที่กำหนดไว้สำหรับพนักงาน ที่ทำงานอยู่กับการดูแลเงินของธนาคาร เพื่อไม่ให้มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในอนาคต และในอีก 2-3 วัน จะเรียกผู้บริหารหารือ ถึงการปรับเปลี่ยนระบบการตรวจสอบของธนาคาร ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น

พร้อมยืนยันว่า เงินที่พนักงานยักยอกไปนั้น เป็นเงินจากบัญชีดอกเบี้ยจ่ายของธนาคาร ซึ่งไม่ใช่เงินจากบัญชีของลูกค้า และลูกค้าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน และขอร้องให้ลูกค้าอย่าตื่นตระหนกจากปัญหาดังกล่าว

“หลังจากนี้ คงต้องแจ้งพนักงานทุกคนและผู้จัดการสาขา สังเกตพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานว่า หลังเลิกงานมีพฤติกรรมเป็นแบบใด ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินตัวหรือไม่ เพื่อร่วมกันตรวจสอบให้แก่ธนาคาร ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ ธนาคารจะพยายามยึดทรัพย์สินกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด แต่ยอมรับว่าคงไม่ได้ทั้ง 100%”
กำลังโหลดความคิดเห็น