ASTVผู้จัดการรายวัน - เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ คาดการณ์ผลงานไตรมาสของบจ.ทรุด กำไรสุทธิไตรมาส1/52 ลดลงถึง 40% จากไตรมาสแรกปีก่อนที่กำไรสุทธิกว่า 1.5 แสนล้านบาท หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกหดตัว บวกกับฐานกำไรปีก่อนสูง พอร้มให้ความมั่นใจตลาดหุ้นเริ่มกระเตื้องไตรมาส 2 นี้ สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว ด้าน “ชนิตร” รับกำไรสุทธิ บจ. ไตรมาส 1/52 ลดจริง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย ประจำงวดไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2552 คาดว่าบจ.จะมีผลการดำเนินลดลงจากไตรมาสแรกปี 2511 ประมาณ 30-40% โดยบจ.อาจจะมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้นไม่ถึง 1 แสนล้านบาท ลดลงไตรมาส 1/51 ที่มีกำไรสุทธิรวมกว่า 152,382 ล้านบาท แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/51 ค่อนข้างมากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 83,401 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีนั้น จะเป็นหมวดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคอุปโภคในประเทศ เช่น หมวดพาณิชย์ สาธารูปโภค และโทรคมนาคมบางส่วน ส่วนหมวดพลังงาน จะปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่จะดีขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กำไรของบจ.ในไตรมาส 1/52 ปีนี้ ลดลงน่าจะมาจากฐานกำไรในไตรมาส 1/51 ที่สูงเพราะในช่วงดังกล่าวอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ยังเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ก่อนจะเริ่มชะลดตัวในไตรมาส 3/51
ส่วนแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลตอบแทนแต่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในปี 52 นี้ คาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลน่าจะลดลงบ้าง แม้เอกชนบางแห่งอาจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี เพราะบริษัทจะเบียนบางส่วนอาจจะสำรองเป็นรูปของเงินสด เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไป
ด้านแนวโน้มมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นายสมบัติ กล่าวว่า ไตรมาส 2 มูลค่าการซื้อขายน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะตลาดทุนโลกอาจจะเริ่มฟื้นตัว ซึ่งปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงินยังคงส่งผลกระทบโดยตรงมากกว่า เพราะตัวเลขที่เสียหายจริงยังไม่แน่นอน ประกอบกับสถาบันทางการเงินจะมีการเพิ่มทุน จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูท่าทีสถานการณ์มากกว่าตามปัจจัยทางการเมือง และไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น ยังไม่จบและที่สำคัญตลาดไม่ได้รับรู้มากนักรวมถึงตลาดโลกยังไม่สะท้อนในเรื่องดังกล่าว แต่ที่สำคัญหากมีการลุกลามมายังในเอเชียอาจจะส่งผลกระทบได้
“ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากตลาดทุนโลกมีการฟื้นตัว การซื้อขายเริ่มดีขึ้น ทำให้คนที่ติดหุ้นอยู่เข้ามาซื้อขายมากขึ้น แต่ตลาดหุ้นอาจจะเคลื่อนไหวผันหวนได้ หากตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกมีปัญหา หรือสถาบันการเงินยังปรต้องการใช้เงินเพิ่มทุนมากขึ้น โดยในระยะอันใกล้นี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวแตะ 500 จุดได้”นายสมบัติ กล่าวว่า
ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีกำหนดแถลงผลสำรวจนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เกียวกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/52 มีแนวโน้มลดลง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะลดลงเท่าไหร่ เพราะขณะนี้บจ.ยังนำส่งงบการเงินไม่ถึงครึ่ง แต่ทั้งนี้ มองว่าในไตรมาส 2 อาจจะมีผลกระทบจริงๆ มากกว่า เพราะอาจจะเริ่มถึงจุดต่ำสุดของวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยแต่ละบริษัทอาจจะมีการสั่งสินค้าเพิ่มเข้ามาจากการชะลอการสั่งในไตรมาส 4 ปีก่อนและไตรมาส 1 ของปีนี้
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย ประจำงวดไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2552 คาดว่าบจ.จะมีผลการดำเนินลดลงจากไตรมาสแรกปี 2511 ประมาณ 30-40% โดยบจ.อาจจะมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้นไม่ถึง 1 แสนล้านบาท ลดลงไตรมาส 1/51 ที่มีกำไรสุทธิรวมกว่า 152,382 ล้านบาท แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/51 ค่อนข้างมากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 83,401 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีนั้น จะเป็นหมวดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคอุปโภคในประเทศ เช่น หมวดพาณิชย์ สาธารูปโภค และโทรคมนาคมบางส่วน ส่วนหมวดพลังงาน จะปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่จะดีขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กำไรของบจ.ในไตรมาส 1/52 ปีนี้ ลดลงน่าจะมาจากฐานกำไรในไตรมาส 1/51 ที่สูงเพราะในช่วงดังกล่าวอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ยังเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ก่อนจะเริ่มชะลดตัวในไตรมาส 3/51
ส่วนแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลตอบแทนแต่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในปี 52 นี้ คาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลน่าจะลดลงบ้าง แม้เอกชนบางแห่งอาจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี เพราะบริษัทจะเบียนบางส่วนอาจจะสำรองเป็นรูปของเงินสด เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไป
ด้านแนวโน้มมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นายสมบัติ กล่าวว่า ไตรมาส 2 มูลค่าการซื้อขายน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะตลาดทุนโลกอาจจะเริ่มฟื้นตัว ซึ่งปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงินยังคงส่งผลกระทบโดยตรงมากกว่า เพราะตัวเลขที่เสียหายจริงยังไม่แน่นอน ประกอบกับสถาบันทางการเงินจะมีการเพิ่มทุน จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูท่าทีสถานการณ์มากกว่าตามปัจจัยทางการเมือง และไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น ยังไม่จบและที่สำคัญตลาดไม่ได้รับรู้มากนักรวมถึงตลาดโลกยังไม่สะท้อนในเรื่องดังกล่าว แต่ที่สำคัญหากมีการลุกลามมายังในเอเชียอาจจะส่งผลกระทบได้
“ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากตลาดทุนโลกมีการฟื้นตัว การซื้อขายเริ่มดีขึ้น ทำให้คนที่ติดหุ้นอยู่เข้ามาซื้อขายมากขึ้น แต่ตลาดหุ้นอาจจะเคลื่อนไหวผันหวนได้ หากตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกมีปัญหา หรือสถาบันการเงินยังปรต้องการใช้เงินเพิ่มทุนมากขึ้น โดยในระยะอันใกล้นี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวแตะ 500 จุดได้”นายสมบัติ กล่าวว่า
ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีกำหนดแถลงผลสำรวจนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เกียวกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/52 มีแนวโน้มลดลง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะลดลงเท่าไหร่ เพราะขณะนี้บจ.ยังนำส่งงบการเงินไม่ถึงครึ่ง แต่ทั้งนี้ มองว่าในไตรมาส 2 อาจจะมีผลกระทบจริงๆ มากกว่า เพราะอาจจะเริ่มถึงจุดต่ำสุดของวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยแต่ละบริษัทอาจจะมีการสั่งสินค้าเพิ่มเข้ามาจากการชะลอการสั่งในไตรมาส 4 ปีก่อนและไตรมาส 1 ของปีนี้