xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.เพิ่มเหตุเพิกถอน SECC บริษัทกลับมาขายรถหรู พ.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเพิ่มเหตุแห่งการเพิกถอนหลักทรัพย์ SECC อีก แม้เพิ่งส่งงบงวดสิ้นปี 51 เหตุพบส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบ เพราะระบบควบคุมภายในบกพร่อง อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของหนี้สินและตัวเลขขาดทุนเกือบ 1.9 พันล้านบาท ด้านผู้บริหารยืนยันทุกฝ่ายเดินหน้าทุกอย่างไม่ให้หุ้นถูกเพิกถอน พร้อมเตรียมกลับมาขายรถหรูอีกครั้ง พ.ย.นี้ ส่วนรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ขอรับช่วงงานบริการและบำรุงรักษาจากผู้ประมูลรายอื่นแทน


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศให้หลักทรัพย์ของบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน และคงเครื่องหมาย SP (Suspension) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2552 พร้อมทั้งขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-Compliance) ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2552 เนื่องจาก SECC ยังมิได้นำส่งงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ต่อตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งล่าช้าเกินกว่า 180 วัน

และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา SECC ได้นำส่งงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม2551 ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์ กล่าวคือ ติดลบ 573,962,783 บาท และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินดังกล่าว เนื่องจาก 1.ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดของเขตการตรวจสอบโดยผู้บริหาร และระบบควบคุมภายในมีจุดบกพร่องที่มีสาระสำคัญอย่างมาก 2.ความไม่แน่นอนของจำนวนหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น จากการที่ถูกลูกค้าร้องเรียนและฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวนมาก และจากสถาบันการเงินเกี่ยวกับการผิดสัญญาและตั๋วสัญญาใช้เงิน และการเลิกจ้างพนักงานบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งยังไม่ได้ประมาณมูลค่าความเสียหาย และ 3.ปัญหาการดำเนินงานต่อเนื่อง จากการที่บริษัทมีผลขาดทุน 1,858,674,430 บาท ส่วนของ ผู้ถือหุ้นติดลบ 573,962,783 บาท

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาแล้วจึงประกาศให้ SECC เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ.2542กรณีมีผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตามข้อ 9(6) (ง) ที่ระบุว่า “งบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแสดงว่าส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์”

ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ขอให้ SECC แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 เพื่อเผยแพร่ต่อผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนให้ทราบถึงทางเลือกของบริษัทว่าบริษัทจะทำแผนปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานเสนอผู้ถือหุ้น หรือจะฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย หรือจะขอเพิกถอนโดยสมัครใจ หรือมีทางเลือกอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท ตลอดจนระยะเวลาการดำเนินการในทางเลือกดังกล่าว จึงขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนโปรดศึกษารายละเอียดงบการเงินฉบับเต็มของ SECC พร้อมทั้งติดตามการนำเสนอแผนดำเนินการเพื่อฟื้นฟูกิจการของ SECC และการดำเนินการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนของ SECC ต่อไป

ด้าน นายกิตติมา สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บมจ.เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) กล่าวว่า บริษัทได้เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้บริษัทถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงขอยืนยันว่า บอร์ดทุกคนทำงานเต็มที่ ทุกคนมาประชุมกันทุกวัน ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ถูก Delete ออกจากตลาดหุ้นอย่างแน่นอน

โดยในราวเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทจะกลับมาทำธุรกิจขายรถยนต์หรูนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งจัดเตรียมโปรโมชันบริการหลังการขายด้วยแคมเปญ “29 นาที Express Service” ตรวจเช็กเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องภายใน 29 นาที หรือเมื่อนำรถเข้าบริการ รับฟรี! บัตร SEC Premium Auto Care VIP Card นำมาขัดเคลือบสี ทำความสะอาดภายในได้ทุกครั้งที่ใช้บริการ เป็นเวลา 1 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งกลุ่มรถที่จะมีสิทธิ์รับบริการนี้ คือ รถ MPV และ รถ SUV

ส่วนเรื่องแผนการตลาด ขณะนี้อยู่ในช่วงตกแต่งโชว์รูมใหม่ ทั้งทำแบนเนอร์ บิลบอร์ด พร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้

ขณะที่โครงการเช่ารถเมล์ NGV4 พันคัน ซึ่งเคยอยู่ในแผนงานก่อนที่ธุรกิจจะมีปัญหานั้น SECC คงจะทำผ่านบริษัทลูก แต่เป็นในลักษณะการรอรับช่วงงานบริการบำรุงรักษาจากผู้ที่เข้าประมูลหรือผู้ที่ได้รับสัมปทานโครงการนี้ โดยไม่ได้เข้าประมูลเอง แต่คงจะเป็นรูปแบบของซัพพลายเออร์ หรือ Outsourcing

โดยบริษัทลูกดังกล่าวชื่อ CNG Hybrigde Vicicle ซึ่งอดีตผู้บริหาร (สมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์) ตั้งมาเพื่อรองรับโปรเจกต์นี้โดยเฉพาะ และ SECC ถือหุ้นประมาณ 99% อีกทั้งปัจจุบันบริษัทนี้ยังคงดำเนินธุรกิจขายส่งอุปกรณ์ NGV ติดตั้งให้รถยนต์ และซ่อมแซม บำรุงรักษา เพราะฉะนั้น SECC อาจจะเข้าไปขอร่วม ในส่วนของการติดั้งและการบำรุงรักษา ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะมาคุยกับบริษัท เพราะถ้าได้ทำโครงการนี้ก็ถือเป็นผลดีต่อบริษัทเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น