SMC ไตรมาส 3 ปีนี้กำไรตก เหตุราคาน้ำมันพุ่ง ส่งผลต่อยอดขายของอุตสาหกรรมยานยนต์ตกต่ำ โดยเฉพาะรถยนต์หรู และรถปิกอัพ รวมทั้งยอดขายอะไหล่และบริการหลังการขายหดตัวลง ทำให้กำไรขั้นต้นลดลง ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลดเครื่องหมาย SP ตั้งแต่รอบเช้าการซื้อขาย 8 ธ.ค. หลังจากแขวนมาตั้งแต่เดือนพ.ย.
นายพันธ์นิวัติ ศรีไกรวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอ็มซี มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) (SMC) แจ้งผลงานไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 51 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 40.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 36.19 ล้านบาท หรือมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 4.4 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวนเงิน 36.2 ล้านบาทสำหรับงวดเดียวกันของปี 2550 คิดเป็นขาดทุนเพิ่มขึ้น 12.04% ขณะที่ในงบการเงินรวมงวด 9 เดือนกลับพบว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 71.65 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี 50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 13.58 ล้านบาท
เนื่องจาก เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 140 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 บาร์เรล ทำให้
อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ประสบกับภาวะตกต่ำของยอดขาย โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์นั่งหรู และรถยนต์ปิกอัพ ปัจจัยดังกล่าวทำให้ยอดขายรถยนต์วอลโว่ และมาสด้าของบริษัทฯ ปรับลดลงถึง 18% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ ยอดขายอะไหล่และบริการหลังการขายของบริษัทฯปรับลดลง 14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนั้น เหตุผลของการแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ
(Gross profit) จากการขายรถยนต์ลดลงถึง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการขายอะไหล่ และบริการหลังการขายลดลง 27.9%
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร นั้น ถึงแม้บริษัทฯ จะสามารถบริหารจัดการให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Selling and administration expense) ลดลง 12% แต่บริษัทฯ ก็มีค่าเผื่อการลดลงของสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 11.9 ล้านบาท และบริษัทมีส่วนแบ่งขาดทุนของบริษัทย่อย เนื่องจากบริษัท สแกนดิเนเวียลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในครือที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางตรง 49.99% มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องบันทึกผลการขาดทุนจากบริษัท ย่อยเพิ่มขึ้น 67.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนหน้า
ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งได้ขึ้นเครื่องหมาย "SP" (Suspension) หลักทรัพย์ของบริษัท เอสเอ็มซีมอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) (SMC) ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 เนื่องจากบริษัทไม่สามารถนำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดนั้น
บัดนี้ บริษัทได้นำส่งงบการเงินดังกล่าวเพื่อเผยแพร่โดยทั่วถึงแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นสมควรปลดเครื่องหมาย "SP" หลักทรัพย์ของ SMC ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป
นายพันธ์นิวัติ ศรีไกรวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอ็มซี มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) (SMC) แจ้งผลงานไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 51 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 40.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 36.19 ล้านบาท หรือมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 4.4 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวนเงิน 36.2 ล้านบาทสำหรับงวดเดียวกันของปี 2550 คิดเป็นขาดทุนเพิ่มขึ้น 12.04% ขณะที่ในงบการเงินรวมงวด 9 เดือนกลับพบว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 71.65 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี 50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 13.58 ล้านบาท
เนื่องจาก เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 140 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 บาร์เรล ทำให้
อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ประสบกับภาวะตกต่ำของยอดขาย โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์นั่งหรู และรถยนต์ปิกอัพ ปัจจัยดังกล่าวทำให้ยอดขายรถยนต์วอลโว่ และมาสด้าของบริษัทฯ ปรับลดลงถึง 18% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ ยอดขายอะไหล่และบริการหลังการขายของบริษัทฯปรับลดลง 14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนั้น เหตุผลของการแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ
(Gross profit) จากการขายรถยนต์ลดลงถึง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการขายอะไหล่ และบริการหลังการขายลดลง 27.9%
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร นั้น ถึงแม้บริษัทฯ จะสามารถบริหารจัดการให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Selling and administration expense) ลดลง 12% แต่บริษัทฯ ก็มีค่าเผื่อการลดลงของสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 11.9 ล้านบาท และบริษัทมีส่วนแบ่งขาดทุนของบริษัทย่อย เนื่องจากบริษัท สแกนดิเนเวียลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในครือที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางตรง 49.99% มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องบันทึกผลการขาดทุนจากบริษัท ย่อยเพิ่มขึ้น 67.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนหน้า
ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งได้ขึ้นเครื่องหมาย "SP" (Suspension) หลักทรัพย์ของบริษัท เอสเอ็มซีมอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) (SMC) ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 เนื่องจากบริษัทไม่สามารถนำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดนั้น
บัดนี้ บริษัทได้นำส่งงบการเงินดังกล่าวเพื่อเผยแพร่โดยทั่วถึงแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นสมควรปลดเครื่องหมาย "SP" หลักทรัพย์ของ SMC ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป
