BSI แจ้งผลงานงวด 6 เดือน กำไรทะยาน 586 % ผลดีจากราคาต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือผันผวนสูงมาก รวมทั้งแนวโน้ม ขณะที่แนวโน้มการปรับตัวส่งผลให้ราคาสูงขึ้น ดันผลงานให้บริษัทมีกำไรพุ่งจากการขายสินค้าคงเหลือต้นงวด ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุน เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน
บริษัท ซี.เจ.มอร์แกน จำกัด ผู้บริหารแผน บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) ( BSI ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 365.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61.66 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 540.02 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 78.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 586.26 %
เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้งวด 6 เดือนแรกปีนี้ว่ามี 719.95 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของงวดเดียวกันในปีก่อนมีกำไรจากการดำเนินงาน 111.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 608.13 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบและราคาสินค้าคงเหลือมีความผันผวนอย่างมากและมีแนวโน้มในทิศทางที่มีการปรับตัวส่งผลให้ราคาสูงขึ้น จึงทำให้บริษัทมีผลกำไรจากสินค้าคงเหลือต้นงวด
สำหรับดอกเบี้ยจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนปี 2551 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 3.28 ล้านบาท ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น ส่วนรายการขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ ลดลง 25.66 ล้านบาท และรายการโอนกลับขาดทุนจากการ ด้อยค่าเงินลงทุนลดลง 3.93 ล้านบาท และการบันทึกสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เพิ่มขึ้น 14.68 ล้านบาท
พร้อมแจ้งปริมาณการผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นของบริษัท และบริษัท ราชสีมาผลิตเหล็ก จำกัด (ราชสีมา) งวด 6 เดือนแรกปีนี้ เพื่อรายงานรายการที่อาจเข้าข่ายความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งจากการสอบทานการผลิต และการขายผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นงวดดังกล่าวพบว่าบริษัท และราชสีมา มีการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นทั้งหมด 26 ผลิตภัณฑ์ โดยไม่พบการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เทียบเท่ากัน
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ ) แจ้งว่าเนื่องจาก BSI ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด(Non-Performing Group) ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ฉบับที่ผ่านสอบทานจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัททำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฎในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ จึงแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบและพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง
บริษัท ซี.เจ.มอร์แกน จำกัด ผู้บริหารแผน บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) ( BSI ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 365.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61.66 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 540.02 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 78.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 586.26 %
เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้งวด 6 เดือนแรกปีนี้ว่ามี 719.95 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของงวดเดียวกันในปีก่อนมีกำไรจากการดำเนินงาน 111.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 608.13 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบและราคาสินค้าคงเหลือมีความผันผวนอย่างมากและมีแนวโน้มในทิศทางที่มีการปรับตัวส่งผลให้ราคาสูงขึ้น จึงทำให้บริษัทมีผลกำไรจากสินค้าคงเหลือต้นงวด
สำหรับดอกเบี้ยจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนปี 2551 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 3.28 ล้านบาท ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น ส่วนรายการขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ ลดลง 25.66 ล้านบาท และรายการโอนกลับขาดทุนจากการ ด้อยค่าเงินลงทุนลดลง 3.93 ล้านบาท และการบันทึกสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เพิ่มขึ้น 14.68 ล้านบาท
พร้อมแจ้งปริมาณการผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นของบริษัท และบริษัท ราชสีมาผลิตเหล็ก จำกัด (ราชสีมา) งวด 6 เดือนแรกปีนี้ เพื่อรายงานรายการที่อาจเข้าข่ายความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งจากการสอบทานการผลิต และการขายผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นงวดดังกล่าวพบว่าบริษัท และราชสีมา มีการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นทั้งหมด 26 ผลิตภัณฑ์ โดยไม่พบการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เทียบเท่ากัน
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ ) แจ้งว่าเนื่องจาก BSI ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด(Non-Performing Group) ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ฉบับที่ผ่านสอบทานจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัททำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฎในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ จึงแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบและพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง