POWER แจ้งผลงานไตรมาส 1และ 2 ปีนี้ พบว่าขาดทุนเพิ่มเหตุยอดขายลดลง ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงแขวนเครื่องหมาย SP และ NP ต่อไป เพราะบริษัทอยู่ระหว่างแก้ไขให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน
นางสาวชุติมา ชุบไธสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายงานบริหาร บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) (POWER ) ไตรมาสแรกปีนี้ ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 6.29 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.35 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ลดลงจาก 76.22 ล้านบาทเหลือเพียง 18.90 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ เพราะรายได้จากงานก่อสร้างและต้นทุนงานก่อสร้างลดลง ดอกเบี้ยรับลดลง และกำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวรลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัท มีผลขาดทุนสุทธิ 10.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 4.85 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมลดลงจาก 111.31 ล้านบาท เหลือเพียง 41.17 ล้านบาท และกำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวรลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเพราะเนื่องจากในไตรมาส 1/2550 บริษัทรับรู้กำไรจากการขายที่ดินแปลงหนึ่ง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง ผลจากบริษัทได้จ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างให้พนักงานและจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะจาก ดอกเบี้ยรับของเงินทดรองจ่ายบริษัท พี.กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้ ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขึ้นเครื่องหมาย " SP " ( Suspension ) สั่งห้ามการ ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ POWER เนื่องจาก POWER มิได้นำส่งงบการเงินที่ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด กล่าวคือ งบการเงินไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 และงบการเงินไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 51
บัดนี้ POWER ได้นำส่งงบการเงินดังกล่าวทั้งหมดแล้ว โดยผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินของ POWER ได้ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของ POWER ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้ POWER แก้ไขงบการเงินดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม POWER เป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างแก้ไขให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยคงเครื่องหมาย SP และ NP ต่อไป
นางสาวชุติมา ชุบไธสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายงานบริหาร บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) (POWER ) ไตรมาสแรกปีนี้ ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 6.29 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.35 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ลดลงจาก 76.22 ล้านบาทเหลือเพียง 18.90 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ เพราะรายได้จากงานก่อสร้างและต้นทุนงานก่อสร้างลดลง ดอกเบี้ยรับลดลง และกำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวรลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัท มีผลขาดทุนสุทธิ 10.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 4.85 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมลดลงจาก 111.31 ล้านบาท เหลือเพียง 41.17 ล้านบาท และกำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวรลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเพราะเนื่องจากในไตรมาส 1/2550 บริษัทรับรู้กำไรจากการขายที่ดินแปลงหนึ่ง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง ผลจากบริษัทได้จ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างให้พนักงานและจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะจาก ดอกเบี้ยรับของเงินทดรองจ่ายบริษัท พี.กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้ ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขึ้นเครื่องหมาย " SP " ( Suspension ) สั่งห้ามการ ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ POWER เนื่องจาก POWER มิได้นำส่งงบการเงินที่ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด กล่าวคือ งบการเงินไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 และงบการเงินไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 51
บัดนี้ POWER ได้นำส่งงบการเงินดังกล่าวทั้งหมดแล้ว โดยผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินของ POWER ได้ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของ POWER ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้ POWER แก้ไขงบการเงินดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม POWER เป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างแก้ไขให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยคงเครื่องหมาย SP และ NP ต่อไป
