ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นหวั่น! บริษัทจดทะเบียนเจ้าเล่ห์ ฉวยจังหวะตกแต่งงบการเงินให้ดูดีในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ยืนยันเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมผ่อนปรนค่าธรรมเนียมในหลักทรัพย์ที่มีฟรีโฟลทต่ำเพื่อช่วยลดภาระ หลังแนวโน้มบจ.เข้าเกณฑ์มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ฉงนใจหุ้น MPIC และ MLINKพุ่งผิดสังเกต ส่วนหุ้นSECC ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ดีเอสไอ แต่งบการเงินยังล่าช้าเพราะยังหากรรมการครบตามเกณฑ์ไม่ได้ เตือนวันสุดท้าย 16 กรกฎาคมนี้ ไม่งั้นอาจเข้าข่ายถูกเพิกถอน
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความเป็นห่วงงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งอาจจะมีบางบริษัทที่ทำการตกแต่งงบการเงินให้ดูดี ดังนั้นทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยในช่วงต้นเดือนมีนาคมซึ่งจะครบกำหนดที่บริษัทจดทะเบียน จะต้องประกาศงบการเงินให้หมด อาจจะเห็นบางบริษัทมีส่วนของทุนติดลบ แต่ไม่ได้จำกัดความว่าผิด เพราะบางช่วงอาจจะกลับมาเป็นบวกได้
ทั้งนี้ มีบริษัทจดทะเบียน 28 แห่งที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด ภายใน 2 ปี (Non-Performing Group:NPG) 20 แห่ง และอยู่ในกลุ่มเข้าข่ายถูกเพิกถอนไม่ถึง 2 ปี ( Non-Compliance:NC ) NC อีก 8 แห่ง และยังไม่รู้ว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่าย NC เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีใครรู้ว่าภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ จะกระทบมากน้อยกับผลดำเนินงานบริษัทต่างๆมากน้อยเพียงใด
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์จะผ่อนผันการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มกับบริษัทจดทะเบียนที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์ 15% จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าหากบริษัทจดทะเบียนใดที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์จะต้องเก็บบค่าธรรมเนียมเพิ่ม เพื่อเป็นการช่วยลดภาระบริษัทเหล่านี้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์ 20 แห่ง เช่น บมจ.ซีฮอร์ส(SH), บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น(SHIN), บมจ.วีนิไทย(VNT)
งง! หุ้นMPIC-MLINKพุ่งเกินเหตุ
ส่วนกฏเกณฑ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนเปอร์เซ็นที่ต่ำกว่าฟรีโฟลทแ ละจำนวนของปีที่ติดฟรีโฟลท ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่มีฟรีโฟรทต่ำกว่าเกณฑ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงมีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังอยู่หว่างการติดตามการซื้อขายของบริษัท บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC และบริษัทบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MLIMK ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยจะเข้าไปดูว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น MLIMK มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 85% ขณะที่หุ้น MPIC ราคาเพิ่มขึ้นถึง 22.31%
รอSECCตั้งกรรมการฯ-ส่งงบ
สำหรับกรณีของของบริษัท เอส.อี.ซี.ซี ออโตเซลล์ แอนด์ เซอร์วิส หรือ SECC นายศักรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)กำลังดำเนินการตรวจสอบ โดยในส่วนงานของ ตลท. นั้นเหลือเพียงรอการส่งงบการเงินและหากรรมการตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่บริษัทจดทะเบียน คือจะต้องนำส่งงบการเงินไม่เกิน 180 วัน จากวันสิ้นสุดงบของแต่ละไตรมาส และมีกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 3 คน
โดยพบว่าขณะนี้ SECC อยู่ในช่วงของการสรรหาคณะกรรมการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่สามารถสรุปงบการเงินของบริษัทได้ ซึ่งงบการเงินล่าสุดที่ SECC ส่งมาให้ตลท.คืองวดไตรมาส 3/2551 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 และด้านสำนักงานคณะกรรมการกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับงบการเงินในงวดดังกล่าว จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาหุ้น SECC ได้ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมาย SP หลังจาก ที่บริษัทไม่ส่งงบการเงินและหาผู้สอบบัญชีพิเศษ (SPECIAL AUDIT) ไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด เพราะระยะเวลาในการส่งงบและหาผู้สอบบัญชีก็จะเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้คือ หากส่งงบเกินกำหนด 180 วันจะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP และหากท้ายสุดแล้วกระบวนการตรวจสอบไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯและก.ล.ต.ก็อาจจะทำให้หุ้นSECC ถูกเพิกถอนออกไปได้ ดังนั้นบริษัทจะต้องนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้
“ตอนนี้เรื่องของ SECC อยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งเหลือเพียงเรื่องงบการเงินที่จะต้องส่ง แต่เพราะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การหาผู้สอบงบจึงทำให้ยังไม่ได้ออก ดังนั้นทำให้ยังไม่เห็นภาพว่ากิจการในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งหากมีงบการเงินครบถ้วนตลาดหลักทรัพย์ก็จะนำไปพิจารณา ว่าเป็นไปตามความจริงหรือไม่ “ นายศักรินทร์ กล่าว
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความเป็นห่วงงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งอาจจะมีบางบริษัทที่ทำการตกแต่งงบการเงินให้ดูดี ดังนั้นทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยในช่วงต้นเดือนมีนาคมซึ่งจะครบกำหนดที่บริษัทจดทะเบียน จะต้องประกาศงบการเงินให้หมด อาจจะเห็นบางบริษัทมีส่วนของทุนติดลบ แต่ไม่ได้จำกัดความว่าผิด เพราะบางช่วงอาจจะกลับมาเป็นบวกได้
ทั้งนี้ มีบริษัทจดทะเบียน 28 แห่งที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด ภายใน 2 ปี (Non-Performing Group:NPG) 20 แห่ง และอยู่ในกลุ่มเข้าข่ายถูกเพิกถอนไม่ถึง 2 ปี ( Non-Compliance:NC ) NC อีก 8 แห่ง และยังไม่รู้ว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่าย NC เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีใครรู้ว่าภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ จะกระทบมากน้อยกับผลดำเนินงานบริษัทต่างๆมากน้อยเพียงใด
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์จะผ่อนผันการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มกับบริษัทจดทะเบียนที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์ 15% จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าหากบริษัทจดทะเบียนใดที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์จะต้องเก็บบค่าธรรมเนียมเพิ่ม เพื่อเป็นการช่วยลดภาระบริษัทเหล่านี้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์ 20 แห่ง เช่น บมจ.ซีฮอร์ส(SH), บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น(SHIN), บมจ.วีนิไทย(VNT)
งง! หุ้นMPIC-MLINKพุ่งเกินเหตุ
ส่วนกฏเกณฑ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนเปอร์เซ็นที่ต่ำกว่าฟรีโฟลทแ ละจำนวนของปีที่ติดฟรีโฟลท ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่มีฟรีโฟรทต่ำกว่าเกณฑ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงมีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังอยู่หว่างการติดตามการซื้อขายของบริษัท บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC และบริษัทบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MLIMK ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยจะเข้าไปดูว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น MLIMK มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 85% ขณะที่หุ้น MPIC ราคาเพิ่มขึ้นถึง 22.31%
รอSECCตั้งกรรมการฯ-ส่งงบ
สำหรับกรณีของของบริษัท เอส.อี.ซี.ซี ออโตเซลล์ แอนด์ เซอร์วิส หรือ SECC นายศักรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)กำลังดำเนินการตรวจสอบ โดยในส่วนงานของ ตลท. นั้นเหลือเพียงรอการส่งงบการเงินและหากรรมการตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่บริษัทจดทะเบียน คือจะต้องนำส่งงบการเงินไม่เกิน 180 วัน จากวันสิ้นสุดงบของแต่ละไตรมาส และมีกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 3 คน
โดยพบว่าขณะนี้ SECC อยู่ในช่วงของการสรรหาคณะกรรมการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่สามารถสรุปงบการเงินของบริษัทได้ ซึ่งงบการเงินล่าสุดที่ SECC ส่งมาให้ตลท.คืองวดไตรมาส 3/2551 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 และด้านสำนักงานคณะกรรมการกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับงบการเงินในงวดดังกล่าว จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาหุ้น SECC ได้ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมาย SP หลังจาก ที่บริษัทไม่ส่งงบการเงินและหาผู้สอบบัญชีพิเศษ (SPECIAL AUDIT) ไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด เพราะระยะเวลาในการส่งงบและหาผู้สอบบัญชีก็จะเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้คือ หากส่งงบเกินกำหนด 180 วันจะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP และหากท้ายสุดแล้วกระบวนการตรวจสอบไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯและก.ล.ต.ก็อาจจะทำให้หุ้นSECC ถูกเพิกถอนออกไปได้ ดังนั้นบริษัทจะต้องนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้
“ตอนนี้เรื่องของ SECC อยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งเหลือเพียงเรื่องงบการเงินที่จะต้องส่ง แต่เพราะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การหาผู้สอบงบจึงทำให้ยังไม่ได้ออก ดังนั้นทำให้ยังไม่เห็นภาพว่ากิจการในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งหากมีงบการเงินครบถ้วนตลาดหลักทรัพย์ก็จะนำไปพิจารณา ว่าเป็นไปตามความจริงหรือไม่ “ นายศักรินทร์ กล่าว