xs
xsm
sm
md
lg

PSLกำไรรูดเซ่นพิษเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – พรีเชียส ชิฟปิ้ง ไตรมาสแรกกำไรหดเหลือ 843.09 ล้านบาท หรือ 16.52% เหตุวิกฤตเศรษฐกิจฉุดรายได้ พร้อมลดเป้าค่าระวางเรือเหลือ 1.4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ จากปีก่อนสูงถึง 1.6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ ด้านผู้บริหาร เผยพิษเศรษฐกิจส่งผลดีกรณีที่บริษัทคู่แข่งเจอปัญหาสภาพคล่องจนต้องปิดกิจการ หลังสถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ขณะที่โบรกเกอร์แนะถือรอจังหวะขาย ระบุจุดเด่นฐานะการเงินแกร่ง
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL เปิดเผยถึงผลการดำเนินไตรมาส 1/52 พบว่ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 843.09 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.81 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,009.95 ล้านบาท กำไรสุทธิ 0.97 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 160.86 ล้านบาท คิดเป็น 16.52%
สำหรับสาเหตุที่ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง เกิดจากรายได้จากการเดินเรือสุทธิ (สุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) ไตรมาสแรกปี 52 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนประมาณ 6% เนื่องมาจากการลดลงของรายได้การเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือเหลือ 14,485 ดอลลาร์สหรัฐ จากปีก่อน 15,493 ดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกันจำนวนเรือที่ดำเนินงานมีน้อยกว่าในระหว่างไตรมาสนี้ รายได้การเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวัน ลดลง เนื่องมาจากมีเรือบางลำที่สัญญาให้เช่าเรือได้หมดลงในระหว่างไตรมาสนี้และได้ทำสัญญาใหม่ที่อัตราค่าระวางปัจจุบันที่ต่ำ รายได้จากการเดินเรือในไตรมาสแรกปี 2552 มาจากกองเรือเฉลี่ยเพียงจำนวน 42 ลำ ขณะที่ในไตรมาสแรกปี 2551 มีกองเรือเฉลี่ยจำนวน 44 ลำ เนื่องจากมีเรือที่ขายและส่งมอบไปแล้ว 5 ลำ จากจำนวนทั้งหมด 10 ลำ ทำให้กองเรือลดลงเหลือแค่ 39 ลำ
ด้านค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% คืออยู่ที่ 5,284 ดอลล่าร์สหรัฐ เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 4,639 ดอลล่าร์สหรัฐ (รวมค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือ) หรือเพิ่มขึ้น 14% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับลูกเรือ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือโดยเฉพาะเรือที่มีอายุมาก และการเพิ่มขึ้นครั้งเดียวของค่าประกันภัยเรือ
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น อาทิ ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจากปีก่อน 58.56 ล้านบาท จากการตั้งสำรองของโบนัสพนักงานที่ลดลง บันทึกขาดทุนสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยน 5.99 ล้านบาท ลดจากปีก่อนที่บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 82.36 ล้านบาท ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 99.18 ล้านบาท หลังจากมีการจ่ายค่าต่อระยะเวลาการเบิกถอนเงินกู้ของวงเงินสินเชื่อ 2 วงเงิน และค่าธรรมเนียมการ รักษาวงเงินกู้ที่ยังไม่เบิกใช้
ปัจจุบันสัดส่วนสัญญาการเช่าเรือของ PSL แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก สัญญาระยะยาวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 72% และสัญญาระยะสั้น 28% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวสูงกว่าที่เคยวางไว้ที่ต้องการปรับลดสัดส่วนระหว่างสัญญาระยะสั้นและระยะยาวให้มีสัดส่วนเท่าๆ กันที่ 50% เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงเมื่อค่าระวางเรือมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้น
สำหรับในปี 52 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้จากค่าระวางเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำอยู่ที่ 1.4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 51 ที่มีค่าระวางเรือเฉลี่ยต่อวัน 1.6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้การขนส่งทางเรือหดลงอย่างต่อเนื่อง

“รายได้ที่ลดลงเหลือ 1.4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ ไม่มีผลกระทบ เพราะตัวเลขดังกล่าวยังถืออยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรม และเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงไม่มากนัก บวกกับบริษัทได้มีการบริหารจัดการที่ดี”
ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบกับบริษัทมากนัก ในทางตรงกันข้ามกลับส่งผลดีในแง่ที่สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ จนส่งผลกระทบต่อบริษัทคู่แข่งที่ขาดสภาพคล่องไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือบางรายต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก รวมทั้งทำให้จำนวนเรื่องขนส่งใหม่ๆ ที่จะเข้าสู่ระบบมีจำนวนลดลงเช่นเดียวกัน
ด้านการบริหารสภาพคล่องของบริษัทนั้น ปัจจุบันบริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับสถาบันการเงินเรื่องการขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายวงเงินกู้ที่จะใช้ในการซื้อเรือมือสองจำนวน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถเบิกจ่ายเงินส่วนดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปี 52 จากเดิมที่กำหนดการเบิกจ่ายจะหมดลงในปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุที่ต้องขอขยายระยะเวลานั้นเพราะบริษัทยังไม่สามารถหาเรือที่คุณสมบัติตรงตามความต้องการได้ทันเวลา
สำหรับวงเงินสินเชื่อจำนวนดังกล่าวนั้น บริษัทตั้งเป้าจะนำไปซื้อเรือมือสองจำนวน 25 ลำ โดยคุณลักษณะของเรือจะต้องมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 0-5 ปี อย่างไรก็ตามหากเงินในส่วนนี้ไม่เพียงพอ บริษัทสามารถนำเงินที่ได้จากการขายเรือมือสองในจำนวนที่เท่ากันเข้ามาเพิ่มเติมได้
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล..) ทรีนีตี้ ประเมินว่าจากผลประกอบการไตรมาสแรกของ PSL ที่มีกำไรสุทธิกว่า 843 ล้านบาท นั้นดีการประมาณการที่ตั้งไว้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ถือ เพื่อรอขายที่ระดับราคาหุ้นละ 14 บาท สูงกว่าราคาเป้าหมายที่ 12 บาท เนื่องจากอุตสาหกรรมเรือเทกองมีปัจจัยบวกในระยะสั้น แม้จะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากจำนวนเรือที่จะทยอยเข้าสู่ระบบในช่วงครึ่งหลังของปี 52
ทั้งนี้ PSL มีจุดเด่นที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ประกอบกับการขายเรือเทกองเก่าออกนอกจากจะช่วยเพิ่มสัดส่วนการทำสัญญาระยะยาวของบริษัทแล้ว (สัดส่วนการทำสัญญาระยะยาว ณ สิ้นเดือน มี.ค. 52 เท่ากับ 72% เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 52 ที่ 61%) ยังช่วยให้บริษัทมีเงินสดในมือมากขึ้นและมีโอกาสที่บริษัทจะนำเงินดังกล่าวมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นหากไม่สามารถจัดซื้อเรือเทกองมือสองมาทดแทนเรือที่ขายไป
ความความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด วานนี้ (4 พ.ค.) ราคาปิดที่ 13.70 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 1 บาท หรือคิดเป็น 7.87% มูลค่าการซื้อขายรวม 193.15 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น