เอเอฟพี – ตัวแทนจากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันบรรลุข้อตกลงเพิ่มเที่ยวบินบินตรงระหว่างกันจาก 108 เที่ยวเป็น 270 เที่ยวต่อสัปดาห์ สนับสนุนนักธุรกิจจีนลงทุนในเกาะไต้หวัน พร้อมทั้งตกลงแผนการสร้างระบบสกุลเงินหักชำระบัญชีสินค้าระหว่างประเทศ อันเป็นความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดน
ผู้เจรจาจากฝ่ายจีนใหญ่ เฉิน หยุนหลิน และคู่เจรจาฝ่ายไต้หวัน เจียง ปิ่งคุน ประธานมูลนิธิเพื่อการแลกเปลี่ยนระหว่างช่องแคบ (SEF) ได้บรรลุข้อตกลงหลายฉบับในระหว่างการเจรจารอบใหม่เพื่อบรรเทาความขัดแย้งที่ยาวนานมากกว่า 6 ทศวรรษของจีนและไต้หวัน ที่เมืองหนันจิง ทางตะวันออกของจีนเมื่อวันอาทิตย์ (26 เม.ย.)
โดยครั้งนี้ได้มีการทำข้อตกลงเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างกันจาก 108 เที่ยวต่อสัปดาห์เป็น 270 เที่ยวต่อสัปดาห์ และเพิ่มจุดหมายปลายทางในแผ่นดินใหญ่จาก 6 แห่งเป็น 21 แห่ง พร้อมทั้งยังตกลงจะเพิ่มเที่ยวบินขนส่งสินค้าเป็น 112 เที่ยวต่อเดือนจากปัจจุบัน 60 เที่ยวและเพิ่มเส้นทางบินด้วย แต่ยังไม่ระบุกรอบเวลาที่แน่ชัด
ทั้งนี้ จีนและไต้หวันตัดขาดการติดต่อโดยตรงมาเกือบ 60 ปี หลังจากที่เจียงไคเช็คพ่ายแพ้สงครามกลางเมือง และหนีมาตั้งรัฐบาลแยกต่างหากที่ไต้หวัน ทำให้แผ่นดินใหญ่และไต้หวันขาดการติดต่อเชื่อมโยงโดยตรง 3 ด้าน ได้แก่ การคมนาคมทางอากาศ การเดินเรือขนส่งสินค้า และการไปรษณีย์ โดยการติดต่อเหล่านี้ จะต้องผ่านดินแดนที่สาม
แต่เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนปีที่แล้ว จีนและไต้หวันภายใต้การนำของประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว ก็ได้ลงนามข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการเปิดบริการเที่ยวบินโดยตรงระหว่างช่องแคบโดยไม่ต้องบินอ้อมน่านฟ้าฮ่องกงอีกต่อไป
นอกจากจะเพิ่มเที่ยวบินแล้ว ในแถลงการณ์ร่วมครั้งนี้ยังระบุว่า จีนและไต้หวันตกลงจะกระตุ้นให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาลงทุนในไต้หวันมากขึ้น อันเป็นความพยายามหนึ่งเพื่อช่วยทั้งสองฝ่ายฝ่าฟันวิกฤตการเงินโลกไปได้
“ทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนและประชาสัมพันธ์ให้นักธุรกิจจากแผ่นดินใหญ่มาลงทุนในไต้หวันมากขึ้น เพื่อกระชับความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมระหว่างสองฝั่งช่องแคบให้ลึกซึ้งและเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีธุรกิจไต้หวันไปลงทุนในจีนเป็นจำนวนมาก แต่บริษัทจีนยังมีข้อจำกัดในการมาลงทุนโดยตรงที่ไต้หวันอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้วไต้หวัน ซึ่งเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอย ก็ได้เริ่มบรรเทาข้อจำกัดในการลงทุนต่างๆ ลงเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน
ซึ่งฟู่ ตงเฉิง รองผู้อำนวยการสภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน ซึ่งเป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายต่อแผ่นดินใหญ่ของรัฐบาลไทเป ได้แถลงข่าวที่เมืองหนันจิงว่า ไต้หวันจะออกแนวทางปฏิบัติในการอนุญาตชาวจีนข้ามไปลงทุนยังไต้หวันภายใน 1-2 เดือนนี้
ด้านเฉิน หยุนหลิน ผู้เจรจาจากฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่กล่าวว่า “แผ่นดินใหญ่จะซื้อสินค้าจากไต้หวันและส่งนักท่องเที่ยวไปยังไต้หวันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะสนับสนุนให้ธุรกิจไต้หวันไปลงทุนในจีนมากขึ้นเพื่อรักษาการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
โดยปัจจุบันบริษัทประกันภัยของไต้หวันสามารถเข้ามาร่วมทุนทำธุรกิจในแผ่นดินใหญ่ได้แล้ว แต่สำหรับธนาคารและโบรกเกอร์กลับได้รับอนุญาตเพียงแค่เข้ามาเปิดสำนักงานตัวแทนในจีนเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถทำธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้ ขณะที่ไต้หวันเองก็ไม่อนุญาตให้ธนาคารจีนมาเปิดสาขาบนเกาะ
และนอกจากความร่วมมือข้างต้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังลงนามข้อตกลงร่วมมือต่อสู้กับอาชญากรรม และความร่วมมือด้านการเงิน ได้แก่ แผนการสร้างระบบหักชำระบัญชีสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งนักวิเคราะห์แสดงทัศนะว่า การขาดระบบดังกล่าวนับเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการแลกเปลี่ยนในตลาดการเงิน เช่นการอนุญาตให้นักลงทุนจีนสามารถซื้อหุ้นไต้หวันได้โดยตรง เป็นต้น
ต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว ฟู่ ตงเฉิง เสนอว่า ในขั้นแรกจีนกับไต้หวันควรจะเลือกธนาคาร 1 หรือ 2 แห่งเพื่อทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินหยวนและดอลลาร์ไต้หวัน
ทั้งนี้ จีนระบุไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตึงเครียดสุดขีดในช่วงที่รัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีดีพี ของอดีตประธานาธิบดีเฉิน สุยเปี่ยน ครองอำนาจด้วยท่าทีและเคลื่อนไหวที่ส่อไปในทางเรียกร้องอิสรภาพดินแดน ซึ่งสร้างความขุ่นเคืองแก่ทั้งจีน และสหรัฐอเมริกาที่เป็นแหล่งป้อนอาวุธเพื่อการป้องกันตัวเองแก่ไต้หวัน
แต่ขณะนี้ เฉิน สุยเปี่ยนกำลังถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาคอรัปชั่น และนโยบายของหม่า อิงจิ่ว ก็ดูเข้าที่เข้าทาง แม้ยังมีการประท้วงนโยบายกระชับสัมพันธ์กับจีนในไต้หวันก็ตาม