เอเยนซี – รัฐบาลหม่า อิงจิ่ว เผยไต้หวันยังไม่พร้อมเจรจาสันติภาพกับจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงเวลานี้ ระบุความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบเปราะบางเกินกว่าที่ถกประเด็นทางการเมืองและการทหาร
หลังจากนายกรัฐมนตรีจีนเวิน เจียเป่า กล่าวในที่ประชุมประจำปีสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (CNPC) เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มี.ค.) ว่าทางการจีนพร้อมจะเปิดเจรจาสันติภาพร่วมกับไต้หวัน แต่หวัง อี่ว์ฉี โฆษกรัฐบาลของประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่วกลับตอบข้อเสนอดังกล่าวของกรุงปักกิ่งด้วยการเผยว่า ช่วงเวลานี้ไต้หวันต้องการเจรจาปัญหาการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเศรษฐกิจที่ไต้หวันต้องการเจรจาร่วมกับจีนนั้น แหล่งข่าวระบุว่าเป็นกรอบของการเจรจาการค้าเสรีอันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกที่กระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองแผ่นดิน
โดยทางการจีนประกาศจะดำเนินการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของไต้หวันต่อไป ขณะที่ไต้หวันเองก็หวังว่าจะสามารถฝ่าวิกฤตไปได้ เพื่อให้นักลงทุนชาวจีนสามารถมาลงทุนยังภาคอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีมูลค่าการค้าทวิภาคีมากกว่า 130,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ฝั่งนักวิเคราะห์ของไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่มองว่า ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้ในระยะสั้น เนื่องจากความกดดันทางการเมืองภายในของไต้หวันที่มีต่อประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว จากบรรดาผู้ที่เฝ้าสังเกตการณ์เคลื่อนไหวระหว่างรัฐบาลไทเปและปักกิ่ง
“การยอมรับนโยบายจีนเดียว อาจนำไปสู่จุดจบทางการเมืองของหม่า” จอร์จ ไช่ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยวัฒนธรรมไทเปกล่าว
“ก่อนที่จะร่วมเจรจาใดๆ กับทางจีน ควรจะแก้ไขความขัดแย้งภายในที่มีอยู่เสียก่อน เพราะความขัดแย้งกันทางการเมืองและการทหารยังคงมีอยู่ในไต้หวัน” จาง เวินเซิ่ง นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมินในประเทศจีนแนะ
อย่างไรก็ตาม หม่า อิงจิ่วคาดว่าเขาจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2555 พร้อมทั้งระบุจะปูทางการเมืองที่แตกต่างเพื่อเน้นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจีนยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองใน พ.ศ. 2492 (ค.ศ.1949) เมื่อพรรคกั๋วหมินตั่ง หรือก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้พรรคคอมมิวนิสต์จนต้องถอยร่นมายังเกาะไต้หวัน ความสัมพันธ์ทั้งสองทรุดหนักในช่วงสมัยอดีตประธานาธิบดีเฉิน สุยเปี่ยนแห่งพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ ดีพีพี ซึ่งสนับสนุนอิสรภาพดินแดน
ความสัมพันธ์ทั้งสองแผ่นดินก้าวหน้ามากที่สุด หลังจากประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของไต้หวันปีแล้ว และได้ลงนามกระชับสัมพันธ์เศรษฐกิจ กระทั่งเปิดการเชื่อมโยงโดยตรงทั้งสามด้านเป็นครั้งแรกหลังตัดขาดกันเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ทั้งด้านการติดต่อทางอากาศ, การขนส่งทางเรือ และการไปรษณีย์