ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พันธมิตรฯ ภูเก็ต ประสานเสียงรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนฯ หลังรัฐบาลตัดสินใจเลือกภูเก็ตแล้ว พร้อมร่วมมือรัฐ-หน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นเจ้าบ้านที่ดี เน้นงานด้านการข่าว เชื่อชาวภูเก็ตทุกคนยินดีช่วย ยันไม่เกิดภาพซ้ำรอยพัทยา เผย“แดงถ่อย”เตรียมก่อหวอดต้านแล้ว แต่เชื่อคงไม่สิ้นคิดป่วนประชุมครั้งนี้
รัฐบาลตัดสินใจเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา หรืออาเซียน +3+6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะกรรมการอำนวยการรักษาความปลอดภัยประชุมอาเซียนฯ เดินทางลงพื้นที่ เพื่อประชุมร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว
น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร คณะทำงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต กล่าวแสดงความเห็นว่า ในฐานะที่เป็นชาวภูเก็ตคนหนึ่ง และถือว่าเป็นเจ้าบ้าน ยินดีมากที่รัฐบาลเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งใหม่นี้ และขอให้ชาวภูเก็ตร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วย การเดินทางมาของคณะอำนวยการฯ เป็นสิ่งที่ยืนยันกับพี่น้องชาวภูเก็ตว่า ช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ เรากำลังจะได้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกันฟื้นฟูภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของประเทศให้กลับมาอีกครั้ง
"ขอให้พี่น้องชาวภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นเส้นทางผ่านมายังจังหวัดภูเก็ต ช่วยกันสอดส่องดูแลความเคลื่อนไหวของกลุ่มฝ่ายตรงข้ามในแต่ละพื้นที่ของตนเอง ที่คาดว่า จะรวมตัวกันต่อต้าน คัดค้าน และก่อกวนการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ให้เป็นเหมือนเมื่อครั้งจัดที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ด้วยว่า กลุ่มคนเหล่านั้นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้นเคยประกาศว่า จะมีการเคลื่อนไหวต่อต้าน เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลทั้งในส่วนของใต้ดิน และบนดิน เพราะฉะนั้นในส่วนของเราเองก็จะมีการเคลื่อนไหวตอบโต้กลุ่มฝ่ายตงกันข้าม ทั้งในส่วนของใต้ดิน และบนดินเช่นเดียวกัน"น.ส.อาภารัตน์กล่าว
น.ส.อาภารัตน์ กล่าวต่อว่า ความเคลื่อนไหวของพวกเราเป็นไปเพียงเพื่อรักษาความสงบ ความเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในประเทศชาติ รวมไปถึงบรรยากาศ ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศชาติเท่านั้น เท่าที่พวกเราจะสามารถกระทำได้ โดยจะทำให้ดีที่สุด
เตือน “แดงถ่อย” ในภูเก็ต ถูกจับตาพฤติกรรม
น.ส.อาภารัตน์ ยังกล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวป่วนชาติกับกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งมีอยู่เช่นเดียวกันในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า ผู้ที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สามารถแสดงออกได้ตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่ใช่ป่วน ทำลายชาติเหมือนที่เกิดขึ้นที่เมืองพัทยา เรารู้ว่าพวกคุณมีใครบ้าง กี่คน เพราะฉะนั้นพวกคุณต้องถูกพวกเราเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวด้วยอย่างแน่นอน หากว่า ความเคลื่อนไหว พฤติกรรมต่าง ๆ ของพวกคุณส่อไปในทางคัดค้าน หรือรวมตัวกันเพื่อจะล้มล้างการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ให้พังลงไป ก็ขออย่าได้หวัง เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เราจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล หน่วยงานความมั่นคง ในการร่วมแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ที่คิดจะมาก่อกวนการประชุมอาเซียนครั้งนี้อย่างเต็มที่ ในลักษณะทีมเวิร์ก เพราะเราประชาชนธรรมดาไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปคัดค้านกลุ่มฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่ แต่หากฝ่ายตรงข้ามคิดจะใช้ความรุนแรงป่วนการประชุมแล้ว คุณจะได้รับการตอบโต้ในรูปแบบที่คุณคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน เพราะภาพการประชุมที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ จะต้องออกมาสวยงาม ดึงความเชื่อมั่นจากนานาชาติให้กลับมาอีกครั้ง” น.ส.อาภารัตน์ กล่าว
ฝากหน่วยความมั่นคงเลือกผู้บังคับบัญชา หากไม่อยากเห็นภาพซ้ำรอยพัทยา
ทั้งนี้ น.ส.อาภารัตน์ ยังฝากไปถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง และชุดรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานที่จัดการประชุม ขอให้มีการคัดเลือกผู้บังคับบัญชาให้ถี่ถ้วน และให้ดีที่สุด เพราะประสบการณ์การรักษาความปลอดภัยที่เมืองพัทยา เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ตัวผู้บังคับบัญชานั้นเป็นอย่างไร ขอให้บุคคลที่จะมารับหน้าที่สำคัญนี้ จงพึงสำนึกถึงประเทศชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เพียงเพื่อคนเพียงคนเดียว ที่คิดเพียงจะล้มล้าง ทำลายชาติบ้านเมืองให้ย่อยยับ
ขณะที่ นายกฤช เทพบำรุง คณะทำงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต กล่าวย้ำเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่า ในฐานะที่เป็นชาวภูเก็ตจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดประชุมอาเซียนครั้งนี้เป็นอย่างดี แต่โดยส่วนตัวไม่มั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้วางไว้ เพราะเกรงจะเกิดเหตุซ้ำเหมือนที่เมืองพัทยา
ยันชาวภูเก็ต พร้อมร่วมมือรัฐบาล รปภ.
ในส่วนของชาวภูเก็ต เชื่อว่า พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน ขณะนี้มีการแจ้งข่าวต่อ ๆ กันไปทั่วทั้ง 3 อำเภอแล้ว และเมื่อทราบกำหนดวันประชุมที่ชัดเจนช่วงเดือนมิถุนายน เราจะไม่ทิ้งพื้นที่ภูเก็ตอย่างเด็ดขาด เพื่อคอยอำนวยความสะดวก ดูแลรักษาความปลอดภัย สถานที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ ในพื้นที่จากฝีมือของกลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ ยังได้รับแจ้งด้วยว่า การนัดรวมตัวของกลุ่ม นปช.วันที่ 6 พฤษภาคม นี้ แนวร่วม นปช.จะมีการหารือ เพื่อกำหนดวางแนวทางเคลื่อนไหวต่อต้านการประชุมอาเซียนครั้งนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นงานด้านการข่าวจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า ภาพเหตุการณ์ที่เมืองพัทยา จะไม่เกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตอย่างแน่นอน เพราะเราจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด จะหามาตรการทุกวิถีทาง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ ผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่จะตามมาในอนาคต จากผลสำเร็จด้านความเชื่อมั่นของนานาประเทศ
ด้านนายสุรเชษฐ์ แก้วผลึก อดีตทีมการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การแสดงตัวเพื่อปกป้องการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ คงจะแยกออกจากกันไม่ได้ระหว่างภาพชาวภูเก็ตและพันธมิตรฯ เพราะไม่ว่าจะเป็นฐานะใด สิ่งที่ทุกคนแสดงออก คือ ปกป้องภาพลักษณ์และผลประโยชน์ที่ชาติจะได้รับ
โดยส่วนตัวเชื่อว่า การประชุมอาเซียนฯ ที่จังหวัดภูเก็ตช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จะไม่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายจากฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช.อย่างแน่นอน เนื่องจากภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ต เป็นเกาะไม่เหมาะสำหรับ นปช.จะชักธงรบก่อกวนการประชุมครั้งนี้ การเดินทางมีเส้นทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว หรือไม่ก็ตกทะเล
เชื่อคนภูเก็ตการศึกษาสูง “นช.ทักษิณ” หมดสิทธิ์หลอก
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หากกลุ่ม นปช.ที่มีอยู่เพียงส่วนน้อย จากจำนวนชาวภาคเหนือและภาคอีสานที่เข้ามาทำงานในพื้นที่รวมตัวก่อกวน แล้วคิดจะหลบหนีออกจากเกาะ ก็อย่าได้หวัง เพราะกว่าที่จะผ่านมาถึงทางออกเกาะบริเวณด่านตรวจท่าฉัตรไชย อ.ถลาง นปช.จะต้องผ่านด่านกลุ่มพลังมวลชนชาวภูเก็ตหลายด่าน คงไม่สิ้นคิดที่จะทำเช่นนั้น ซึ่งเชื่อว่าไม่รอดอย่างแน่นอน
ที่สำคัญมากกว่านั้น คือ ประชาชนส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีความรู้ ฐานการศึกษาดี ที่จะไม่ยอมให้นักโทษชายทักษิณ นำเงินเพียงเล็กน้อยมาหว่านซื้อ หลอกล่อให้ออกมาก่อกวน ภาคใต้เข้มแข็ง คงจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า จะมีบางจังหวัดอย่างพัทลุง และสตูล มีการรวมตัวของกลุ่ม นปช.ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยในกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่รักชาติ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยและทำงานที่จังหวัดภูเก็ต จะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ในหลักสงบ สันติ และอหิงสา