ผู้นำอาเซียน 15 ประเทศ เห็นใจ “มาร์ค” เผชิญมรสุม “หางแดง” ถล่มพัทยา พร้อมหนุนไทยเป็นเจ้าภาพประชุมอีกครั้ง เพื่อผนึกความร่วมมือแก้วิกฤต ศก. ลั่นต้องดำเนินการโดยเร็ว ภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยต้องจัดหาสถานที่ใหม่ที่ไม่มีความเสี่ยง เล็งจัดเวทีใหญ่อีกรอบ ปลายปีนี้
นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนได้เดินทางมาเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลา 20 นาที จากนั้นเปิดเผยว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาทั้ง 16 ประเทศ ยังพร้อมเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในประเทศไทย หลังจากที่ต้องล้มเลิกไปที่พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตนจะเร่งประสานไปยังผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อพิจารณาวันที่เหมาะสม และจะพยายามจัดการประชุมให้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ส่วนสถานที่จัดประชุมยังไม่ได้กำหนด แต่อาจเป็นที่ภูเก็ต หรือหาดใหญ่
“ผู้นำประเทศสมาชิกยังมั่นใจและพร้อมให้ความร่วมมือ ไม่ได้ตำหนิกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่สามารถประชุมต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งใหม่นี้จะยังไม่เชิญผู้นำองค์กรระดับโลก อาทิ ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ เลขาธิการสหประชาชาติมาร่วมประชุม เนื่องจากเกรงจะฉุกละหุกเกินไป จึงจะเชิญร่วมประชุมอีกครั้งปลายปีนี้”
ทั้งนี้ จากการหารือกับนายกฯ ได้กำหนดวันประชุมสุดยอดอาเซียน อาจเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2552 หรือต้นเดือนมิถุนายน 2552 นี้ โดยทั้ง 15 ประเทศ ยืนยันว่าจะกลับมาร่วมการประชุมในไทย เบื้องต้นยังไม่สามารถกำหนดวันที่แน่นอนได้เนื่องจาก บางประเทศติดปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง บางประเทศติดปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ บางประเทศมีกำหนดการไปเยือนต่างประเทศ และบางประเทศมีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่ทั้ง 15 ประเทศ ยืนยันว่า ต้องการให้ไทยจัดการประชุมให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับไทย ว่าจะคลี่คลายสถานการณ์และจัดการความขัดแย้งต่างๆ รวมทั้งสร้างความมั่นใจได้เร็วเพียงใด สำหรับสถานที่จัดการประชุม ยังไม่ได้กำหนดที่ใดเป็นพิเศษ
นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมในการจัดการประชุมอาเซียน+3 และอาเซียน+6 เพราะที่ผ่านมาเราสามารถจัดการประชุมระดับชาติจนประสบความสำเร็จอาทิการประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน หรือรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนซึ่งสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หากทางรัฐบาลเลือกภูเก็ตเป็นสถานที่ในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน กับคู่เจรจา ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า มั่นใจว่ามีความพร้อม เพราะที่ผ่านมา จ.ภูเก็ต ก็ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดการประชุมระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง
นายวิชัยกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดการประชุมดังกล่าวจะเป็นการฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทยและเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้ โดยจะเตรียมห้องพักซึ่งจะต้องใช้อย่างน้อย 1,600 ห้อง สำหรับคณะผู้นำ และผู้ติดตามอีกหลายพันคน ซึ่งควรจะเป็นบริเวณเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการจัดระบบการรักษาความปลอดภัยและการคมนาคมอย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเป็นผู้ตัดสินใจ
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า กำหนดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 กับประเทศคู่เจรจา คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย หรือ การประชุมอาเซียน บวก 3 และ บวก 6 โดยประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม พม่า กัมพูชา และประเทศลาว