นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงกรณีที่วุฒิสภา ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 มาตราที่เป็นปัญหาว่าที่ประชุมวุฒิสภาแค่ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นว่ามีหลายมาตรา ที่เป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรคอยู่ ส่วนจะแก้กี่มาตรา คณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นผู้พิจารณา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่พรรคเพื่อไทยต้องการให้ คณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์การเมืองระหว่างวันที่ 8-15 เม.ย.และ คณะกรรมการ สมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศึกษาให้เสร็จภายใน 30 วันนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ทราบว่าแต่ละพรรคมีความคิดเห็นสอดคล้องกันหรือแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งต้องเปิดกว่างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ผมคิดว่าอยู่ที่ความพอดี ถ้าเราทำโดยที่ไม่ให้ช้าจนเกินไป ก็น่าจะทำได้ แต่ถ้าเราทำโดยไม่ฟังเสียงประชาชนเลย เราก็อาจจะเจอปัญหาเหมือนกับปีที่ผ่านมา ที่กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง แทนที่จะแก้ปัญหา ก็กลายเป็นเติมปัญหาเข้าไปให้กับสังคมอีก ผมคิดว่าในส่วนของพรรคการเมืองพิจารณา สมมติว่า 30 วัน พอเห็นว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่อยู่ในข่าย ก็อาจจะสรุปในส่วนของตรงนั้น ส่วนหากระบวนการต่อไปจะทำอย่างไร ก็จะให้เป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม
นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า ทั้ง นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ที่ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์การเมืองระหว่างวันที่ 8-15 เม.ย.และนายสมศักดิ์ บุญทอง อดีตรองอัยการสูงสุด ที่เป็นประธานคณะกรรมการ สมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นที่ยอมรับและหากคณะกรรมการมาจากหลายฝ่ายได้มากเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องดี เพราะต้องการให้ความเห็นหลากหลาย จะได้ไม่มีใครถูกกันออกไปจากกระบวนการนี้
แต่ทุกคนต้องทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายว่า จะทำอย่างไรให้เราสามารถ ลดความขัดแย้งทางการเมืองบนความถูกต้องได้ ตรงนี้ควรเป็นโจทย์สำคัญที่สุด
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แสดงความเชื่อมั่นเช่นกันว่า ทั้งนายดิเรก ถึงฝั่ง และนายสมศักดิ์ บุญทอง มีความเหมาะสมที่จะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการฯทั้ง 2 คณะ และเชื่อว่าจะทำงานได้อย่างเหมาะสม และเป็นกลาง เพราะนายดิเรกก็เป็นผู้ว่าฯเก่า และมีความเชี่ยวชาญ ด้านรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้า และเป็นกลางอยู่พอสมควร สำหรับนายสมศักดิ์ ก็เป็นอดีตรองอัยการสูงสุดมาก่อน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
ผมเชื่อว่ามั่นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด โดยเฉพาะชุดตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางการเมือง เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากจะรู้ความจริงเหตุการณ์สลายม็อบว่า เป็นอย่างไร
นายประสพสุข ยังเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการทั้ง2 ชุดจะทำงานเดินหน้าไปได้ เพราะทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และวุฒิสภา ก็เห็นด้วย และเชื่อว่าประชาชนทุกคน ก็อยากเห็นการปรองดองเกิดขึ้นถือว่าเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่จะแก้สถานการณ์บ้านการเมืองได้ในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่ม นปช.เดินเกมใหม่ใช้แนวทางคอมมิวนิสต์เข้ามา โดยให้คนเดือนตุลาฯ เป็นผู้ดำเนินการ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าเท่าที่ดูในข่าวก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรมาก แต่มองว่าเขาน่าจะรอดูว่าคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ส่วนที่จะมีการทวงเอาดีสเตชั่นคืนมานั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ ที่จะให้ประชาชนรับรู้ข่าวสาร
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส. ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรค กล่าวถึง กรณีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุม ทางการเมืองว่า ตนมีข้อเสนอไปยังคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดคือ 1.ให้เปิดใจกว้าง มีสติรับฟัง โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันคือ ต้องนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข 2.ให้ทุกฝ่ายรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่กระบวนการกรั่นกรอง 3.ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามต้องเตรียม ข้อเสนอของตัวเอง เพราะทุกข้อเสนอจะนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การทำประชามติ นอกจากนี้ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย มีเหตุมีผล
ส่วนกรณีที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้าน การตั้งนายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ว่า ยังไม่พบเหตุผลที่ชัดเจนของนายวรวัจน์ว่าคัดค้านเพราะอะไร ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้นายวรวัจน์รับฟังคนอื่นบ้าง การแสดงอาการแบบนี้เหมือนเป็นคนส่วนน้อยที่มีเจตนาล้มคนส่วนใหญ่ ถ้าไม่ฟังคนอื่น ก็ขอให้ฟังคนในพรรคเดียวกันอย่างนายวิทยา บูรณะศิริ ประธาน วิปฝ่ายค้าน ที่ระบุว่าจะไม่มีการคัดค้านอะไรจนกว่าความไม่เป็นธรรมจะเกิดขึ้น ดังนั้น อยากให้นายวรวัจน์อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค และนึกถึงประเทศชาติ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำประเทศไปศุ่ความสงบสุข อย่านึกถึงบุลคลใด บุลคลหนึ่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่พรรคเพื่อไทยต้องการให้ คณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์การเมืองระหว่างวันที่ 8-15 เม.ย.และ คณะกรรมการ สมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศึกษาให้เสร็จภายใน 30 วันนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ทราบว่าแต่ละพรรคมีความคิดเห็นสอดคล้องกันหรือแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งต้องเปิดกว่างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ผมคิดว่าอยู่ที่ความพอดี ถ้าเราทำโดยที่ไม่ให้ช้าจนเกินไป ก็น่าจะทำได้ แต่ถ้าเราทำโดยไม่ฟังเสียงประชาชนเลย เราก็อาจจะเจอปัญหาเหมือนกับปีที่ผ่านมา ที่กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง แทนที่จะแก้ปัญหา ก็กลายเป็นเติมปัญหาเข้าไปให้กับสังคมอีก ผมคิดว่าในส่วนของพรรคการเมืองพิจารณา สมมติว่า 30 วัน พอเห็นว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่อยู่ในข่าย ก็อาจจะสรุปในส่วนของตรงนั้น ส่วนหากระบวนการต่อไปจะทำอย่างไร ก็จะให้เป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม
นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า ทั้ง นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ที่ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์การเมืองระหว่างวันที่ 8-15 เม.ย.และนายสมศักดิ์ บุญทอง อดีตรองอัยการสูงสุด ที่เป็นประธานคณะกรรมการ สมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นที่ยอมรับและหากคณะกรรมการมาจากหลายฝ่ายได้มากเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องดี เพราะต้องการให้ความเห็นหลากหลาย จะได้ไม่มีใครถูกกันออกไปจากกระบวนการนี้
แต่ทุกคนต้องทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายว่า จะทำอย่างไรให้เราสามารถ ลดความขัดแย้งทางการเมืองบนความถูกต้องได้ ตรงนี้ควรเป็นโจทย์สำคัญที่สุด
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แสดงความเชื่อมั่นเช่นกันว่า ทั้งนายดิเรก ถึงฝั่ง และนายสมศักดิ์ บุญทอง มีความเหมาะสมที่จะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการฯทั้ง 2 คณะ และเชื่อว่าจะทำงานได้อย่างเหมาะสม และเป็นกลาง เพราะนายดิเรกก็เป็นผู้ว่าฯเก่า และมีความเชี่ยวชาญ ด้านรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้า และเป็นกลางอยู่พอสมควร สำหรับนายสมศักดิ์ ก็เป็นอดีตรองอัยการสูงสุดมาก่อน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
ผมเชื่อว่ามั่นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด โดยเฉพาะชุดตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางการเมือง เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากจะรู้ความจริงเหตุการณ์สลายม็อบว่า เป็นอย่างไร
นายประสพสุข ยังเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการทั้ง2 ชุดจะทำงานเดินหน้าไปได้ เพราะทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และวุฒิสภา ก็เห็นด้วย และเชื่อว่าประชาชนทุกคน ก็อยากเห็นการปรองดองเกิดขึ้นถือว่าเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่จะแก้สถานการณ์บ้านการเมืองได้ในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่ม นปช.เดินเกมใหม่ใช้แนวทางคอมมิวนิสต์เข้ามา โดยให้คนเดือนตุลาฯ เป็นผู้ดำเนินการ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าเท่าที่ดูในข่าวก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรมาก แต่มองว่าเขาน่าจะรอดูว่าคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ส่วนที่จะมีการทวงเอาดีสเตชั่นคืนมานั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ ที่จะให้ประชาชนรับรู้ข่าวสาร
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส. ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรค กล่าวถึง กรณีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุม ทางการเมืองว่า ตนมีข้อเสนอไปยังคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดคือ 1.ให้เปิดใจกว้าง มีสติรับฟัง โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันคือ ต้องนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข 2.ให้ทุกฝ่ายรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่กระบวนการกรั่นกรอง 3.ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามต้องเตรียม ข้อเสนอของตัวเอง เพราะทุกข้อเสนอจะนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การทำประชามติ นอกจากนี้ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย มีเหตุมีผล
ส่วนกรณีที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้าน การตั้งนายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ว่า ยังไม่พบเหตุผลที่ชัดเจนของนายวรวัจน์ว่าคัดค้านเพราะอะไร ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้นายวรวัจน์รับฟังคนอื่นบ้าง การแสดงอาการแบบนี้เหมือนเป็นคนส่วนน้อยที่มีเจตนาล้มคนส่วนใหญ่ ถ้าไม่ฟังคนอื่น ก็ขอให้ฟังคนในพรรคเดียวกันอย่างนายวิทยา บูรณะศิริ ประธาน วิปฝ่ายค้าน ที่ระบุว่าจะไม่มีการคัดค้านอะไรจนกว่าความไม่เป็นธรรมจะเกิดขึ้น ดังนั้น อยากให้นายวรวัจน์อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค และนึกถึงประเทศชาติ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำประเทศไปศุ่ความสงบสุข อย่านึกถึงบุลคลใด บุลคลหนึ่ง
