ปัจจุบันนี้ การทำการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น คงต้องยอมรับว่ามีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง เพราะประเทศคู่ค้าหลายๆ ประเทศ ได้มีการนำมาตรการทางการค้าต่างๆ ออกมาใช้ ซึ่งหากไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือให้ดี การส่งออกก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้
หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ได้พยายามที่จะหาทางสนับสนุนให้ผู้ส่งออกของไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และพยายามที่จะผลักดันมาตรการออกมาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้การส่งออกสินค้าไทยยังคงมีอัตราการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ในโอกาสที่กรมการค้าต่างประเทศ มีอายุครบรอบ 67 ปี จึงได้ใช้โอกาสนี้เปิดตัว www.thaiexporthelp.com ซึ่งเป็นระบบค้นหาข้อมูลส่งออกและการเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้า ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ของการให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตก็ว่าได้
ภายใต้ระบบดังกล่าวผู้ประกอบการสามารถค้นหาข้อมูลการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการทำการค้าระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยจะเปิดใช้งานในเดือนพ.ค.2552 นี้
ผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์ส่วนแรก ก็คือ สามารถค้นหาข้อมูลอัตราภาษีทั้งภาษีภายใต้สิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กฎแหล่งกำเนิดสินค้า (ROOs) มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTMs) และแบบฟอร์มหรือขั้นตอนที่ต้องใช้ในการส่งออก
โดยวิธีการสืบค้นข้อมูลนั้นสะดวก รวดเร็ว เพียงผู้ประกอบการใส่ชื่อสินค้าหรือพิกัดศุลกากรที่ต้องการจะส่งออก ระบบจะแสดงข้อมูลดังกล่าวข้างต้นของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทั้งในเชิงรายประเทศและหลายประเทศพร้อมกัน
“จะเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยในการบุกตลาดต่างประเทศ โดยสามารถคีย์รายชื่อสินค้าที่ตนเองผลิต และจะรู้ได้ทันทีว่าสินค้ารายการนั้นๆได้สิทธิพิเศษทางภาษีนำเข้า อะไรบ้าง มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการส่งออก โดยเฉพาะมาตรการที่มิใช่ภาษีอะไรบ้าง และสุดท้ายหากต้องการจะส่งออกต้องปฏิบัติอย่างไร”นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าว
อีกส่วนหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ส่งออกไทย ก็คือ ส่วนของระบบเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้า ที่จะแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับกฎระเบียบ มาตรการที่ประเทศต่างๆ กำลังจะนำออกมาบังคับใช้ รวมถึงร่างกฎระเบียบที่ประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) จะประกาศใช้หรือแก้ไขปรับปรุงใหม่ และอยู่ระหว่างการเวียนให้ประเทศสมาชิกให้ข้อคิดเห็น (Notification) โดยการเตือนภัยจะแจ้งทั้งรายสินค้า และรายประเทศ
นอกจากนี้ ระบบการเตือนภัยที่จัดทำขึ้น ยังเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถแจ้งและร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคทางการค้า ผ่านกระดานสนทนาใน website นี้ เพื่อหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที
และที่เด็ดที่สุด น่าจะเป็นส่วนของการแจ้งข้อมูลการเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้าให้แก่สมาชิกที่ได้ลงทะเบียนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยสมาชิกสามารถตรวจสอบข้อมูลมาตรการทางการค้าที่ประเทศคู่ค้าประกาศใช้ใหม่หรือกำลังจะประกาศใช้ได้ ทาง e-mail
ทั้งนี้ คาดว่า เมื่อเปิดใช้งาน website ดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว จะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ส่งออกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสามารถปรับตัวด้านเทคโนโลยีในด้านการผลิตและคัดเลือกวัตถุดิบที่จะใช้และออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและความต้องการของตลาดต่างๆ และสามารถส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ระบบการเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้ามีความสมบูรณ์และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมการค้าต่างประเทศจะมีการจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการไทย เช่น การจัดสัมมนาเกี่ยวกับกฎระเบียบและวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรการอุปสรรคทางการค้าทั้งอุปสรรคทางเทคนิคและปัญหามาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ของประเทศต่างๆ การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทางการค้าภายใต้ข้อตกลงต่างๆ เป็นต้น หากใครสนใจก็สามารถติดตามรายละเอียดและสามารถเข้าร่วมงานได้
หากมีข้อสงสัย และอยากจะรู้อะไรเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 ถือเป็นหมัดเด็ดอีกหมัดหนึ่ง ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้
หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ได้พยายามที่จะหาทางสนับสนุนให้ผู้ส่งออกของไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และพยายามที่จะผลักดันมาตรการออกมาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้การส่งออกสินค้าไทยยังคงมีอัตราการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ในโอกาสที่กรมการค้าต่างประเทศ มีอายุครบรอบ 67 ปี จึงได้ใช้โอกาสนี้เปิดตัว www.thaiexporthelp.com ซึ่งเป็นระบบค้นหาข้อมูลส่งออกและการเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้า ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ของการให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตก็ว่าได้
ภายใต้ระบบดังกล่าวผู้ประกอบการสามารถค้นหาข้อมูลการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการทำการค้าระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยจะเปิดใช้งานในเดือนพ.ค.2552 นี้
ผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์ส่วนแรก ก็คือ สามารถค้นหาข้อมูลอัตราภาษีทั้งภาษีภายใต้สิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กฎแหล่งกำเนิดสินค้า (ROOs) มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTMs) และแบบฟอร์มหรือขั้นตอนที่ต้องใช้ในการส่งออก
โดยวิธีการสืบค้นข้อมูลนั้นสะดวก รวดเร็ว เพียงผู้ประกอบการใส่ชื่อสินค้าหรือพิกัดศุลกากรที่ต้องการจะส่งออก ระบบจะแสดงข้อมูลดังกล่าวข้างต้นของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทั้งในเชิงรายประเทศและหลายประเทศพร้อมกัน
“จะเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยในการบุกตลาดต่างประเทศ โดยสามารถคีย์รายชื่อสินค้าที่ตนเองผลิต และจะรู้ได้ทันทีว่าสินค้ารายการนั้นๆได้สิทธิพิเศษทางภาษีนำเข้า อะไรบ้าง มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการส่งออก โดยเฉพาะมาตรการที่มิใช่ภาษีอะไรบ้าง และสุดท้ายหากต้องการจะส่งออกต้องปฏิบัติอย่างไร”นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าว
อีกส่วนหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ส่งออกไทย ก็คือ ส่วนของระบบเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้า ที่จะแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับกฎระเบียบ มาตรการที่ประเทศต่างๆ กำลังจะนำออกมาบังคับใช้ รวมถึงร่างกฎระเบียบที่ประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) จะประกาศใช้หรือแก้ไขปรับปรุงใหม่ และอยู่ระหว่างการเวียนให้ประเทศสมาชิกให้ข้อคิดเห็น (Notification) โดยการเตือนภัยจะแจ้งทั้งรายสินค้า และรายประเทศ
นอกจากนี้ ระบบการเตือนภัยที่จัดทำขึ้น ยังเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถแจ้งและร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคทางการค้า ผ่านกระดานสนทนาใน website นี้ เพื่อหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที
และที่เด็ดที่สุด น่าจะเป็นส่วนของการแจ้งข้อมูลการเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้าให้แก่สมาชิกที่ได้ลงทะเบียนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยสมาชิกสามารถตรวจสอบข้อมูลมาตรการทางการค้าที่ประเทศคู่ค้าประกาศใช้ใหม่หรือกำลังจะประกาศใช้ได้ ทาง e-mail
ทั้งนี้ คาดว่า เมื่อเปิดใช้งาน website ดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว จะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ส่งออกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสามารถปรับตัวด้านเทคโนโลยีในด้านการผลิตและคัดเลือกวัตถุดิบที่จะใช้และออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและความต้องการของตลาดต่างๆ และสามารถส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ระบบการเตือนภัยล่วงหน้าทางการค้ามีความสมบูรณ์และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมการค้าต่างประเทศจะมีการจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการไทย เช่น การจัดสัมมนาเกี่ยวกับกฎระเบียบและวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรการอุปสรรคทางการค้าทั้งอุปสรรคทางเทคนิคและปัญหามาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ของประเทศต่างๆ การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทางการค้าภายใต้ข้อตกลงต่างๆ เป็นต้น หากใครสนใจก็สามารถติดตามรายละเอียดและสามารถเข้าร่วมงานได้
หากมีข้อสงสัย และอยากจะรู้อะไรเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 ถือเป็นหมัดเด็ดอีกหมัดหนึ่ง ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้