ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยอาเซียน-จีน เตรียมลงนามความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้เอฟทีเออาเซียน-จีน ในการประชุมอาเซียน ซัมมิต ที่พัทยา ยันช่วยขยายการค้า-การลงทุนระหว่างกัน ขณะที่รัฐบาลไทย เล็งลงนามขยายความร่วมมือกับจีนใน 10 สาขาเดือนมิ.ย.นี้
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิต) ระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.นี้ ที่พัทยา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและจีน จะลงนามความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน โดยจะครอบคลุมด้านการคุ้มครองการลงทุน และการอำนวยความสะดวกการลงทุน ซึ่งจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงจะสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับจีนอย่างต่อเนื่องด้วย
“ความตกลงดังกล่าวจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนของต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนในอาเซียนและไทย สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในประเทศอื่น รวมถึงช่วยดึงดูด และส่งเสริมการลงทุนระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งจะนำไปสู่การไหลเข้าของเงินลงทุนใหม่ และการนำผลกำไรกลับมาลงทุนใหม่แบบยั่งยืน” นางสาวชุติมากล่าว
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาเอฟทีเออาเซียน-จีนในด้านอื่นๆ นั้น ในด้านการเจรจาข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่สอง อาเซียนจะแลกเปลี่ยนรายการสินค้าที่จะเปิดเสรีภายในวันที่ 27 เม.ย. หลังจากที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอของจีน ที่จะเสนออาเซียนในวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดย 2 ฝ่ายจะเร่งรัดให้การเจรจาแล้วเสร็จในเดือนส.ค.
นางสาวชุติมากล่าวอีกว่า เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ไทยและจีน ได้จัดทำร่างความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงกว้างและเชิงลึก โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้มีการส่งเสริมการขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบการค้า การจัดงานแสดงสินค้า และกำหนดสาขาความร่วมมือที่ 2 ฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน 10 สาขา เช่น เกษตรและอาหาร พลังงาน โลจิสติกส์ ท่องเที่ยวและร้านอาหาร เป็นต้น
“ภายใต้ความตกลงฯ จะจัดตั้งกลไกการดำเนินงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อจัดทำแผนพัฒนาระยะ 5 ปี เพื่อให้ความร่วมมือในสาขาต่างๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ จะเป็นช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้ไทยหยิบยกปัญหาการค้าขึ้นหารือกับจีน พร้อมทั้งติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ ร่างความตกลงฯ อยู่ระหว่างการรอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในเดือนเม.ย. คาดว่า รมว.พาณิชย์ไทย และจีน จะลงนามได้ระหว่างการเดินทางเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีไทย ราวเดือนมิ..ย.นี้” นางสาวชุติมากล่าว
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิต) ระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.นี้ ที่พัทยา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและจีน จะลงนามความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน โดยจะครอบคลุมด้านการคุ้มครองการลงทุน และการอำนวยความสะดวกการลงทุน ซึ่งจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงจะสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับจีนอย่างต่อเนื่องด้วย
“ความตกลงดังกล่าวจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนของต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนในอาเซียนและไทย สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในประเทศอื่น รวมถึงช่วยดึงดูด และส่งเสริมการลงทุนระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งจะนำไปสู่การไหลเข้าของเงินลงทุนใหม่ และการนำผลกำไรกลับมาลงทุนใหม่แบบยั่งยืน” นางสาวชุติมากล่าว
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาเอฟทีเออาเซียน-จีนในด้านอื่นๆ นั้น ในด้านการเจรจาข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่สอง อาเซียนจะแลกเปลี่ยนรายการสินค้าที่จะเปิดเสรีภายในวันที่ 27 เม.ย. หลังจากที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอของจีน ที่จะเสนออาเซียนในวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดย 2 ฝ่ายจะเร่งรัดให้การเจรจาแล้วเสร็จในเดือนส.ค.
นางสาวชุติมากล่าวอีกว่า เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ไทยและจีน ได้จัดทำร่างความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงกว้างและเชิงลึก โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้มีการส่งเสริมการขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบการค้า การจัดงานแสดงสินค้า และกำหนดสาขาความร่วมมือที่ 2 ฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน 10 สาขา เช่น เกษตรและอาหาร พลังงาน โลจิสติกส์ ท่องเที่ยวและร้านอาหาร เป็นต้น
“ภายใต้ความตกลงฯ จะจัดตั้งกลไกการดำเนินงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อจัดทำแผนพัฒนาระยะ 5 ปี เพื่อให้ความร่วมมือในสาขาต่างๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ จะเป็นช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้ไทยหยิบยกปัญหาการค้าขึ้นหารือกับจีน พร้อมทั้งติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ ร่างความตกลงฯ อยู่ระหว่างการรอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในเดือนเม.ย. คาดว่า รมว.พาณิชย์ไทย และจีน จะลงนามได้ระหว่างการเดินทางเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีไทย ราวเดือนมิ..ย.นี้” นางสาวชุติมากล่าว