xs
xsm
sm
md
lg

ลดภาษีข้าว 0% ให้อาเซียนปีหน้า ชาวนาไทยตาย-รัฐไร้แผนรับมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ชาวนาไทยตายหยังเขียดแน่ หลังเอกชนปูดไทยตกลงลดภาษีนำเข้าข้าวทุกชนิดเหลือ 0% ให้กับประเทศอาเซียนมีผลบังคับใช้ปีหน้า โดยไม่มีสิทธิ์ผ่อนผันได้อีก เตือนระวังข้าวเพื่อนบ้านทะลักสวมสิทธิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเต้น ขอหารือ"พาณิชย์"สัปดาห์หน้า วางกรอบการนำเข้า เหตุไม่มีแผนดูแลที่ชัดเจน

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้านี้ สมาคมฯ จะเข้าประชุมหารือร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศถึงประเด็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดตลาดสินค้าข้าว ซึ่งมีกำหนดจะลดภาษีข้าวทุกชนิดในพิกัดศุลกากร 1006 เหลือ 0% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% โดยไม่มีโควตา เพื่อให้เป็นไปข้อผูกพันภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีผลในปี 2553 นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการนำเข้าข้าวจากประเทศอาเซียนที่มีราคาถูกกว่าเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมีการกำหนดราคารับจำนำข้าวในแต่ละปีสูงกว่าระดับราคาข้าวในท้องตลาด

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า เดิมหลายฝ่ายคิดว่าสินค้าข้าวควรจะอยู่ในบัญชีสินค้าอ่อนไหวสูง (Sensitive List : SL) ซึ่งมีอัตราภาษีสุดท้ายสูงกว่า 5% และมีมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard) ได้แต่กลับมีเพียง 3 ประเทศ ที่มีสินค้าอ่อนไหวสูงได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ไม่มีไทย ซึ่งหมายความว่าไทยต้องลดภาษีเหลือ 0 % ในปี 2553 โดยไม่สามารถขอผ่อนผันได้อีก

ทั้งนี้ ผลจากการเปิดเสรี จะทำให้ข้าวทุกชนิดทั้งข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว หรือแม้แต่แกลบ ก็อยู่ในความตกลงนี้ ซึ่งอาจจะมีสินค้าเหล่านี้ทะลักเข้ามาจากอาเซียนอื่นๆ โดยเฉพาะกัมพูชา พม่า และลาว ที่มีพรมแดนติดกับไทย รวมถึงเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวรายสำคัญ และยังเป็นคู่แข่งของไทย ทะลักเข้ามาภายในประเทศ เพราะส่วนต่างของราคาตลาดต่ำกว่าราคาจำนำมาก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย ขณะเดียวกันผู้ส่งออกก็เกรงผลกระทบในการควบคุมคุณภาพข้าวที่อาจจะเกิดขึ้น

"ไทยต้องมีมาตรการรองรับเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆโดยอาจต้องพิจารณาแนวทางในการดูแลการนำเข้า เช่น การควบคุมมาตรฐานสินค้าข้าว โดยใช้หลักการด้านสุขอนามัย หรือใช้วิธีเหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น คือให้รัฐบาลเป็นผู้นำเข้าได้เพียงคนเดียว มาสต็อกไว้ 2-3 ปี แล้วจึงกระจายไปยังผู้ใช้รายอื่น ส่วนการกำหนดให้ขอใบอนุญาตนำเข้าเป็นรายๆไปนั้น คงจะทำได้ยาก เพราะทางรัฐบาลไทยจะต้องออกเป็นกฎหมายที่ชัดเจนออกมาดูแล แต่ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ"แหล่งข่าวกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผวจ.พิจิตร เปิดเผยระหว่างตรวจสต็อกในโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้จังหวัดพิจิตรได้รับแจ้งเบาะแสมาว่า มีโรงสีที่เข้าร่วมโครงรับจำนำกับรัฐบาลปี 2551 บางแห่งทุจริตโดยนำข้าวสารจากประเทศพม่าซึ่งมีคุณภาพต่ำ ราคาซื้อขายกันกระสอบ 100 กิโล 1,300 บาท มาสวมเป็นข้าวในโครงการรับจำนำส่งเก็บไว้ในโกดัง อ.ต.ก. และ อคส. ส่วนข้าวคุณภาพที่เกษตรกรนำมาจำนำกับรัฐบาล โรงสีดังกล่าวได้นำไปขายเพื่อเอาเงินมาหมุนและเก็งกำไรส่วนต่างไปแล้ว โดยจะได้กำไรถึงเกวียนละ3,000-4,000 บาท

สำหรับสินค้าข้าวที่อยู่ในพิกัด 1006 นั้น ประกอบด้วย ข้าวใน 11 รายการ ดังต่อไปนี้ ข้าวเปลือก พิกัด 1006.10.00, ข้าวกล้อง พิกัด 1006.20, ข้าวหอมมะลิไทย พิกัด 1006.20.10, ข้าวอื่นๆ พิกัด 1006.20.90, ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด จะขัดหรือไม่ก็ตาม พิกัด 1006.30, ข้าวหอมมะลิไทย พิกัด 1006.30.15, ข้าวอื่นๆ พิกัด 1006.30.19, ข้าวนึ่ง พิกัด 1006.30.20, ข้าวเหนียว พิกัด 1006.30.30, ข้าวอื่น พิกัด 1006.30.90 และปลายข้าว พิกัด 1006.40.00

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การดูแลการนำเข้าสินค้าข้าวภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สามารถควบคุมได้ เพราะเป็นการนำเข้าคนละกรอบกับการนำเข้าปกติ ซึ่งการนำเข้าจะมีเงื่อนไขที่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ที่นำเข้าคือใคร ปริมาณที่นำเข้าจำนวนเท่าไร และนำไปใช้เพื่ออะไร ขณะเดียวกัน ยังสามารถกำหนดมาตรการภายในเพื่อป้องกันการนำข้าวจากที่อื่นมาสวมสิทธิ์ได้ ทั้งนี้ การเจรจาเปิดเสรีดังกล่าว มีการเจรจาและตกลงกันมาตั้งแต่ปี 2535

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่าการส่งออกข้าวไทยในเดือนม.ค.2552 มีปริมาณ 6.28 แสนตัน มูลค่า 331 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 11,352 ล้านบาท ปริมาณลดลง 37.9% มูลค่าเป็นเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 21.35% และเงินบาทลดลง 19.38% ซึ่งการส่งออกข้าวที่ลดลง เพราะเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เป็นช่วงผิดปกติ ราคาข้าวโลกเกิดความผันผวน หลายประเทศผลิตได้ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการวิตกเร่งนำเข้าข้าว และทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น แต่ขณะนี้เหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดว่าสถานการณ์การค้าข้าวโลกจะค่อนข้างชะลอตัวและจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปี โดยคาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 8.5-9.5 ล้านตัน มูลค่า 4,505-5,088 ล้านเหรียญสหรัฐ

วันเดียวกันนี้ ชาวนา จ.นครสวรรค์ ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมายังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อยื่นหนังสือต่อนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวหอมจังหวัด ในโกดังของบริษัทโรงสีไฟเทพนิมิต จำกัด ซึ่งได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 โดยเร็ว เพราะรัฐบาลไม่ได้สั่งสีแปรสภาพข้าวมา 2 เดือนแล้ว ทำให้เกษตรกร 166 รายไม่ได้รับใบประทวน และไม่สามารถไปขึ้นเงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 20 ล้านบาท

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) วันนี้ (18 ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ซึ่งขณะนี้มี 2 จังหวัด ที่ยังไม่ได้สั่งสีแปรสภาพ คือ พิจิตร และนครสวรรค์ โดยสาเหตุที่ยังไม่ได้สั่งสีแปรสภาพ เพราะเมื่อรัฐบาลชุดก่อนหมดวาระ ส่งผลให้คณะกรรมการต่างๆ รวมถึง กขช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ กขช.ต้องหมดวาระตามไปด้วย ต้องรอให้แต่งตั้งใหม่ จึงจะทำงานได้ และคาดว่าจะเริ่มสั่งสีแปรสภาพข้าวได้ภายใน 1-2 วันนี้ นอกจากนี้ ยังจะเสนอให้กขช.พิจารณาเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ในเร็วๆ นี้ และอนุมัติกรอบการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น