xs
xsm
sm
md
lg

คลังคาดจีดีพีQ1ติดลบ5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีลึกสุดจีดีพีติดลบ 5% หวังเป็นจุดต่ำสุดของปีหลังเห็นสัญญาณการส่งออกที่ดีขึ้นหลายกลุ่มสินค้าในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เตรียมทบทวนประมาณการจีดีพีใหม่ มิ.ย. แนะใช้วิกฤตไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกมาปรับเป็นโอกาสฟื้นฟูท่องเที่ยว เพราะไทยมีประสบการณ์หวัดนกมาก่อน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 52 มีอัตราการขยายตัวติดลบ 5% เป็นการหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 51 ที่ติดลบ 4.3% และคาดว่าจีดีพีไตรมาส 1 เป็นจุดต่ำสุดของปี 52 ส่วนไตรมาส 2 เศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นและจะดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสต่อไป
โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าบางตัวมีการขยายตัวเป็นบวก เช่น สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และเครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ในตลาดจีน ตะวันออกกลางและแอฟริกา ขณะที่ตลาดหลักทั้งสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ยอมรับว่ายังหดตัวต่อเนื่อง ส่วนเครื่องบ่งชี้ทางด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวต่อเนื่อง จากการชะลอใช้จ่ายและไม่กล้าลงทุนทำให้ยอดนำเข้าสินค้าทุนติดลบอย่างหนัก รวมทั้งยอดขายรถจักรยานยนต์ รถยนต์และการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มล้วนติดลบทั้งสิ้น
“การส่งออกที่หดตัวยังได้สินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรเป็นพระเอกช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงมากนัก โดยเฉพาะ 3 ตลาดหลักดังกล่าวที่เปรียบเสมือนขอนไม้ให้เราได้เกาะในช่วงนี้ และถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะเริ่มมีการจ้างงานกลับเข้ามามากขึ้น รวมทั้งการว่างงานที่ลดลงน้อยกว่าที่คาดส่วนหนึ่งเกิดจากการย้ายเข้าไปสู่ภาคการผลิตที่ยังไปได้ดี” นายเอกนิติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเดือน เม.ย.นี้ยังมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุมทางการเมือง และการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ซึ่ง สศค.ก็จะนำปัจจัยดังกล่าวไปพิจารณาในการทบทวนประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 52 ที่จะมีขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ จากที่ปัจจุบันที่คาดว่าจะติดลบราว 2-3%
นอกจากนี้พบว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่พบว่าไตรมาส 1 ปี 52 รัฐบาลมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ถึง 567,400 ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายงบประจำถึง 44.7% และเบิกจ่ายงบลงทุน 30.4% และมีการเบิกจ่ายงบกลางปีเพื่อใช้ในโครงการเพิ่มค่าครองชีพให้ผู้มีรายได้น้อยหรือเช็คช่วยชาติ แม้กระทั่งโครงการเรียนฟรี 15 ปี ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
"แม้จะมีสัญญาที่ดีขึ้นในไตรมาส 2 แต่เราก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่แปรปรวนได้ตลอด สัญญาณที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่เราจะพอใจแค่นี้ ตอนนี้เศรษฐกิจไทย ก็เหมือนมีขอนไม้ที่กำลังอยู่ท่ามกลางน้ำเชี่ยวจะดูว่าขอนไม้นี้จะช่วยเราได้มากน้อยแค่ไหน" โฆษก สศค. กล่าว
สำหรับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากเม็กซิโกนั้น นายเอกนิติ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อทั่วโลก เพราะทำให้ประชาชนตื่นกลัว ลดการเดินทางและท่องเที่ยว แต่ท่ามกลางวิกฤติเราสามารถแปลงเป็นโอกาสได้ โดยไทยซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ห้างไกลจากแหล่งระบาดของโลกค่อนข้างมากอยู่แล้ว ต้องควบคุมป้องกันดูแลไม่ให้มีโรคระบาดในไทย ซึ่งจะช่วยทำให้ไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น
อีกทั้ง ไทยและประเทศในเอเซียมีประสบการณ์ในการควบคุม ป้องกันการระบาดของโรคซาร์สและไข้หวัดนกมาก่อนหน้านี้แล้ว และมีการบริหารจัดการที่ดีกว่าประเทศในยุโรปและฝั่งอเมริกา ดังนั้น หากไทยสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากเอเซียที่มีกำลังซื้อสูงหันมาท่องเที่ยวในไทยจะช่วยเพิ่มรายได้มากขึ้น
"หากเราดูแลให้ดี ไม่ให้มีโรคระบาดในประเทศ ก็น่าจะดึงความน่าสนใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะให้คนเอเซีย หันมาเที่ยวในเอเซีย แทนที่จะไปยุโรปหรืออเมริกา ซึ่งจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส สร้างรายได้เข้าประเทศได้มากขึ้น" นายเอกนิติกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น