xs
xsm
sm
md
lg

หวัดเม็กซิโกลาม7ชาติ ตาย152อนามัยโลกเพิ่มระดับเตือนภัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/รอยเตอร์ – เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28) มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วใน 7 ประเทศ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเม็กซิโก พุ่งเป็น 152 รายแล้ว ทางองค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู ” ประกาศยกระดับการเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 พร้อมระบุอาจจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขโลกยอมรับว่า ไร้อำนาจที่จะสกัดกันการแพร่กระจายของเชื้อร้ายนี้

**พบผู้ติดเชื้อหวัดเม็กซิโกแล้วใน 7 ประเทศ**
จากรายงานที่ได้รับจนถึงเมื่อคืนวานนี้ มี 7 ประเทศแล้วที่มีการยืนยันว่า มีผู้ติดเชื้อไข้หวั ดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ H1N1 และมีส่วนประกอบเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคน, หมู, และสัตว์ปีกผสมกัน ได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ และอิสราเอล
ทางการอังกฤษเพิ่งจะออกมายืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าว ในประเทศแล้ว 2 ราย ซึ่งทำให้อังกฤษกลายเป็นชาติที่ 2 ในทวีปยุโรปต่อจากสเปน ที่พบผู้ติดเชื้อมรณะชนิดนี้
อังกฤษตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวน 2 รายซึ่งอาศัยอยู่ในแคว้นสกอตแลนด์ โดยทั้งคู่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากเม็กซิโกได้ไม่นาน นอกจากนั้น ยังมีผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อีก 7 ราย
ขณะเดียวกัน โทนี ไรออลล์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของนิวซีแลนด์ ออกมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สามารถยืนยันได้ว่า นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้วอย่างน้อย 3 ราย โดยอยู่ในกลุ่มนักเรียนที่เดินทางกลับจากแดนจังโก้
ส่วนในอิสราเอล ไอนาฟ ชิมรอน โฆษกหญิงของกระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันว่า ชายวัย 26 ปี ชาวอิสราเอลคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก กลายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างเป็นทางการเป็นรายแรกของประเทศแล้ว หลังผลการตรวจยืนยันว่า เขาได้มีเชื้ออยู่ในร่างกาย
นอกจากนั้น ยังมีอีกอย่างน้อย 10 ประเทศที่ตรวจพบผู้ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ คือ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง ชิลี โคลอมเบีย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เดนมาร์ก และสวีเดน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศอื่นยกเว้นแต่ในเม็กซิโก ซึ่งยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดของเม็กซิโกได้เพิ่มเป็น 152 รายแล้วเมื่อวานนี้ (28)
โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโก ออกมาแถลงยืนยันว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในประเทศ ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 152รายแล้ว และเชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ประชาชนอีกกว่า 1,995 คนซึ่งต้องสงสัยว่า ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล สามารถกลับบ้านได้แล้วกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ตาม กอร์โดบา ยอมรับว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าขั้นรุนแรงแล้ว โดยพบข้อมูลว่า การแพร่ระบาดได้ลุกลามกินพื้นที่ของ 10 รัฐ จากทั้งหมด 31 รัฐของประเทศแล้วในขณะนี้ และจำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ทางการจำเป็นต้องสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศแบบไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

** องค์การอนามัยโลกยกระดับเตือนภัย**
ทางด้านองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ที่กำลังแพร่ระบาดจากระดับที่ 3 เป็นระดับที่ 4 แล้ว
เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เม็กซิโกเป็นระดับที่ 4 จากทั้งหมด 6 ระดับ เนื่องจากทางองค์การอนามัยโลกเชื่อว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ สามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดายจากคนสู่คนแล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการประกาศเตือนภัยโรคระบาดถึงระดับที่ 4
อย่างไรก็ตาม เกรกอรี ฮาร์เทิล ซึ่งเป็นโฆษกขององค์การอนามัยโลก ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (27) โดยยอมรับว่า องค์การอนามัยโลกอาจพิจารณาสั่งเพิ่มระดับการเตือนภัยเป็นระดับที่ 5 ได้อีก หากพบว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกสามารถทำให้เกิดการติดต่ออย่างรวดเร็วและในปริมาณมากระหว่างคนสู่คน

** สายเกินไปแล้วที่จะจำกัดเขตการระบาด**
เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกยืนยันว่า นานาชาติไม่สามารถจะยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้อีกต่อไปแล้ว
ฟุกุดะ ยอมรับว่า สิ่งเดียวที่นานาชาติจะทำได้ในขณะนี้คือ การหามาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดไม่ให้รุนแรงจนเกินควบคุมเท่านั้น
เขาเตือนด้วยว่า ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะต้องเตรียมรับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดที่อาจจะเลวร้ายมากยิ่งขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่อาจต้องประกาศเพิ่มการเตือนภัยถึงระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หากเชื้อไวรัสชนิดนี้กลายเป็น โรคระบาดที่มีการแพร่ไปในวงกว้าง (pandemic) อย่างเต็มรูปแบบ และมีการแพร่กระจายจากภูมิภาคหนึ่ง ไปยังอีกหลายภูมิภาคของโลกในอัตราที่รวดเร็วและรุนแรง
ขณะเดียวกันเกรกอรี ฮาร์เทิล โฆษกขององค์การอนามัยโลก มองว่า ยังพอมีทางป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกกลายเป็นโรคระบาดในวงกว้างเต็มรูปแบบได้ โดยประเทศต่างๆ ต้องช่วยกันหามาตรการป้องกันไม่ให้คนในประเทศของตนติดเชื้อ ส่วนถ้าประเทศใดมีผู้ติดเชื้อแล้ว ก็ต้องพยายามควบคุมผู้ติดเชื้อให้อยู่พื้นที่จำกัด และต้องให้การรักษาอย่างถูกต้องโดยเร็ว เนื่องจากการเคลื่อนย้ายของประชากรจากเมืองหนึ่งไปยังเมืองหนึ่ง และจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งในแต่ละวัน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้การแพร่ระบาดลุกลามมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฮาร์เทิล ระบุว่า การควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชากรตามที่เขาแนะนำนั้น ไม่ได้หมายความถึงการที่ประเทศต่างๆ จะสั่งปิดพรมแดนหรือสั่งจำกัดการเดินทางของประชาชนแต่อย่างใด
**เกาหลีใต้อาจกลายเป็นประเทศที่ 8**
ทางการเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหญิงชาวเกาหลีใต้วัย 51 ปีคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในจังหวัด เกียงกี ใกล้กับกรุงโซลอย่างละเอียด หลังจากที่เธอแสดงอาการหลายอย่างคล้ายกับผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เกาหลีใต้จะกลายเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออก และเป็นชาติที่ 8 ของโลกที่พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้
โดยหญิงคนดังกล่าวเดินทางจากเมืองลอส แองเจลิส ของสหรัฐฯไปยังเม็กซิโกเมื่อวันที่ 17 เมษายน ก่อนที่จะเดินทางกลับเกาหลีใต้ เมื่อวันอาทิตย์ (26) ที่ผ่านมาและมีอาการป่วยอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ทางการเกาหลีใต้ระบุว่า ได้ดำเนินการติดตามตัวผู้โดยสารและลูกเรืออีก 315 คนที่เดินทางมายังเกาหลีใต้ด้วยเที่ยวบินเดียวกับผู้หญิงรายนี้ มาเพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว แต่ยังไม่ทราบผลที่แน่นอนว่า จะมีใครในจำนวนนี้ติดเชื้อด้วยหรือไม่
มีข้อมูลระบุว่ามีชาวเกาหลีใต้ประมาณ7,000 – 10,000 คน เดินทางมาจากสหรัฐฯ นับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนเป็นต้นมา และมีชาวเกาหลีใต้อีกจำนวนหนึ่ง ที่เดินทางมาจากเม็กซิโกด้วยเช่นกัน
ลี จองคู ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคเกาหลีใต้ ระบุว่า จะสั่งเพิ่มปริมาณยา ทามิฟลู และ ยาต้านเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่นๆ สำรองไว้อีกเป็น 2 เท่า เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้รองรับผู้ป่วยในประเทศได้ถึง 5 ล้านคน หากเกิดการระบาดขั้นรุนแรง

** สภาพอากาศอาจช่วยจำกัดการแพร่ระบาด**
อเล็กซานเดอร์ เบดริทสกี ผู้อำนวยการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ ดับบลิวเอ็มโอ ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ออกมาเปิดเผยว่า สภาพอากาศที่แห้งขึ้น และอุ่นขึ้น อาจช่วยจำกัดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้ เนื่องจากซีกโลกเหนือกำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว
เบดริทสกี กล่าวว่า สภาพอากาศ มีผลอย่างมากผลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก แต่ย้ำว่าสภาพอากาศก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น พร้อมย้ำว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้ซึ่งแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในสถานที่ที่มีความชื้นสูง น่าจะสร้างผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ในได้น้อยลง หากประเทศเหล่านั้นมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้
ผู้อำนวยการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ยังได้เรียกร้องให้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในประเทศต่างๆ ที่พบการระบาด ให้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานอุตุนิยมวิทยา เพื่อจะได้มีการประเมินบทบาทของสภาพอากาศในประเทศนั้น ต่อการระบาดได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้ง่ายขึ้น

** มะกันเตรียมใช้ยาต้าน “หวัดนก” รับมือ “หวัดหมู”
มาร์กาเร็ต แอนน์ แฮมเบิร์ก ผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ มีคำสั่งเมื่อวานนี้ (28) อนุมัติให้ใช้ยาต้านไข้หวัดนกเป็นการฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้ว
แฮมเบิร์กแถลงว่า หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (26) ที่ผ่านมาว่าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวถือเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของชาติ ทางเอฟดีเอจึงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯทั่วประเทศสามารถสั่งจ่ายยาต้านไข้หวัดนก 2 ขนานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน ประกอบด้วย ยา “เรเลนซา” จากบริษัทแกล็กโซสมิธไคลน์ของอังกฤษ ซึ่งเป็นยาแบบสูดดมและมีชื่อสามัญทางยาว่า “ซานามิเวียร์” และยา “ทามิฟลู” จากบริษัทโรชของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นยาเม็ดสำหรับรับประทานและมีชื่อสามัญว่า “โอเซลทามิเวียร์”
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการเอฟดีเอ ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ ยังสามารถสั่งจ่ายยาทามิฟลูให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบได้ด้วยเช่นกันจากเดิมที่อนุญาตให้จ่ายยากับเฉพาะเด็กอายุมากกว่า 1 ขวบเท่านั้น
การออกมาประกาศของเอฟดีเอมีขึ้น หลังจากที่ มีรายงานยืนยันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกในสหรัฐฯ ได้เพิ่มจำนวนเป็น 44 รายแล้ว ใน 5 มลรัฐ คือ เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย แคนซัส โอไฮโอ และนิวยอร์ก โดยผู้ที่ติดเชื้อมีตั้งแต่เด็กอายุเพียง 7 ขวบ เรื่อยไปจนถึง 54 ปี
ทางด้าน อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ผู้ว่าการมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกในมลรัฐรวม 11 ราย โดยส่วนใหญ่พบในเมืองซาน ดิเอโก ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียที่อยู่ติดกับพรมแดนของเม็กซิโก
นอกจากนั้น ชวาร์เซเนกเกอร์ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ตามจุดผ่านแดนต่างๆเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้มีอาการต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อชนิดนี้ให้มากขึ้น ก่อนปล่อยให้เดินทางเข้ามาในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
ขณะที่ในมลรัฐเท็กซัส มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อแล้ว 6 ราย ในเมืองดัลลัส และ กวาดาลูเป เคาน์ตี
ส่วนไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ออกมายอมรับว่า พบเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในย่านควีนส์ จำนวน 45 ราย มีอาการต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้ว

** ละตินอเมริกาเตรียมมาตรการป้องกันไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก
หลายประเทศในแถบละตินอเมริกา และทะเลแคริบเบียน เตรียมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกอย่างเต็มที่
รายงานข่าวระบุว่า สนามบิน โกโมโดโร อาร์ตูโร เมริโน เบนิเตซ ที่กรุงซานติอาโก เมืองหลวงของชิลี มีใช้เครื่องสแกนเนอร์วัดอุณหภูมิร่างกาย ของผู้ที่เดินทางเข้ามาทางเครื่องบินทุกคน และให้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลสุขภาพ
ส่วนที่สนามบินนานาชาติ เอล นวยโบ โดราโด ในกรุงโบโกตา ของโคลอมเบีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ของทวีปอเมริกาใต้นั้น ทางการโคลอมเบียสั่งเพิ่มการติดตั้งเครื่องตรวจจับความร้อนเพื่อจับตาดูผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากเม็กซิโก
เช่นเดียวกับที่สนามบินโฮเซ มาร์ติ ในกรุงฮาบานา ของคิวบามีการสั่งจำกัดจำนวนเที่ยวบินสูงสุดที่บินไปมาระหว่างคิวบากับเม็กซิโก ขณะที่ทางการคิวบายังไม่ได้เปิดเผยว่า มีผู้ติดไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกในประเทศของตนหรือไม่ โดยบอกเพียงว่ากำลังเฝ้าระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในคิวบา
กำลังโหลดความคิดเห็น