เอเอฟพี/เอเจนซี – เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (29) มีการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อมรณะแล้วใน 10 ประเทศ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเม็กซิโก พุ่งเป็น 159 รายแล้ว และยังพบผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯอีก 1 รายทางด้านองค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู” ออกโรงเตือน อาจได้เห็นการเตือนภัยระดับ 6
** คอสตาริกาและเยอรมนีกลายเป็นประเทศล่าสุดของโลกที่พบผู้ติดเชื้อ
มาเรีย ลุยซา อาบิลา รัฐมนตรีสาธารณสุขคอสตาริกา แถลงข่าวที่กรุงซาน โฮเซ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเมื่อวันอังคาร (28) โดยยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกเป็นรายแรกของประเทศแล้ว
อาบิลา ระบุว่า ผู้ติดเชื้อเป็นหญิงวัย 21 ปี ชาวคอสตาริกา ซึ่งเพิ่งเดินทางจากเม็กซิโก กลับมายังกรุงซาน โฮเซ โดยผลการตรวจครั้งแรกยืนยันว่า หญิงผู้นี้มีเชื้อ “เอช1 เอ็น1” ในร่างกายจริง และทำให้คอสตาริกากลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอเมริกากลาง และเป็นชาติที่ 8 ของโลกที่พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้
ขณะที่ อนา โมริเซ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้กำลังได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ของโรงพยาบาลกัลเดรอน กวาร์เดีย ในกรุงซาน โฮเซ
โดยทางการคอสตาริกา ระบุว่า เตรียมเรียกตัวผู้โดยสารคนอื่นๆ อีก 92 คน ที่เดินทางด้วยเที่ยวบินเดียวกับหญิงสาวรายนี้มาซักถามและตรวจร่างกายโดยละเอียดในเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าเที่ยวบินดังกล่าวเป็นของสายการบินใด
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากประเทศเยอรมนี ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกรายแรกในเยอรมันแล้ววันนี้ (29) ที่เมือง เรเกนสบวร์ก ทางตอนใต้ของแคว้นบาวาเรีย
ก่อนหน้านี้ ทางการเยอรมนีเคยออกมาระบุเมื่อวันอังคาร (28) ว่า พบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อดังกล่าวรวม 3 คนทางภาคใต้ของเยอรมนี ซึ่งรวมทั้งสามี-ภรรยาคู่หนึ่งที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปท่องเที่ยวในเม็กซิโกด้วย แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ผู้ติดเชื้อรายแรกที่ได้รับการยืนยันในวันนี้จะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 รายดังกล่าวนี้หรือไม่
โดยขณะนี้ มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน10 ประเทศ คือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล คอสตาริกา เยอรมนี และออสเตรีย
ส่วนประเทศที่พบผู้ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อชนิดดังกล่าวมีอย่างน้อย 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง ชิลี โคลอมเบีย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน และล่าสุดคือ กัวเตมาลา ซึ่งเพิ่งตรวจพบผู้ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อจำนวน 3 ราย
** ทางการเม็กซิโกเผย มียอดตายเพิ่มอีก 7 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมง
โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโก ออกมาแถลงว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในประเทศ ได้เพิ่มขึ้นอีก 7 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดได้เพิ่มเป็น 159 รายแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ป่วยในประเทศได้เพิ่มจำนวนเป็น 2,498 ราย และในจำนวนนี้ ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,311 ราย
กอร์โดบา ระบุว่า เม็กซิโกได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งได้จัดส่งอุปกรณ์สำหรับทดสอบเชื้อมาให้ ทำให้ทางการเม็กซิโกจะสามารถตรวจสอบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ถึงวันละ 150 ตัวอย่าง และจะช่วยให้การยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวรวดเร็วขึ้น จากที่ในปัจจุบันจะต้องส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องทดลองในสหรัฐฯ และแคนาดา เท่านั้น และขณะนี้สามารถยืนยันผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าวได้เพียง 26 รายจากที่มีผู้เสียชีวิต 159 รายในเม็กซิโก
ส่วนบรรยากาศในกรุงเม็กซิโก ซิตี ยังคงเงียบเหงา หลังจากมีคำสั่งจากทางการให้ปิดบาร์ ร้านอาหาร สถานออกกำลังกาย โรงภาพยนตร์ และโรงละครต่างๆ ต่อไปโดยไม่มีกำหนด
ทางด้าน มาร์เซโล ลุยส์ เอบราร์ด กาเซาบอน หัวหน้าคณะผู้ปกครองของกรุงเม็กซิโก ซิตี ออกมาประกาศมาตรการเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกโดยการห้ามร้านอาหารและร้านกาแฟให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการในร้าน แต่จะให้บริการเฉพาะลูกค้าที่ซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น
ขณะที่ อาร์ตูโร เมนดิกูติ ประธานสภาหอการค้ากรุงเม็กซิโก ซิตี ด้ออกมาประเมินว่า มาตรการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของทางการที่มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น จะส่งผลทำให้ธุรกิจต่างๆ ในเมืองหลวงของเม็กซิโกแห่งนี้ ต้องสูญเสียรายได้คิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 777 ล้าน เปโซ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อวัน โดยยังไม่ได้นับรวมความเสียหายทางธุรกิจจากการที่ทางการมีคำสั่งเพิ่มเติมให้จำหน่ายอาหารให้กับเฉพาะลูกค้าที่ซื้อกลับบ้านได้เท่านั้น ซึ่งน่าจะทำให้ตัวเลขความสูญเสียทางเศรษฐกิจของธุรกิจในกรุงเม็กซิโก ซิตี เพิ่มสูงขึ้นไปอีก
** สองประเทศสั่งระงับเที่ยวบินจากเม็กซิโก
กริสตินา เฟร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ประธานาธิบดีหญิงของอาร์เจนตินา ออกมาเปิดเผยว่า อาร์เจนตินามีความจำเป็นต้องระงับเที่ยวบินตรงทุกเที่ยวจากเม็กซิโก ทำให้อาร์เจนตินากลายเป็นประเทศที่ 2 ที่ประกาศใช้มาตรการนี้ หลังจากที่คิวบาสั่งห้ามเที่ยวบินเดินทางไปและกลับจากเม็กซิโก เป็นเวลา 48 ชั่วโมงจนถึงวันศุกร์นี้
ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับเที่ยวบินที่เดินทางโดยตรงมาจากเม็กซิโก และมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (29) ไปจนถึงวันจันทร์หน้า โดยถือเป็นมาตรการส่วนหนึ่งในการป้องกันล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศ แม้ว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อในอาร์เจนตินาก็ตาม ส่วนเที่ยวบินที่เดินทางมาจากเม็กซิโก แต่แวะที่ประเทศอื่นก่อนเข้าอาร์เจนตินา จะยังคงให้บริการตามตารางบินปกติต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินายังสั่งติดตั้งเครื่องตรวจจับความร้อน ที่สนามบินนานาชาติ มินิสโตร ปิสตารินี ในกรุงบวยโนส ไอเรส ซึ่งเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจผู้เดินทางเข้า-ออกทางท่าเรือ และจุดผ่านแดนต่างๆ ทั่วประเทศด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น ทียูไอ เอจี บริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของเยอรมันประกาศยกเลิกทริปไปเม็กซิโกจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ ส่วน บริษัท ธอมสัน ฮอลิเดย์ ของอังกฤษตัดสินใจพาลูกทัวร์ที่มาเที่ยวเม็กซิโก เดินทางกลับอังกฤษเป็นกรณีฉุกเฉินเช่นกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นรายได้หลักลำดับที่ 3 ของเม็กซิโกอย่างมาก
** มะกันวิกฤตหนัก เชื้อนรกลาม 7 รัฐ ตายแล้ว 1/แคลิฟอร์เนียประกาศภาวะฉุกเฉิน
รายงานข่าวล่าสุด ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเป็น 66 รายแล้วในขณะนี้ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้มากเป็นอันดับ 2 รองจากเม็กซิโก
ขณะเดียวกัน แคธลีน เซเบเลียส รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ ออกมายืนยันที่กรุงวอชิงตัน ดีซี วันนี้ (29) ว่า มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ จากการติดเชื้อดังกล่าว แล้ว 1 ราย เป็นเด็กอายุเพียง 23 เดือนที่อาศัยอยู่ในมลรัฐเทกซัส โดยเด็กน้อยรายนี้ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รายแรกนอกเม็กซิโก
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใน 5 มลรัฐ คือ เทกซัส แคลิฟอร์เนีย แคนซัส โอไฮโอ และนิวยอร์ก แต่ล่าสุดมีการพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าวที่มลรัฐอินดีแอนาอย่างน้อย 1 ราย ขณะที่ในมลรัฐนิว เจอร์ซีย์ ก็พบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีก 5 ราย โดยทั้งหมดเพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก
การพบผู้ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไข้หวัดเม็กซิโกเพิ่มในมลรัฐอินดีแอนา และนิว เจอร์ซีย์ รวมทั้งการที่มีเด็กเสียชีวิต 1 รายในมลรัฐเทกซัส ทำให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ จำเป็นต้องร้องขอต่อสภาคองเกรส เพื่อให้อนุมัติงบเพิ่มเติมอีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 53,000 ล้านบาท เพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้
ส่วนในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นมลรัฐที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของสหรัฐฯ นั้น ปรากฏว่า อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียวัย 61 ปี ตัดสินใจออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุมอาณาเขตทั้ง 423,970 ตารางกิโลเมตรของแคลิฟอร์เนีย หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์เม็กซิโกแล้ว 11 ราย และมีแนวโน้มว่าจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ชวาร์เซเนกเกอร์ ระบุว่า มีความจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองประชากรแคลิฟอร์เนียซึ่งมีถึง 36.75 ล้านคน ให้รอดพ้นจากการระบาดของเชื้อมรณะชนิดนี้ โดยย้ำว่า ชาวแคลิฟอร์เนียไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องตื่นตระหนก เพราะทางการสามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้
อย่างไรก็ตาม การออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินของชวาร์เซเนกเกอร์ ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจาก ไดแอน ไฟน์สไตน์ และบาร์บารา บ็อกเซอร์ ซึ่งเป็น 2 วุฒิสมาชิกมลรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครต โดยไฟน์สไตน์ กล่าวว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินของชวาร์เซเนกเกอร์มีขึ้นช้าเกินไปและไม่ทันต่อสถานการณ์ เนื่องจาก การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกโดยเฉพาะในเมืองซาน ดิเอโก ที่มีประชากร 5 ล้านคน และเมืองอื่นๆ ในแถบแคลิฟอร์เนียตอนใต้ซึ่งอยู่ติดกับเม็กซิโก ก็อยู่ในขั้นที่เกินกว่าที่ชวาร์เซเนกเกอร์จะรับมือได้แล้ว
ส่วน บ็อกเซอร์ มองว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ของผู้ว่าการรัฐในครั้งนี้ จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อแคลิฟอร์เนีย ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหลายประเภททั้งภาพยนตร์ การผลิตชิ้นส่วนยานอวกาศ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี และการผลิตไวน์ เนื่องจากชวาร์เซเนกเกอร์ประกาศภาวะฉุกเฉินทั้งมลรัฐ แทนที่จะประกาศเฉพาะพื้นที่พบการระบาดเท่านั้น
** แคนาดา นิวซีแลนด์ อิสราเอล พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม
กระทรวงสาธารณสุขของแคนาดา ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก เพิ่มอีก 7 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในแคนาดารวม 13 คนแล้ว ซึ่งทุกคนเพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโกทั้งสิ้น
ขณะที่ทางการนิวซีแลนด์ ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 3 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ได้รับการยืนยันแล้ว มีจำนวนเพิ่มเป็น 14 ราย นอกจากนั้น ยังมีผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 3 1 ราย
ส่วนในอิสราเอล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเมียร์ ในเมืองคะฟาร์ ซาบา ทางภาคกลางของประเทศ ออกมาแถลงเมื่อคืนวันอังคาร (28) ว่า คนไข้ชายวัย 47 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับจากเม็กซิโกเมื่อ 2 วันก่อน และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังล้มป่วยด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ กลายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกเป็นรายที่ 2 ของประเทศแน่นอนแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง อิสราเอลเพิ่งรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกรายแรกของประเทศ ทำให้ทางการต้องประกาศเตือนชาวอิสราเอลให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเม็กซิโกหากไม่มีความจำเป็น
** เกาหลีใต้พบผู้ต้องสงสัยติดหวัดเม็กซิโกรวม 12 คน
กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ยืนยันว่า พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกรวมทั้งสิ้น 12 รายแล้ว หลังพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 9 คนวันนี้ (29)
ด้านศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 9 คน เพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก และสหรัฐฯ โดยทั้งหมดล้วนมีอาการไอ และเป็นไข้ จึงถูกตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า อาจติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
**สหรัฐฯเตรียมยกเลิกการเรียกไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่าไข้หวัดหมู
รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า สหรัฐฯอาจไม่ใช้คำว่าไข้หวัดหมู หรือ “Swine Flu” อีกต่อไป เนื่องจากส่งผลให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนโดยคิดว่าเป็นไข้หวัดที่ติดจากเนื้อหมูโดยตรง โดยมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะเรียกไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ว่า “North American flu” หรือ “ไข้หวัดอเมริกาเหนือ” แทน
ขณะที่บรรดากลุ่มผู้เลี้ยงหมู และขายเนื้อหมูในสหรัฐฯ รวมถึงที่บราซิลและประเทศในละตินอเมริกาหลายประเทศ ก็เรียกร้องให้เปลี่ยนการเรียกชื่อโรคเสียใหม่ เพราะส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจขายเนื้อหมู ซึ่งล่าสุด จีน รัสเซีย และยูเครน ก็ได้ห้ามนำเข้าเนื้อหมูทุกประเภทจากเม็กซิโกและหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ ไปแล้ว นับตั้งแต่เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
** อนามัยโลกชี้ อาจได้เห็นการเตือนภัยระดับ 6
เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู” ออกมายืนยันว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จะแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลกและทางองค์การอนามัยโลกอาจจำเป็นต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยเป็นระดับที่ 6 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด หลังจากมีแนวโน้มว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้กำลังแพร่ระบาดออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟุกุดะ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อชนิดดังกล่าวได้ลุกลามจากอเมริกาเหนือ ไปยังทวีปยุโรป เอเชีย ทวีปออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และอเมริกากลางอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงทวีปแอฟริกาเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ โดยฟุกุดะเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันหาทางยุติการแพร่ระบาดในครั้งนี้ให้ได้โดยเร็ว แม้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและท้าทายอย่างมากก็ตาม
นอกจากนั้น ฟุกุดะ ยังยืนยันว่า การใช้มาตรการปิดพรมแดน หรือจำกัดการเดินทางของประชาชนเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด ถือเป็นมาตรการที่ไม่ได้ผล เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่กระจายทางอากาศได้อย่างรวดเร็ว