รอยเตอร์/เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่หมูสายพันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกเพิ่มขึ้นเป็น 103 รายแล้ว ขณะที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯและแคนาดา รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อรายแรกในยุโรปที่ประเทศสเปน ทว่ายังไม่มีผู้ป่วยในประเทศอื่นนอกเม็กซิโกถึงขั้นตาย ทางด้านองค์การอนามัยโลกชื่นชมเอเชียมีความพร้อมรับมือ ขณะที่ความหวาดวิตกโรคระบาดใหญ่ส่งผลกระทบตลาดหุ้น-น้ำมัน-ภาคการเดินทางท่องเที่ยว
**เชื้อไข้หวัดหมูค่าชีวิตคนเม็กซิกันแล้ว 103 ศพ
ทางการเม็กซิโกรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพราะต้องสงสัยว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หมูสายพันธุ์ใหม่ ได้เพิ่มเป็น 103 คน แล้วเมื่อวานนี้ (27)
โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก ประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์เตเลบีซา และสำนักข่าวโนติเม็กซ์ ซึ่งเป็นของรัฐบาลว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตได้พุ่งถึง 103 คน แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีทั้งผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไข้หวัดหมู และผู้ที่ยังอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อ ขณะที่ตัวเลขของผู้ที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศ จากการระบาดของไข้หวัดหมู ได้เพิ่มเป็น 400 ราย
กอร์โดบายังระบุว่า จำนวนของประชาชนที่ต้องถูกเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดก็เพิ่มจาก 1,324 คน เป็น 1,614 คน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสตื่นตระหนกของประชาชนทั่วประเทศ และส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดการระบาดของเชื้อดังกล่าวไปทั่วโลก
การระบาดของไข้หวัดใหญ่หมูครั้งนี้ ยังส่งผลทำให้ชาวเม็กซิกัน ต่างพากันเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้าน ส่งผลให้ถนน สวนสาธารณะ และร้านอาหารในกรุงเม็กซิโก ซิตี ถึงกับร้างผู้คน ธุรกิจห้างร้านต่างๆพากันปิดกิจการชั่วคราว นอกจากนั้น ยังมีประกาศเตือนจากทางการว่าให้ประชาชนหลีกเลี่ยงจากการติดต่อสัมผัสร่างกายระหว่างกันเพื่อป้องกันการติดเชื้ออีกด้วย
** มะกันประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสาธารณสุข**
ดร.ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการณ์หัวหน้าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี แถลงว่า ในขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า พบผู้ที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูในสหรัฐฯแล้ว 20 รายในพื้นที่ 5 มลรัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส แคนซัส นิวยอร์ก และโอไฮโอ โดยมลรัฐแคลิฟอร์เนีย พบผู้ติดเชื้อ 7 ราย มลรัฐเทกซัสและแคนซัส แห่งละ 2 ราย และพบอีก 1 ราย ที่มลรัฐโอไฮโอ รวมทั้ง นักเรียนอีก 8 รายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในมลรัฐนิวยอร์กด้วยเช่นกัน พร้อมยืนยันว่า เชื้อไวรัสที่พบในสหรัฐฯ เป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ระบาดอยู่ในเม็กซิโก
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดย เจเน็ต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแถลงว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ สามารถใช้ทรัพยากร เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาการระบาดครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่
ทางด้านกองทัพสหรัฐฯ ออกคำเตือนไปยังทหารที่ประจำการอยู่ทั่วโลก รวมทั้ง บุคลากรทางการแพทย์ในกองทัพให้ช่วยสอดส่องอาการของทหารที่ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงในเวลาต่อมาเมื่อตอนเช้าวานนี้ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันอยู่ในความสงบ โดยเขากล่าวว่า โรคภัยนี้ "เป็นเรื่องที่น่ากังวล" และต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง แต่ไม่ควรตื่นตูม
** แคนาดาและสเปน ยืนยัน พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูแล้ว**
รายงานข่าวเมื่อวานนี้ (27) ระบุว่า แคนาดา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางทิศเหนือของสหรัฐฯ กลายเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีรายงานยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูแล้ว โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดาพบผู้ป่วย 6 ราย ในรัฐบริติชโคลัมเบียทางภาคตะวันตก และรัฐโนวาสโกเชีย ทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยผู้ป่วยทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องกับคนที่เพิ่งเดินทางมาจากเม็กซิโกทั้งสิ้น
ดร.เดวิด บัตเลอร์-โจนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขแคนาดา กล่าวว่า ผู้ป่วยทุกคนอาการดีขึ้นแล้ว แต่คาดว่า อาจพบผู้ป่วยเพิ่มอีกในแคนาดา
ที่ประเทศสเปนเมื่อวานนี้ ตรินิดาด ฮิเมเนซ รัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ออกมายืนยันว่า ชาย วัย 23 ปี คนหนึ่งในเมืองอัลเมนซาซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปท่องเที่ยวในเม็กซิโกเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา และถูกนำตัวมากักบริเวณเพื่อตรวจอาการตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ (25) เป็นผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดหมูเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูรายแรกของทวีปยุโรปที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
มีข้อน่าสังเกตว่า บรรดาผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อหวัดหมู ที่นอนป่วยอยู่นอกเม็กซิโก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ, แคนาดา, สเปน, หรือที่นิวซีแลนด์ ซึ่งมีรายงานตั้งแต่วันอาทิตย์(26)ว่านักเรียนและครูที่เพิ่งกลับจากเม็กซิโก มีอาการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หมูด้วยนั้น ต่างก็มีอาการไม่หนัก และไม่มีรายใดเสียชีวิตเลย
** ฮ่องกงบอกหญิงต้องสงสัยไม่ได้เป็นหวัดหมู**
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า หญิงชาวฮ่องกงรายหนึ่งถูกนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว หลังมีอาการต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่
รายงานข่าวระบุว่า หญิงผู้นี้มีอายุ 27 ปี และเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครซาน ฟรานซิสโก ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า เธอติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคน ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่หมู
** ทั่วเอเชียตื่นตัวเฝ้าระวังไข้หวัดหมู**
ประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียต่างพากันเพิ่มการตรวจตราการเข้าออกตามท่าอากาศยาน และออกประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังสมาชิกในครอบครัวหากมีอาการคล้ายไข้หวัดหมู
รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีฉุกเฉินเพื่อหาทางรับมือการระบาดของไข้หวัดหมู พร้อมสั่งให้ท่าอากาศยานในญี่ปุ่น เพิ่มการตรวจผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากเม็กซิโก โดยให้สวมหน้ากากปิดจมูกและปาก รวมทั้ง ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจหาผู้ที่มีไข้
ขณะที่ท่าอากาศยานในไต้หวันและเกาหลีใต้ขอให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่มีผู้ป่วยไข้หวัดหมู เข้ารับการตรวจโรคโดยละเอียด และมีการกักตัวไว้ดูอาการ นอกจากนั้น ทางการเกาหลีใต้ยังสั่งตรวจกักเนื้อหมูที่นำเข้าจากเม็กซิโกและสหรัฐฯ ด้วย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮ่องกง ซึ่งเคยมีประสบการณ์รับมือการระบาดของโรคซาร์สในปี และโรคไข้หวัดนกมาก่อน แนะนำให้ประชาชนงดการเดินทางไปยังเม็กซิโก หากไม่มีธุระจำเป็น นอกจากนี้ ยังดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิที่สนามบินและตามจุดเข้าเมือง ซึ่งหากมีผู้โดยสารรายใดไม่ยอมให้ความร่วมมือผ่านการตรวจด้วยเครื่องดังกล่าว จะถูกกักตัวไว้สอบประวัติการเดินทางในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ ได้มีการแจ้งเตือนผู้โดยสารบนเครื่องบินที่มาจากเม็กซิโกและสหรัฐฯ และแนะนำให้รายงานอาการเป็นไข้ฉับพลันให้เจ้าหน้าที่รับทราบด้วยเช่นกัน
ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการกอดและจูบในที่สาธารณะท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก หลังเกิดความวิตกว่าโรคไข้หวัดหมูที่อาจระบาดลุกลามไปทั่วโลก
** อนามัยโลกชื่นชมเอเชียมีความพร้อมรับมือหวัดหมู**
ปีเตอร์ คอร์ดิงลีย์ โฆษกขององค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ที่สำนักงานในกรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ เมื่อวานนี้ (27) โดยแสดงความชื่นชมประเทศต่างๆ ในเอเชีย ที่ตื่นตัวและมีการเตรียมมาตรการต่างๆ ที่เข้มงวดไว้รับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดหมู หรือเชื้อไวรัส "เอช1 เอ็น1"
คอร์ดิงลีย์ ชี้ว่า จากประสบการณ์ของประเทศต่างๆในเอเชีย ที่เคยเผชิญหน้ากับการระบาดอย่างหนักของโรคซาร์ส และไข้หวัดนก ซึ่งคร่าชีวิตชาวเอเชียไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ในขณะนี้ประเทศในเอเชีย ถือได้ว่า มีความพร้อมมากกว่าประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ในการรับมือกับการระบาดของเชื้อไข้หวัดหมูในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน คอร์ดิงลีย์ ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ทางองค์การอนามัยโลกยังไม่พบหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ระบุว่า การบริโภคเนื้อหมูจะทำให้มนุษย์ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูดังกล่าวได้
**กระทบหุ้น-เดินทาง-ท่องเที่ยว**
การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่นก กำลังทำให้เกิดความหวาดผวาว่าจะส่งผลฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์และอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้งจะสร้างความเสียหายให้แก่ภาวะการฟื้นตัว ที่ทำท่าว่าจะเริ่มเห็นหน่ออ่อนกันบ้างแล้ว
ดัชนีวอลล์สตรีทตอนเปิดตลาดวานนี้ หล่นวูบลงไป 0.96% ภายหลังจากที่ตลาดแถบยุโรปก็ติดลบกันระหว่าง 0.71 ถึง 2.54% ขณะที่ทางแถบเอเชียนั้น โตเกียวปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อย 0.21% สืบเนื่องจากเงินเยนมีค่าแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเพราะความกลัวหวัดหมู ขณะที่ความวิตกเรื่องโรคระบาดร้าย ทำให้ตลาดฮ่องกงตกลงมา 2.74% และสิงคโปร์ -1.85%
หุ้นที่ตกกันแรงได้แก่ พวกสายการบิน, สายการเดินเรือ, และบริษัทที่เกี่ยวข้อง ขณะที่หุ้นของพวกบริษัทยาขยับขึ้น
ทางด้านน้ำมัน น้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ หล่นลง 2.59 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 48.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ของลอนดอน ก็ตกลงมา 2.31 ดอลลาร์ อยู่แถวๆ 49.36 ดอลลาร์ ในช่วงใกล้เที่ยงของลอนดอน
**เชื้อไข้หวัดหมูค่าชีวิตคนเม็กซิกันแล้ว 103 ศพ
ทางการเม็กซิโกรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพราะต้องสงสัยว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หมูสายพันธุ์ใหม่ ได้เพิ่มเป็น 103 คน แล้วเมื่อวานนี้ (27)
โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก ประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์เตเลบีซา และสำนักข่าวโนติเม็กซ์ ซึ่งเป็นของรัฐบาลว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตได้พุ่งถึง 103 คน แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีทั้งผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไข้หวัดหมู และผู้ที่ยังอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อ ขณะที่ตัวเลขของผู้ที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศ จากการระบาดของไข้หวัดหมู ได้เพิ่มเป็น 400 ราย
กอร์โดบายังระบุว่า จำนวนของประชาชนที่ต้องถูกเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดก็เพิ่มจาก 1,324 คน เป็น 1,614 คน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสตื่นตระหนกของประชาชนทั่วประเทศ และส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดการระบาดของเชื้อดังกล่าวไปทั่วโลก
การระบาดของไข้หวัดใหญ่หมูครั้งนี้ ยังส่งผลทำให้ชาวเม็กซิกัน ต่างพากันเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้าน ส่งผลให้ถนน สวนสาธารณะ และร้านอาหารในกรุงเม็กซิโก ซิตี ถึงกับร้างผู้คน ธุรกิจห้างร้านต่างๆพากันปิดกิจการชั่วคราว นอกจากนั้น ยังมีประกาศเตือนจากทางการว่าให้ประชาชนหลีกเลี่ยงจากการติดต่อสัมผัสร่างกายระหว่างกันเพื่อป้องกันการติดเชื้ออีกด้วย
** มะกันประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสาธารณสุข**
ดร.ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการณ์หัวหน้าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี แถลงว่า ในขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า พบผู้ที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูในสหรัฐฯแล้ว 20 รายในพื้นที่ 5 มลรัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส แคนซัส นิวยอร์ก และโอไฮโอ โดยมลรัฐแคลิฟอร์เนีย พบผู้ติดเชื้อ 7 ราย มลรัฐเทกซัสและแคนซัส แห่งละ 2 ราย และพบอีก 1 ราย ที่มลรัฐโอไฮโอ รวมทั้ง นักเรียนอีก 8 รายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในมลรัฐนิวยอร์กด้วยเช่นกัน พร้อมยืนยันว่า เชื้อไวรัสที่พบในสหรัฐฯ เป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ระบาดอยู่ในเม็กซิโก
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดย เจเน็ต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแถลงว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ สามารถใช้ทรัพยากร เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาการระบาดครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่
ทางด้านกองทัพสหรัฐฯ ออกคำเตือนไปยังทหารที่ประจำการอยู่ทั่วโลก รวมทั้ง บุคลากรทางการแพทย์ในกองทัพให้ช่วยสอดส่องอาการของทหารที่ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงในเวลาต่อมาเมื่อตอนเช้าวานนี้ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันอยู่ในความสงบ โดยเขากล่าวว่า โรคภัยนี้ "เป็นเรื่องที่น่ากังวล" และต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง แต่ไม่ควรตื่นตูม
** แคนาดาและสเปน ยืนยัน พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูแล้ว**
รายงานข่าวเมื่อวานนี้ (27) ระบุว่า แคนาดา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางทิศเหนือของสหรัฐฯ กลายเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีรายงานยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูแล้ว โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดาพบผู้ป่วย 6 ราย ในรัฐบริติชโคลัมเบียทางภาคตะวันตก และรัฐโนวาสโกเชีย ทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยผู้ป่วยทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องกับคนที่เพิ่งเดินทางมาจากเม็กซิโกทั้งสิ้น
ดร.เดวิด บัตเลอร์-โจนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขแคนาดา กล่าวว่า ผู้ป่วยทุกคนอาการดีขึ้นแล้ว แต่คาดว่า อาจพบผู้ป่วยเพิ่มอีกในแคนาดา
ที่ประเทศสเปนเมื่อวานนี้ ตรินิดาด ฮิเมเนซ รัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ออกมายืนยันว่า ชาย วัย 23 ปี คนหนึ่งในเมืองอัลเมนซาซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปท่องเที่ยวในเม็กซิโกเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา และถูกนำตัวมากักบริเวณเพื่อตรวจอาการตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ (25) เป็นผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดหมูเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูรายแรกของทวีปยุโรปที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
มีข้อน่าสังเกตว่า บรรดาผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อหวัดหมู ที่นอนป่วยอยู่นอกเม็กซิโก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ, แคนาดา, สเปน, หรือที่นิวซีแลนด์ ซึ่งมีรายงานตั้งแต่วันอาทิตย์(26)ว่านักเรียนและครูที่เพิ่งกลับจากเม็กซิโก มีอาการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หมูด้วยนั้น ต่างก็มีอาการไม่หนัก และไม่มีรายใดเสียชีวิตเลย
** ฮ่องกงบอกหญิงต้องสงสัยไม่ได้เป็นหวัดหมู**
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า หญิงชาวฮ่องกงรายหนึ่งถูกนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว หลังมีอาการต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่
รายงานข่าวระบุว่า หญิงผู้นี้มีอายุ 27 ปี และเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครซาน ฟรานซิสโก ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า เธอติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคน ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่หมู
** ทั่วเอเชียตื่นตัวเฝ้าระวังไข้หวัดหมู**
ประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียต่างพากันเพิ่มการตรวจตราการเข้าออกตามท่าอากาศยาน และออกประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังสมาชิกในครอบครัวหากมีอาการคล้ายไข้หวัดหมู
รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีฉุกเฉินเพื่อหาทางรับมือการระบาดของไข้หวัดหมู พร้อมสั่งให้ท่าอากาศยานในญี่ปุ่น เพิ่มการตรวจผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากเม็กซิโก โดยให้สวมหน้ากากปิดจมูกและปาก รวมทั้ง ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจหาผู้ที่มีไข้
ขณะที่ท่าอากาศยานในไต้หวันและเกาหลีใต้ขอให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่มีผู้ป่วยไข้หวัดหมู เข้ารับการตรวจโรคโดยละเอียด และมีการกักตัวไว้ดูอาการ นอกจากนั้น ทางการเกาหลีใต้ยังสั่งตรวจกักเนื้อหมูที่นำเข้าจากเม็กซิโกและสหรัฐฯ ด้วย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮ่องกง ซึ่งเคยมีประสบการณ์รับมือการระบาดของโรคซาร์สในปี และโรคไข้หวัดนกมาก่อน แนะนำให้ประชาชนงดการเดินทางไปยังเม็กซิโก หากไม่มีธุระจำเป็น นอกจากนี้ ยังดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิที่สนามบินและตามจุดเข้าเมือง ซึ่งหากมีผู้โดยสารรายใดไม่ยอมให้ความร่วมมือผ่านการตรวจด้วยเครื่องดังกล่าว จะถูกกักตัวไว้สอบประวัติการเดินทางในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ ได้มีการแจ้งเตือนผู้โดยสารบนเครื่องบินที่มาจากเม็กซิโกและสหรัฐฯ และแนะนำให้รายงานอาการเป็นไข้ฉับพลันให้เจ้าหน้าที่รับทราบด้วยเช่นกัน
ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการกอดและจูบในที่สาธารณะท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก หลังเกิดความวิตกว่าโรคไข้หวัดหมูที่อาจระบาดลุกลามไปทั่วโลก
** อนามัยโลกชื่นชมเอเชียมีความพร้อมรับมือหวัดหมู**
ปีเตอร์ คอร์ดิงลีย์ โฆษกขององค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ที่สำนักงานในกรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ เมื่อวานนี้ (27) โดยแสดงความชื่นชมประเทศต่างๆ ในเอเชีย ที่ตื่นตัวและมีการเตรียมมาตรการต่างๆ ที่เข้มงวดไว้รับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดหมู หรือเชื้อไวรัส "เอช1 เอ็น1"
คอร์ดิงลีย์ ชี้ว่า จากประสบการณ์ของประเทศต่างๆในเอเชีย ที่เคยเผชิญหน้ากับการระบาดอย่างหนักของโรคซาร์ส และไข้หวัดนก ซึ่งคร่าชีวิตชาวเอเชียไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ในขณะนี้ประเทศในเอเชีย ถือได้ว่า มีความพร้อมมากกว่าประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ในการรับมือกับการระบาดของเชื้อไข้หวัดหมูในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน คอร์ดิงลีย์ ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ทางองค์การอนามัยโลกยังไม่พบหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ระบุว่า การบริโภคเนื้อหมูจะทำให้มนุษย์ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูดังกล่าวได้
**กระทบหุ้น-เดินทาง-ท่องเที่ยว**
การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่นก กำลังทำให้เกิดความหวาดผวาว่าจะส่งผลฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์และอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้งจะสร้างความเสียหายให้แก่ภาวะการฟื้นตัว ที่ทำท่าว่าจะเริ่มเห็นหน่ออ่อนกันบ้างแล้ว
ดัชนีวอลล์สตรีทตอนเปิดตลาดวานนี้ หล่นวูบลงไป 0.96% ภายหลังจากที่ตลาดแถบยุโรปก็ติดลบกันระหว่าง 0.71 ถึง 2.54% ขณะที่ทางแถบเอเชียนั้น โตเกียวปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อย 0.21% สืบเนื่องจากเงินเยนมีค่าแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเพราะความกลัวหวัดหมู ขณะที่ความวิตกเรื่องโรคระบาดร้าย ทำให้ตลาดฮ่องกงตกลงมา 2.74% และสิงคโปร์ -1.85%
หุ้นที่ตกกันแรงได้แก่ พวกสายการบิน, สายการเดินเรือ, และบริษัทที่เกี่ยวข้อง ขณะที่หุ้นของพวกบริษัทยาขยับขึ้น
ทางด้านน้ำมัน น้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ หล่นลง 2.59 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 48.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ของลอนดอน ก็ตกลงมา 2.31 ดอลลาร์ อยู่แถวๆ 49.36 ดอลลาร์ ในช่วงใกล้เที่ยงของลอนดอน