จะด้วยเหตุผลที่บรรดาแกนนำ“คนเสื้อแดง” ประเภท “สามเกลอ” อย่าง วีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ รวมไปถึง จักรภพ เพ็ญแข เหวง โตจิราการ อดิศร เพียงเกษ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และระดับลิ่วล้อปลายแถวคนอื่นๆ รวม 27 คน ถูกออกหมายจับ กำลังถูกดำเนินคดีหลังจากยุยง ปลุกปั่นให้ก่อจลาจลในบ้านเมือง
หรือจะด้วยเหตุผลที่ผลงานของบรรดาแกนนำกลุ่มนี้สร้างภาพใน “ทางลบ” จากสังคม เนื่องจากก่อความรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านทั่วไป จนแนวร่วมเก่าตีจาก ขณะที่แนวร่วมใหม่ก็ไม่เข้ามาเพิ่ม พ่ายแพ้ทั้งในสภา และกลางถนน จนต้องถอยมาจัดกระบวนทัพกันใหม่
ตามรายงานที่ปรากฏเป็นข่าวลอยลมมาบอกว่าจะดันคนเดือนตุลาฯ ที่หลายคนเป็น“ซ้ายอกหัก” เคยเข้าป่าเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) และในจำนวนนั้นก็ล้วนร่วมงานรับใช้ใกล้ชิด นช.ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอยู่ในก๊วนบ้านเลขที่ 111 แทบทั้งสิ้น
คนเหล่านี้เท่าที่มีชื่อ เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ภูมิธรรม เวชยชัย เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เป็นต้นมา ออกหน้ารับบทใหม่มายืนอยู่ในที่โล่ง แทนที่จะต้องแอบอยู่ “ข้างเสา” เหมือนแต่ก่อน
หลายฝ่ายประเมินตรงกันว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นจริงเป็นจังแค่ไหน เพราะเพียงแค่เป็นข่าวออกมาไม่ทันข้ามวันแกนนำที่มีชื่อติดอยู่ในโผอย่างเช่น “หมอมิ้ง” นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็รีบออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัน แถมถือโอกาสประกาศวางมือทางการเมืองเสียด้วย
จะเป็นด้วยเหตุผลที่คนเหล่านี้ผ่านประสบการณ์งานมวลชนมาอย่างโชกโชนรับรู้ถึงสัญญาณ อารมณ์ของสังคมได้ดีว่ายิ่งไป “ผูกติด” กับเสื้อแดงมากเท่าใดก็ยิ่งมีแต่ติดลบ และที่สำคัญคงไม่อยากเอาตัวเข้าไปอยู่ในระดับเดียวกับ แกนนำ 3 เกลอ เพราะนับวันเริ่มเข้าสู่ระนาบเดียวกับ “อันธพาลข้างถนน” เข้าไปทุกทีแล้ว
ดังนั้นในทางเปิดเผยคนเหล่านี้ก็ต้องชิ่งออกมาก่อน ขณะที่อีกด้านหนึ่งในทางลับค่อยว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเคยเอาตัวเข้าไปรับใช้ใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร ประเภท “พึ่งพาอาศัย” กันมาอย่างสมประโยชน์ จนแกะไม่ออก
อย่างไรก็ดีจะด้วยเหตุผลใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นเพราะแกนนำรุ่น 3 เกลอต้องมีชนักติดหลังถูกศาลตั้งเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราวโดยห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยว ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่ถนัด ทำให้ต้องปรับกระบวนท่ากันใหม่
ที่น่าสนใจก็คือแถลงการณ์ล่าสุดที่ส่งตรงไปถึงสื่อภายในประเทศของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวานนี้(28 เมษายน) เรียกร้องให้ผนึกกำลังกัน และต่อสู้ในแนวทางสันติ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หากมองกันแบบไม่ดูที่มาที่ไปก็ถือว่าน่าชื่นชม ชวนเคลิบเคลิ้ม
แต่ถ้าใครได้ฟังคำพูดของเขาหลังจากที่คนเสื้อแดงบุกเข้ายึดโรงแรมรอยัลคลิป บีช พัทยา ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องขายหน้า หรือในช่วงที่กำลังมีการจลาจลปิดถนนเผาบ้านเผาเมืองแล้วรับรองว่าคนละอารมณ์แน่นอน เพราะในเวลานั้นมั่นใจว่ากำลังได้เปรียบ กำลังจะชนะ
ถึงได้บอกว่า รัฐบาลยุบสภา ลาออกไม่พอ ต้องสร้าง “ประชาธิปไตยใหม่” เป้าหมายเพื่อล้มการปกครองให้มีการเลือกตั้งทุกระดับใช่หรือไม่ เมื่อสถานการณ์พลิกกลับแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าทำให้ต้องเปลี่ยนท่าทีใหม่
ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามเพราะถือว่าตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับวาทกรรมของ จักรภพ เพ็ญแข ที่ประกาศใช้แนวทางติดอาวุธ อ้างว่าจะต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง หรือกดดันให้ยุบสภา จะอธิบายอย่างไร
อย่างไรก็ดีไม่ว่าคนเสื้อแดงจะปรับกระบวนทัพกันอย่างไร หรือมีใครออกมายืนอยู่แถวหน้า จะหลบลงใต้ดินแล้วจับอาวุธลุกขึ้นสู้ ทุกอย่างมีเป้าหมายเดียวคือ สู้เพื่อประโยชน์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวเท่านั้น ประชาธิปไตยเป็นเพียงข้ออ้างสวยหรูบังหน้า เท่านั้น !!
หรือจะด้วยเหตุผลที่ผลงานของบรรดาแกนนำกลุ่มนี้สร้างภาพใน “ทางลบ” จากสังคม เนื่องจากก่อความรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านทั่วไป จนแนวร่วมเก่าตีจาก ขณะที่แนวร่วมใหม่ก็ไม่เข้ามาเพิ่ม พ่ายแพ้ทั้งในสภา และกลางถนน จนต้องถอยมาจัดกระบวนทัพกันใหม่
ตามรายงานที่ปรากฏเป็นข่าวลอยลมมาบอกว่าจะดันคนเดือนตุลาฯ ที่หลายคนเป็น“ซ้ายอกหัก” เคยเข้าป่าเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) และในจำนวนนั้นก็ล้วนร่วมงานรับใช้ใกล้ชิด นช.ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอยู่ในก๊วนบ้านเลขที่ 111 แทบทั้งสิ้น
คนเหล่านี้เท่าที่มีชื่อ เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ภูมิธรรม เวชยชัย เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เป็นต้นมา ออกหน้ารับบทใหม่มายืนอยู่ในที่โล่ง แทนที่จะต้องแอบอยู่ “ข้างเสา” เหมือนแต่ก่อน
หลายฝ่ายประเมินตรงกันว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นจริงเป็นจังแค่ไหน เพราะเพียงแค่เป็นข่าวออกมาไม่ทันข้ามวันแกนนำที่มีชื่อติดอยู่ในโผอย่างเช่น “หมอมิ้ง” นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็รีบออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัน แถมถือโอกาสประกาศวางมือทางการเมืองเสียด้วย
จะเป็นด้วยเหตุผลที่คนเหล่านี้ผ่านประสบการณ์งานมวลชนมาอย่างโชกโชนรับรู้ถึงสัญญาณ อารมณ์ของสังคมได้ดีว่ายิ่งไป “ผูกติด” กับเสื้อแดงมากเท่าใดก็ยิ่งมีแต่ติดลบ และที่สำคัญคงไม่อยากเอาตัวเข้าไปอยู่ในระดับเดียวกับ แกนนำ 3 เกลอ เพราะนับวันเริ่มเข้าสู่ระนาบเดียวกับ “อันธพาลข้างถนน” เข้าไปทุกทีแล้ว
ดังนั้นในทางเปิดเผยคนเหล่านี้ก็ต้องชิ่งออกมาก่อน ขณะที่อีกด้านหนึ่งในทางลับค่อยว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเคยเอาตัวเข้าไปรับใช้ใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร ประเภท “พึ่งพาอาศัย” กันมาอย่างสมประโยชน์ จนแกะไม่ออก
อย่างไรก็ดีจะด้วยเหตุผลใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นเพราะแกนนำรุ่น 3 เกลอต้องมีชนักติดหลังถูกศาลตั้งเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราวโดยห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยว ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่ถนัด ทำให้ต้องปรับกระบวนท่ากันใหม่
ที่น่าสนใจก็คือแถลงการณ์ล่าสุดที่ส่งตรงไปถึงสื่อภายในประเทศของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวานนี้(28 เมษายน) เรียกร้องให้ผนึกกำลังกัน และต่อสู้ในแนวทางสันติ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หากมองกันแบบไม่ดูที่มาที่ไปก็ถือว่าน่าชื่นชม ชวนเคลิบเคลิ้ม
แต่ถ้าใครได้ฟังคำพูดของเขาหลังจากที่คนเสื้อแดงบุกเข้ายึดโรงแรมรอยัลคลิป บีช พัทยา ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องขายหน้า หรือในช่วงที่กำลังมีการจลาจลปิดถนนเผาบ้านเผาเมืองแล้วรับรองว่าคนละอารมณ์แน่นอน เพราะในเวลานั้นมั่นใจว่ากำลังได้เปรียบ กำลังจะชนะ
ถึงได้บอกว่า รัฐบาลยุบสภา ลาออกไม่พอ ต้องสร้าง “ประชาธิปไตยใหม่” เป้าหมายเพื่อล้มการปกครองให้มีการเลือกตั้งทุกระดับใช่หรือไม่ เมื่อสถานการณ์พลิกกลับแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าทำให้ต้องเปลี่ยนท่าทีใหม่
ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามเพราะถือว่าตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับวาทกรรมของ จักรภพ เพ็ญแข ที่ประกาศใช้แนวทางติดอาวุธ อ้างว่าจะต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง หรือกดดันให้ยุบสภา จะอธิบายอย่างไร
อย่างไรก็ดีไม่ว่าคนเสื้อแดงจะปรับกระบวนทัพกันอย่างไร หรือมีใครออกมายืนอยู่แถวหน้า จะหลบลงใต้ดินแล้วจับอาวุธลุกขึ้นสู้ ทุกอย่างมีเป้าหมายเดียวคือ สู้เพื่อประโยชน์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวเท่านั้น ประชาธิปไตยเป็นเพียงข้ออ้างสวยหรูบังหน้า เท่านั้น !!