เอกชนมั่นใจยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วยฟื้นความเชื่อมั่น-ดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าไทย "ทีเอชเอ" คาดอัตราการเข้าพักแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ด้านส.อ.ท.เชียร์แต่ยังวิตกการเมืองยังไม่จบสิ้น ผวา"ม็อบแดงถ่อย"จะกลับมา จี้รัฐใช้กฏหมายดูแล เพื่อไม่เกิดซ้ำรอยเดิม ขณะที่หอการค้าต่างประเทศ ชี้ต่างชาติมั่นใจในการเข้ามาลงทุน "หอการค้าไทย" ชี้ผลบวกคาดการท่องเที่ยวติดลบน้อยลง “ วีระชัย ”เยือนจีน 5 เมืองใหญ่สัปดาห์หน้า หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับไทย
ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพและ
ปริมณฑล ซึ่งประกาศมาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. โดยจะให้มีผลตั้งแต่เวลา 12.00น. (24 เม.ย.) เป็นต้นไปนั้น
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า จะส่งผลดีต่อ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแน่นอน ประกอบกับผู้ประกอบการก็สามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้น โดยสามารถตอบลูกค้าว่า ขณะนี้ไทยยกเลิก
ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว และยิ่งทำให้หนังสือชี้แจงและขอความร่วมมือของนายชุมพลศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่ส่ง
ไปยัง 33 ประเทศ จะดูมีความน่าเชื่อมากขึ้น และเชื่อว่า เร็วๆนี้ ประเทศเหล่านั้นจะลดระดับการเตือนนักท่องเที่ยวลงจนเข้าสู่ภาวะ
ปกติ
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า ย่อมส่งผลดีกับภาคการท่องเที่ยวแน่นอน ทำ
ให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจจะยกเลิก ก็เปลี่ยนมาเดินทางเหมือนเดิม โดยขณะนี้ อัตราเข้าพักนักท่องเที่ยวโรงแรงใน
เขตกรุงเทพฯอยู่ที่ประมาณ 30-40% เมื่อยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว มั่นใจว่าอัตราเข้าพักจะเพิ่มขึ้นแน่ แต่คงไม่มากเสียทีเดียว คงต้องดู
สถานการณ์ต่อไปก่อน
ส.อ.ท.หนุนช่วยฟื้นความเชื่อมั่น
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมาภาคเอกชนได้เคยเสนอเรื่องนี้ เพราะจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้
กลับคืนมาได้สู่ปกติ ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลจะต้องเร่งชี้แจงนักลงทุนและสื่อมวลชนต่างประเทศ ภายใน 1-2 วันเร่งด่วน
“ คิดว่าถ้ามีการเร่งชี้แจงก็น่าจะเข้าสู่ความปกติได้ใน 2 สัปดาห์ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงที่จะเข้ามาในประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ ได้ยกเลิกการเดินทางเข้ามา สำหรับสิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ การชุมนุมครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่า จะมีความรุนแรงหรือไม่ หากการชุมนุมอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่ใช้ความรุนแรงก็ไม่เป็นปัญหา และรัฐบาลควรจะดูแลให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมายด้วย”นายสันติกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า หากพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังประกาศอยู่ จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวค่อนข้างหนัก
เนื่องจากเป็นการชี้ให้เห็นว่าประเทศยังไม่มีความปลอดภัย จึงทำให้หลายประเทศประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะมาไทยอยู่ ประกอบกับการยกเลิกก็จะส่งผลดีต่อการโรดโชว์ของรัฐบาล ทั้งแง่การค้า การลงทุน ที่จะทำได้ง่ายกว่าการไม่ยกเลิก
“การประกาศพ.ร.ก.ที่ผ่านมา เราก็เห็นด้วย เพราะเหตุการณ์ขณะนั้นเหมาะสมแล้ว แต่เวลานี้การที่รัฐตัดสินใจยกเลิกก็เห็นด้วย เพราะการท่องเที่ยวเป็นภาคที่อ่อนไหวสุด และมีส่วนต่อเศรษฐกิจไทยและแรงงานในระบบค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่าไตรมาส 2 นั้นการท่องเที่ยวไทยจะติดลบถึง 40% เมื่อยกเลิกใช้พ.ร.ก. คาดว่านักท่องเที่ยวก็จะกลับมาช่วงปลายปี แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ จะเกิดการ
ชุมนุมอีกหรือไม่ และรัฐจะดูแลยังไงไม่ให้บานปลายอีก หากเกิดซ้ำทุกอย่างก็จะกลับมาสู่จุดเดิม”นายธนิตกล่าว
เสียดายเวทีสภาแค่สาดไฟใส่กัน
สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาที่ผ่านมา นายธนิตกล่าวว่า น่าเสียดายที่เวทีรัฐสภาไม่สามารถหาแนวทางแก้ไขปัญหาอะไร
ได้เลย นอกเหนือไปจากการสาดไฟใส่กันไปมาให้ประชาชนดู ทั้งที่หากใช้เวทีนี้ร่วมกันแก้ไขก็น่าจะมีหนทางที่ดีกว่าได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาการเมืองปัจจุบันของไทยไม่ได้รับการแก้ไขมานาน จึงทำให้ปัญหาค่อนข้างบานปลายออก
ไปมาก ซึ่งหากปล่อยยืดเยื้อไว้ก็เกรงว่าจะยากเกินเยียวยาเช่นกัน
ยอมรับการเมืองไทยต้องหาทางลง
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานกล่าวว่า การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและการเมืองไทย ท้ายสุดแล้วจำ
เป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้าหากัน โดยจะต้องคงการปกป้องสถาบันและมองประโยชน์ชาติเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าปัญหาการเมืองนั้น
หากทุกฝ่ายพร้อมร่วมมือกันมองว่ายังมีโอกาสที่จะคลี่คลายได้
ต่างชาติมั่นใจมาลงทุน
นายนายเดอร์ จี ฟอน เดอลูช ประธานหอการค้าต่างประเทศในไทย กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้นักลงทุนต่าง
ประเทศมีความเชื่อมั่นไทย แม้จะไม่กลับมาได้ในทันที แต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่ารัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยเห็นว่า จากนี้ไป
รัฐบาลต้องดำเนินการที่จะแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสนับสนุนการค้า การลงทุนผ่านมาตรการต่างๆ ไม่เพียงการออกโรดโชว์ในต่างประเทศเท่านั้น
“หากเสื้อแดงยังจะมีการชุมนุมอีก ยอมรับว่ามีความกังวล แต่ถ้าเป็นการชุมนุมภายใต้กฎหมายในระบอบประชาธิปไตยก็ยอมรับได้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก ก็จะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนอีก ดังนั้น รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถดูแลการชุมนุมให้อยู่ในกรอบกฎหมายให้ได้”
หวัง2เดือนข้างหน้าไม่เกิดเหตุร้าย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เป็นสิ่งดีทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยหลังจากนี้ 1-2 เดือน จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์ประท้วงหรือ
เหตุการณ์ใดๆ อีก และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองและมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เม็ดเงินหายไปจากการท่องเที่ยว
ประมาณ 110,000 ล้านบาท และเมื่อยกเลิก พ.ร.ก. การท่องเที่ยวก็จะติดลบประมาณร้อยละ 10-20 เท่านั้น จากเดิมคาดว่าจะติดลบมากกว่าร้อยละ 30-40 ทำให้เม็ดเงินที่ไทยจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเหลือเพียง 50,000-70,000 ล้านบาท ดังนั้น หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ไม่มีสถานการณ์การเมืองหรือความรุนแรง และมีการโปรโมทท่องเที่ยวจริงจัง เชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจจะติดลบน้อยกว่าที่คาดไว้
ขณะที่นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานอาวุโสหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่ทำให้นักธุรกิจคลายความวิตกกังวลได้ เนื่องจาก
นักการเมืองยังคงเล่นเกมทางการเมืองในทางลับ อีกทั้ง รัฐบาลยังไม่สามารถประสานงานลดความขัดแย้ง ทำให้ภาพการเมืองที่สงบนิ่ง
เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สนับสนุนให้แก้ไขในบางมาตราเท่านั้น ขณะที่การนิรโทษกรรรมให้นักการเมือง ควรชะลอออกไป เพื่อลดปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมอีก
“วีรชัย”เยือนจีนดึงนักท่องเที่ยวกลับ
นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชื่อว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวน่าจะปรับตัวดีขึ้น
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปเยือนที่เมืองคุนหมิง ฉงชิง และเมืองอื่นๆรวม
5 เมืองร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการประชาสัมพันธ์และชี้แจงให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่คลี่
คลายและกลับมาปกติ
"ในช่วงที่ตนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุดของจีน ดังนั้น คงจะไม่สามารถ
เดินทางไปได้ครบทุกเมือง แต่จะมีการหารือ ทั้งเรื่องปัญหาการท่องเที่ยว รวมทั้งเรื่องการทำประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยว หากได้รับ
ผลกระทบจากการจลาจล เช่น จะดูแลนักท่องเที่ยวว่าได้รับบาดเจ็บ หรือผลกระทบด้านใดในลักษณะของการเยียวยา เป็นต้น "
ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพและ
ปริมณฑล ซึ่งประกาศมาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. โดยจะให้มีผลตั้งแต่เวลา 12.00น. (24 เม.ย.) เป็นต้นไปนั้น
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า จะส่งผลดีต่อ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแน่นอน ประกอบกับผู้ประกอบการก็สามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้น โดยสามารถตอบลูกค้าว่า ขณะนี้ไทยยกเลิก
ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว และยิ่งทำให้หนังสือชี้แจงและขอความร่วมมือของนายชุมพลศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่ส่ง
ไปยัง 33 ประเทศ จะดูมีความน่าเชื่อมากขึ้น และเชื่อว่า เร็วๆนี้ ประเทศเหล่านั้นจะลดระดับการเตือนนักท่องเที่ยวลงจนเข้าสู่ภาวะ
ปกติ
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า ย่อมส่งผลดีกับภาคการท่องเที่ยวแน่นอน ทำ
ให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจจะยกเลิก ก็เปลี่ยนมาเดินทางเหมือนเดิม โดยขณะนี้ อัตราเข้าพักนักท่องเที่ยวโรงแรงใน
เขตกรุงเทพฯอยู่ที่ประมาณ 30-40% เมื่อยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว มั่นใจว่าอัตราเข้าพักจะเพิ่มขึ้นแน่ แต่คงไม่มากเสียทีเดียว คงต้องดู
สถานการณ์ต่อไปก่อน
ส.อ.ท.หนุนช่วยฟื้นความเชื่อมั่น
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมาภาคเอกชนได้เคยเสนอเรื่องนี้ เพราะจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้
กลับคืนมาได้สู่ปกติ ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลจะต้องเร่งชี้แจงนักลงทุนและสื่อมวลชนต่างประเทศ ภายใน 1-2 วันเร่งด่วน
“ คิดว่าถ้ามีการเร่งชี้แจงก็น่าจะเข้าสู่ความปกติได้ใน 2 สัปดาห์ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงที่จะเข้ามาในประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ ได้ยกเลิกการเดินทางเข้ามา สำหรับสิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ การชุมนุมครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่า จะมีความรุนแรงหรือไม่ หากการชุมนุมอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่ใช้ความรุนแรงก็ไม่เป็นปัญหา และรัฐบาลควรจะดูแลให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมายด้วย”นายสันติกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า หากพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังประกาศอยู่ จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวค่อนข้างหนัก
เนื่องจากเป็นการชี้ให้เห็นว่าประเทศยังไม่มีความปลอดภัย จึงทำให้หลายประเทศประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะมาไทยอยู่ ประกอบกับการยกเลิกก็จะส่งผลดีต่อการโรดโชว์ของรัฐบาล ทั้งแง่การค้า การลงทุน ที่จะทำได้ง่ายกว่าการไม่ยกเลิก
“การประกาศพ.ร.ก.ที่ผ่านมา เราก็เห็นด้วย เพราะเหตุการณ์ขณะนั้นเหมาะสมแล้ว แต่เวลานี้การที่รัฐตัดสินใจยกเลิกก็เห็นด้วย เพราะการท่องเที่ยวเป็นภาคที่อ่อนไหวสุด และมีส่วนต่อเศรษฐกิจไทยและแรงงานในระบบค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่าไตรมาส 2 นั้นการท่องเที่ยวไทยจะติดลบถึง 40% เมื่อยกเลิกใช้พ.ร.ก. คาดว่านักท่องเที่ยวก็จะกลับมาช่วงปลายปี แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ จะเกิดการ
ชุมนุมอีกหรือไม่ และรัฐจะดูแลยังไงไม่ให้บานปลายอีก หากเกิดซ้ำทุกอย่างก็จะกลับมาสู่จุดเดิม”นายธนิตกล่าว
เสียดายเวทีสภาแค่สาดไฟใส่กัน
สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาที่ผ่านมา นายธนิตกล่าวว่า น่าเสียดายที่เวทีรัฐสภาไม่สามารถหาแนวทางแก้ไขปัญหาอะไร
ได้เลย นอกเหนือไปจากการสาดไฟใส่กันไปมาให้ประชาชนดู ทั้งที่หากใช้เวทีนี้ร่วมกันแก้ไขก็น่าจะมีหนทางที่ดีกว่าได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาการเมืองปัจจุบันของไทยไม่ได้รับการแก้ไขมานาน จึงทำให้ปัญหาค่อนข้างบานปลายออก
ไปมาก ซึ่งหากปล่อยยืดเยื้อไว้ก็เกรงว่าจะยากเกินเยียวยาเช่นกัน
ยอมรับการเมืองไทยต้องหาทางลง
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานกล่าวว่า การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและการเมืองไทย ท้ายสุดแล้วจำ
เป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้าหากัน โดยจะต้องคงการปกป้องสถาบันและมองประโยชน์ชาติเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าปัญหาการเมืองนั้น
หากทุกฝ่ายพร้อมร่วมมือกันมองว่ายังมีโอกาสที่จะคลี่คลายได้
ต่างชาติมั่นใจมาลงทุน
นายนายเดอร์ จี ฟอน เดอลูช ประธานหอการค้าต่างประเทศในไทย กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้นักลงทุนต่าง
ประเทศมีความเชื่อมั่นไทย แม้จะไม่กลับมาได้ในทันที แต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่ารัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยเห็นว่า จากนี้ไป
รัฐบาลต้องดำเนินการที่จะแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสนับสนุนการค้า การลงทุนผ่านมาตรการต่างๆ ไม่เพียงการออกโรดโชว์ในต่างประเทศเท่านั้น
“หากเสื้อแดงยังจะมีการชุมนุมอีก ยอมรับว่ามีความกังวล แต่ถ้าเป็นการชุมนุมภายใต้กฎหมายในระบอบประชาธิปไตยก็ยอมรับได้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก ก็จะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนอีก ดังนั้น รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถดูแลการชุมนุมให้อยู่ในกรอบกฎหมายให้ได้”
หวัง2เดือนข้างหน้าไม่เกิดเหตุร้าย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เป็นสิ่งดีทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยหลังจากนี้ 1-2 เดือน จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์ประท้วงหรือ
เหตุการณ์ใดๆ อีก และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองและมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เม็ดเงินหายไปจากการท่องเที่ยว
ประมาณ 110,000 ล้านบาท และเมื่อยกเลิก พ.ร.ก. การท่องเที่ยวก็จะติดลบประมาณร้อยละ 10-20 เท่านั้น จากเดิมคาดว่าจะติดลบมากกว่าร้อยละ 30-40 ทำให้เม็ดเงินที่ไทยจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเหลือเพียง 50,000-70,000 ล้านบาท ดังนั้น หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ไม่มีสถานการณ์การเมืองหรือความรุนแรง และมีการโปรโมทท่องเที่ยวจริงจัง เชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจจะติดลบน้อยกว่าที่คาดไว้
ขณะที่นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานอาวุโสหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่ทำให้นักธุรกิจคลายความวิตกกังวลได้ เนื่องจาก
นักการเมืองยังคงเล่นเกมทางการเมืองในทางลับ อีกทั้ง รัฐบาลยังไม่สามารถประสานงานลดความขัดแย้ง ทำให้ภาพการเมืองที่สงบนิ่ง
เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สนับสนุนให้แก้ไขในบางมาตราเท่านั้น ขณะที่การนิรโทษกรรรมให้นักการเมือง ควรชะลอออกไป เพื่อลดปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมอีก
“วีรชัย”เยือนจีนดึงนักท่องเที่ยวกลับ
นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชื่อว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวน่าจะปรับตัวดีขึ้น
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปเยือนที่เมืองคุนหมิง ฉงชิง และเมืองอื่นๆรวม
5 เมืองร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการประชาสัมพันธ์และชี้แจงให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่คลี่
คลายและกลับมาปกติ
"ในช่วงที่ตนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุดของจีน ดังนั้น คงจะไม่สามารถ
เดินทางไปได้ครบทุกเมือง แต่จะมีการหารือ ทั้งเรื่องปัญหาการท่องเที่ยว รวมทั้งเรื่องการทำประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยว หากได้รับ
ผลกระทบจากการจลาจล เช่น จะดูแลนักท่องเที่ยวว่าได้รับบาดเจ็บ หรือผลกระทบด้านใดในลักษณะของการเยียวยา เป็นต้น "