ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเผย 6 เดือนแรก ปีงบประมาณ 52 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 5.59 แสนล้านบาท สาเหตุหลักจัดเก็บภาษีลดลง แต่รายจ่ายจากการเบิกงบ 9.71 แสนล้านบาท ส่งผลฐานะการเงินขาดดุลเงินสด 3.93 แสนล้านบาท เผยกู้เงินผ่านตั๋วเงิน 2.15 แสนล้าน ใช้เงินคงคลัง 1.78 แสนล้าน "สมชัย" โอ่ เช็คช่วยชาติ-เรียนฟรีหนุนเบิกจ่าย มี.ค.พุ่ง ยันขาดดุลชี้ให้เห็นผลงานการเร่งใช้งินกู้-เงินคงคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังแถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมีนาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 89,882 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณรวม 411,895 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 18,148 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 393,747 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง 215,530 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 178,217 ล้านบาท
"การที่รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 3.93 แสนล้านบาท สะท้อนบทบาทหลักของนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้" นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ เดือนมีนาคม 2552 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 105,463 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 9,641 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการจัดเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 195,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 70,198 ล้านบาท เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2552
"ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวที่สำคัญ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ หรือเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท และโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี" ผอ.สศค.ระบุและว่า การเบิกจ่ายในเดือนมีนาคมประกอบด้วยรายจ่ายประจำจำนวน 164,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.6 และรายจ่ายลงทุนจำนวน 14,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5
จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนมีนาคม 2552 ขาดดุล 89,882 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 4,380 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 94,262 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลด้วยการกู้เงินโดยออกพันธบัตร และตั๋วเงินคลัง จำนวน 87,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุลมีจำนวน 7,262 ล้านบาท
ส่วนรายได้นำส่งคลัง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 559,886 ล้านบาท ต่ำกว่า ช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 จำนวน 70,786 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน อากรขาเข้า ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลง รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลง ขณะที่การคืนภาษีของกรมสรรพากรเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง
ด้านรายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวน 971,781ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2552 จำนวน 176,300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 885,362 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 45.4 ของวงเงินงบประมาณ 1,951,700 ล้านบาท โดยรายจ่ายประจำเบิกจ่าย 757,228 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ร้อยละ 27.2 และรายจ่ายลงทุน 128,134 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ร้อยละ 2.6 และรายจ่ายปีงบประมาณก่อน 86,419 ล้านบาท.
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังแถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมีนาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 89,882 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณรวม 411,895 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 18,148 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 393,747 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง 215,530 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 178,217 ล้านบาท
"การที่รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 3.93 แสนล้านบาท สะท้อนบทบาทหลักของนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้" นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ เดือนมีนาคม 2552 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 105,463 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 9,641 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการจัดเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 195,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 70,198 ล้านบาท เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2552
"ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวที่สำคัญ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ หรือเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท และโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี" ผอ.สศค.ระบุและว่า การเบิกจ่ายในเดือนมีนาคมประกอบด้วยรายจ่ายประจำจำนวน 164,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.6 และรายจ่ายลงทุนจำนวน 14,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5
จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนมีนาคม 2552 ขาดดุล 89,882 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 4,380 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 94,262 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลด้วยการกู้เงินโดยออกพันธบัตร และตั๋วเงินคลัง จำนวน 87,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุลมีจำนวน 7,262 ล้านบาท
ส่วนรายได้นำส่งคลัง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 559,886 ล้านบาท ต่ำกว่า ช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 จำนวน 70,786 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน อากรขาเข้า ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลง รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลง ขณะที่การคืนภาษีของกรมสรรพากรเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง
ด้านรายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวน 971,781ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2552 จำนวน 176,300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 885,362 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 45.4 ของวงเงินงบประมาณ 1,951,700 ล้านบาท โดยรายจ่ายประจำเบิกจ่าย 757,228 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ร้อยละ 27.2 และรายจ่ายลงทุน 128,134 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ร้อยละ 2.6 และรายจ่ายปีงบประมาณก่อน 86,419 ล้านบาท.