xs
xsm
sm
md
lg

ปาฏิหาริย์สนธิรอดตาย!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ประเทศไทยและคนไทยกำลังตกอยู่ในชะตากรรมร้ายที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาพประหนึ่งเป็นมิคสัญญียุค ที่ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงแผ่ปกคลุมไปทั่วดินแดนแหลมทองแห่งนี้ ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สภาพที่บ้านเมืองไร้ขื่อแปปรากฏชัดขึ้นทุกที กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายดูเหมือนว่าได้กลายเป็นความว่างเปล่าที่ไม่ทันกาล ไม่มีผู้ใดเกรงกลัว และไร้ผลบังคับที่แท้จริง

กระบวนการยุติธรรมที่ยืดยาด ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ความเป็นนิติรัฐของประเทศพังพินาศอย่างย่อยยับ ที่ถึงวันนี้ก็หามีผู้ใดสำนึกรับผิดชอบหรือคิดอ่านแก้ไขแต่ประการใด

เหตุการณ์จลาจลที่พัทยาในการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นเหตุการณ์ขวัญผวาที่ปรากฏต่อสายตาของผู้นำชาติสมาชิก และบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เป็นข่าวคราวที่ครึกโครมไปทั่วโลกแล้ว

ความเชื่อมั่นของบรรดาชาติอาเชียนและบรรดาประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประเทศไทย ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำตาและต่อหน้าต่อตา ที่ไม่สามารถใช้ถ้อยคำหรือเหตุผลอื่นใดไปลบล้างได้อีก

ความพินาศจากการประชุมสุดยอดอาเซียนต้องล่มลงผ่านไปเพียงวันเดียว ก็เกิดเหตุจลาจลเพลิงขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเกิดความวุ่นวายขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน

สภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนได้ถูกถ่ายทอดเป็นข่าวสารออกไปทั่วโลก เห็นประจักษ์ชัดถึงสภาพที่ไร้ความปลอดภัยในบ้านเมืองของเรา และทำให้บรรดานักท่องเที่ยวทั่วโลกแม้กระทั่งนักลงทุนต้องขวัญหนีดีฝ่อ

รัฐบาลได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายพิเศษเข้าหยุดยั้งความรุนแรงอย่างได้ผล เรียกคะแนนกลับคืนมาได้บ้าง แต่ยังไม่สามารถชะล้างความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งต่อนานาชาติและต่อคนไทยทั้งประเทศ

ความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปรากฏชัดในเหตุการณ์ระงับความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จนเป็นที่กล่าวขานและสดุดีของชาวโลกและคนไทยทั้งประเทศ

ก่อสภาพการนำที่เข้มแข็งตามที่เรียกว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” ขึ้น โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และเอื้ออำนวยต่อการใช้ภาวะผู้นำที่เกิดขึ้นนั้นเข้าแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ลุล่วงไป

ในวันนี้สภาพความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังต้องบำเพ็ญบารมีธรรมต่อไป ในการแก้ไขปัญหาชาติที่กำลังเผชิญหน้าอยู่อย่างยากเข็ญ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง

ในวันนี้รัฐบาลตระหนักได้ดีแล้วว่า หากไม่แก้ไขปัญหาความมั่นคงก่อนก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องและเอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดซ้ำเติมขึ้นมาอีก! นั่นคือเหตุการณ์ลอบทำร้ายคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยใช้อาวุธสงครามนานาชนิดกระทำอย่างอุกอาจใจกลางพระนคร

และมีพฤติกรรมตระเตรียมการไว้ก่อนอย่างแยบคาย ไม่ว่าการเกาะติดเป้าหมายอย่างแม่นยำ และการเตรียมการทำลายพยานหลักฐานไว้ล่วงหน้า ดังที่ปรากฏข่าวว่ากล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุถึง 5 กล้องเสีย ใช้การไม่ได้มาล่วงหน้าแล้ว 1 วัน

เป็นข่าวสะเทือนขวัญทั่วทั้งประเทศและลุกลามไปถึงต่างประเทศ เพราะฐานะของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันนี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ภาคประชาชน ดังนั้นการเกิดเหตุร้ายแก่สนธิ ลิ้มทองกุล เช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณมิคสัญญียุคในประเทศไทยโดยแท้

เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ประกาศภาวะฉุกเฉินยังมีผลบังคับ ทุกสี่แยกของกรุงเทพฯ ยังมีกำลังทหารเฝ้ารักษาการณ์เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน แต่คนร้ายก็ฝ่าการดูแลรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นเข้ามาก่อเหตุได้อย่างน่าพิศวง

และหลังก่อเหตุแล้วก็หลบหนีลอยนวลอย่างน่าพิศวงอีก ความพิศวงเหล่านี้แท้จริงก็คือเบาะแสสำคัญที่อาจสาวลึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นยังไม่ทันข้ามวันเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์จึงขึ้นพาดหัวข่าวว่าตำรวจไล่ล่า 5 ทหารเลว ที่ก่อเหตุร้ายในครั้งนี้

การเปิดฉากถล่มด้วยอาวุธสงครามนานาชนิดเป็นเวลาร่วม 5 นาทีด้วยกระสุนปืนอาวุธสงครามร่วม 200 นัด และยังบวกด้วยระเบิดเอ็ม 79 อีกลูกหนึ่ง เป็นสภาพที่เห็นแล้วก็แทบไม่น่าเชื่อได้ว่าเหยื่อสังหารคราวนี้จะรอดตาย

แต่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ กระสุนปืน อาวุธสงครามนัดที่โดนไหล่และหน้าอกไม่ระคายผิว ในขณะที่อีกนัดหนึ่งเฉี่ยวถูกบริเวณขมับ กระแทกจนกะโหลกศีรษะแตกไปกระทบเอาเนื้อเยื่อบางส่วนของสมอง แต่ไม่ใช่จุดสำคัญ ใช้เวลาผ่าตัดเพียง 2 ชั่วโมง ก็อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย

เป็นปาฏิหาริย์ที่เรียกได้ว่า “พระคุ้มครอง” โดยแท้ และเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้ผู้สนใจข่าวสารทั่วโลกต้องตกตะลึงงัน แต่นั่นย่อมเป็นเรื่องปกติที่อาจบังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เพราะแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง และปกป้องคนดีของบ้านเมืองให้รอดปลอดภัยเสมอ

หลังเกิดเหตุขึ้นแล้ว บรรดาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศและทั่วโลกพากันตกใจและเกาะกลุ่มติดต่อสื่อสารถึงกันอย่างรวดเร็วในพริบตา

แม้กระทั่งหลวงตาพระมหาบัวที่ได้ทราบข่าวตั้งแต่เวลาเช้าแล้ว ได้พูดกับศิษย์ที่เข้าไปรายงานข่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า สนธิไม่เป็นไรหรอก ไม่กี่วันก็หาย ยิ่งกว่าการนั่งอยู่ต่อหน้าสภาพคนที่ถูกยิง และกำลังถูกนำไปสู่ห้องผ่าตัดเสียอีก

สภาพทั้งหลายดังที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ใครมีความสุขกายสุขใจบ้างเล่า? ไม่มีเลย มีแต่คนที่วิตกกังวลทุกข์ร้อนด้วยกันทั้งนั้น

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และบรรดารัฐมนตรีทั้งหลาย ก็มีความร้อนอกร้อนใจ มีความทุกข์ในการทำหน้าที่เป็นอันมาก กระทั่งความปลอดภัยก็ยังต้องระมัดระวังภัยกันอย่างรัดกุม

คุณทักษิณ ชินวัตร และบรรดาญาติพี่น้องก็มีความร้อนอกร้อนใจและเดือดร้อนเป็นอันมาก ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ และยังไม่รู้ว่าจะต้องเดือดร้อนไปถึงเมื่อใด และยังต้องระวังภัยกันแจเหมือนกัน

คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ตลอดจนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มีความเดือดร้อนใจและต้องระวังภัยกันทุกฝีก้าว

ส่วนประชาชนไม่ว่าคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือเสื้อสีน้ำเงินหรือเสื้อสีไหนๆ แม้กระทั่งนักธุรกิจพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายก็มีความเดือดเนื้อร้อนใจในการประกอบอาชีพ เพราะค้าขายไม่ได้ดังแต่ก่อน

ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ว่าทั้งบรรพชิตและฆราวาสก็ล้วนเป็นทุกข์ร้อนเหมือนกันหมด

สภาพเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และถ้าถามใจกันจริงๆ ก็ยากที่จะตอบได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมจึงต้องเป็นไปอย่างนี้ และจะป้องกันแก้ไขปัญหานี้อย่างไร คนจำนวนมากก็คงตอบไม่ได้

จะหวังพึ่งนักวิชาการก็ยากจะพึ่งได้ เพราะต่างก็มีค่ายสังกัดและออกความคิดความเห็นกันไปต่างๆ นานาจนหาความเชื่อถืออันใดไม่ได้อีกแล้ว

จะหวังพึ่งพระสงฆ์องค์เจ้าก็ว้าเหว่เต็มที เพราะเจ้ากูก็แบ่งกันเป็นฝักเป็นฝ่าย หรือไม่ก็ทำมาหากินในเชิงพุทธพาณิชย์ โดยไม่เคยคิดถึงสภาพบ้านเมืองว่าจะมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาของเพื่อนมนุษย์กันอย่างไร

ทั้งหมดนี่แหละคือสภาพที่เป็นอยู่ในบ้านเมืองของเราในวันนี้ อย่างนี้จึงต้องเรียกว่าเป็นชะตากรรมของคนในยุคเราท่าน ที่จะต้องตั้งสติให้มั่น และช่วยกันพยายามหาทางว่าจะทำอย่างไร จึงจะพาบ้านเมืองให้พ้นไปจากวิกฤต ที่กระทบถึงทุกผู้คนได้

ในวันนี้เมื่อยังคิดอะไรไม่ออกก็อยากจะบอกให้คิดกันดูว่าเริ่มต้นกันอย่างนี้ก่อนจะดีไหม? คือเลิกถือสีกันสักปีหนึ่ง คือคนไทยทุกคนเลิกสวมใส่เสื้อผ้าสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน หรือสีขาว

แล้วทำความคิด ทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นในตนว่าบรรดาคนที่ใส่เสื้อสีต่าง ๆ เหล่านี้ต่างก็เป็นคนไทยที่อยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกัน ที่ต้องทุกข์ สุข ร้อน หนาว ด้วยกันทั้งนั้น จากนั้นก็พากันนิ่งสักพักหนึ่ง อย่าไปเคลื่อนไหวอะไรในทางการเมือง ตั้งหน้าทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวกันอย่างเดียวก็พอจะเห็นว่าอาจทำให้บ้านเมืองสงบสุขลงไปได้พักหนึ่ง.
กำลังโหลดความคิดเห็น