xs
xsm
sm
md
lg

จิตตนาถแฉปมยิงสนธิž

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ในฐานะบุตรชายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวผ่านรายการพิเศษ ทางเอเอสทีวี ถึงเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามระดมยิงเข้าใส่รถยนต์นายสนธิ เมื่อเช้า วานนี้ (17 เม.ย.)จนนายสนธิได้รับบาดเจ็บว่า การที่ตำรวจตั้งประเด็นว่า เป็นเรื่องส่วนตัวกับเรื่องการเมืองนั้น ตนขอฟันธงว่าเป็นเรื่องการเมืองเพียงประเด็นเดียว เพราะเรื่องส่วนตัวนั้น นายสนธิไม่เคยบาดหมางกับใคร มีแต่ให้อภัยและช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา ส่วนเรื่องธุรกิจก็ไม่มี
ที่เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมืองนั้น เนื่องจากการมีชีวิตหรือเสียชีวิตของนายสนธิจะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียต่อคนบางกลุ่ม อย่างไรก็ตามในเวลานี้อาจจะยังระบุตัวผู้บงการไม่ได้ แต่เรามองได้ว่าหากนายสนธิเสียชีวิตใครจะได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งก็น่าจะเป็น 1.กลุ่มการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และ 2.กลุ่มการเมืองฝั่งที่มองว่านายสนธิเป็นก้างขวางคอเขา
นายจิตตนาถ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรกนั้นเพิ่งออกมาก่อความวุ่นวาย ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พวกเขาประกาศว่าจะทำให้เกิดสงครามประชาชน มีการยุยงให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้เกิดการประทะกันระหว่างกลุ่มประชาชนตลอดเวลา โดยที่รัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมดูแลได้จนอำนาจรัฐต้องหมดไป ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วหรือเจรจาต่อรองกันใหม่ นี่คือกลุ่มที่ 1 ซึ่งมีข่าววงในจากผู้หลักผู้ใหญ่ว่าในช่วงการปฏิบัติการของกลุ่มนี้ ให้ระมัดระวังตัว เพราะเขามีทีมล่าสังหาร มีการเตือนมาตลอด จนนายสนธิต้องเปลี่ยนที่นอนเกือบทุกคืน และเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางประจำ
โชคดีที่ช่วงที่เกิดจลาจล นายสนธิไม่โดนทำในตอนนั้น นายสนธิโชคดีที่บอกพี่น้องอย่างเด็ดขาดว่าไม่ต้องออกมา เพราะจะเป็นเครื่องมือเขา อย่าไปปะทะกับเขา ให้เขาจัดการกันเอง ซึ่งถ้าหลงกลออกไปก็จะล่อให้เสื้อเหลืองกับเสื้อแดงประทะกัน
นายจิตตนาถ กล่าวว่า ความปลอดภัยของนายสนธิ หรือแกนนำ หรือใครก็แล้วแต่ที่จุดชนวนความโกรธแค้นได้ เขาจะมุ่งไปตรงนั้น ซึ่งนายสนธิ เป็นเป้าใหญ่ เพราะมีคนชอบฟังพูดนายสนธิการเมืองมาก ซึ่งช่วงชุมนุมนายสนธิก็รอดมาได้ จนการประท้วงจบไปแล้ว แต่หลังจากนั้น คนกลุ่มนี้ก็ยังมีส่วน เพราะเขาประกาศว่าจะเล่นสงครามใต้ดิน ให้เกิดปัญหากับสวัสดิภาพของประชาชน และแกนนำมวลชน ให้มันเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก เขาจะพลิกจากสถานการณ์ที่เป็นรองแล้วโหมมวลชนขึ้นมาใหม่ ถ้ามวลชนพันธมิตรลุกขึ้นมาอีก ก็จะเกิดสงครามมวลชนระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ทหารก็จะออกมาปราบทั้ง 2 กลุ่ม ให้นองเลือดก็จะเหมือนพฤษภาทมิฬ ตามที่เขาต้องการ กลุ่มเสื้อแดงจากที่ตกเป็นรองก็ไม่เป็นรองแล้ว
นี่คือกลุ่มๆ หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าใคร แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ก็น่าจะโยงกับนักโทษชาย หรือว่าลูกสมุนทั้งหลายที่แฝงตัวอยู่ เพราะกลุ่มๆ นี้จะรู้จักกับนายทหารนอกราชการ นายทหารที่แตกแถวอย่างดี เป็นกลุ่มมือสังหาร ดูการลงมือ เป็นการลงมือของคนที่เทรน(ฝึก)มาอย่างดี อาวุธสงครามมีทั้งเอ็ม 16 อาก้า เอชเค. ซึ่งการยิงปืนพวกนี้ถ้าไม่ใช่มืออาชีพ ยิงสักพักกระสุนมันจะกระจาย คุมไม่อยู่ แต่เป้าจากรถที่เราเห็นกระสุนมันรวมกลุ่มกัน แล้วยังมีเอ็ม 79 อีก คือกะจะยิงให้ระเบิด เอาให้ยังไงก็ไม่รอด เพราะฉะนั้นมีกองกำลังที่เราทราบๆ กันอยู่ เทรนกัน หรือว่าอาจจะมีนายตำรวจฝักใฝ่ที่ไม่ดีหลายคน ก็ยังอยู่ในกลุ่มแก๊งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ กับทีมนี้
สำหรับกลุ่มที่ 2.ที่จะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มที่ใส่เกียร์ว่าง การเมืองไทย แบ่งเป็นหลายก๊ก ช่วงกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวจะมีทหารผู้ใหญ่บางคนที่มีอำนาจสั่งการได้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับรัฐมนตรีบางคน และรัฐสนตรก็อาจจะเป็นญาติพี่น้องกับตำรวจใหญ่บางคน ซึ่งเราก็จะเห็นว่า ในระหว่างที่เสื้อแดงเคลื่อนเขาให้ทหารและตำรวจใส่เกียร์ว่าง ก่อนที่จะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หน่วยบังคับบัญชาของเขาใสเกียร์ว่างหมด ไม่ว่าจะเป็นที่พัทยาหรือที่กรุงเทพใส่เกียร์ว่างหมด
ถามว่า ทำไมถึงใส่เกียร์ว่าง ข่าวที่ผมได้มาลึกๆ ก็คือว่า คนพวกนี้ร่วมมือกับนักการเมือง ที่เคยรับใช้นักโทษชายอยู่และไปจัดตั้งคนเสื้อนำเงิน ใช้มวลชนสีน้ำเงินออกหน้าแทน เพื่อที่จะเป็นชนวนให้เกิดการตีกันมาเล่นละครกัน หลังจากนั้นก็ไปแอบจับไม้จับมือกัน ขอโทษขอโพย มวลชนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยจริงๆ และรักสันติ แต่มันจะมีมวลชนประเภทจัดตั้ง มวลชนจัดตั้งทั้งเสื้อน้ำเงินเสื้อแดงมันเป็นแก๊งกวนเมืองเหมือนกันเพราะมันเคยทำงานด้วยกันมาก่อน
ก็เกิดกรณีที่ทหารใหญ่บางคนที่มีกุนซือเป็นรัฐมนตรีบางคนกดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เพราะว่า 1.คุณอภิสิทธิ์ไม่เหมือนผู้บังคับบัญชา หรือนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ คุณอภิสิทธิไม่ได้เอาใจ ไม่ได้พินอบพิเทา คือสั่งงานแบบการสั่งงานจริงๆ นายกฯ คนก่อนถ้าหารอยากได้งบก็เซ็นให้เลยเอาใจเป็นพิเศษไม่งั้นปฏิวัติ แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ทำอย่างนั้น นี่คือความไม่พอใจเรื่องนี้
นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สอง มีข่าวมาว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย ตำแหน่งไปอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไป แต่ไม่มีอำนาจ อาจต้องปลดนายตำรวจบางคน ที่เกี่ยวข้องกับ 7 ตุลา หรือเกี่ยวข้องการจัดซื้อบางอย่าง มันจึงเป็นสี่เหลือมอำนาจใหม่ คือ ทหาร รัฐมนตรี ตำรวจและนักการเมือง ขึ้นมา ตรงนี้กดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา เพราะว่า คีย์แมนคือนายทหารใหญ่ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ ตำรวจผู้น้องก็ยังอยู่ในตำแหน่งต่อจนเกษียณ เพราะฉะนั้นไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร ขั้วอำนาจที่สามารถใช้อำนาจได้โดยไม่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็อยู่ที่ 2 คนนี้ ทุกคนก็วิ่งหาเขา เขาก็สามารถวางรากฐานได้
ทั้งนี้ หากยุบสภา นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเสื้อน้ำเงินจะได้เปรียบ เพราะม็อบเสื้อแดงเสียงรังวัดไปมากจากการม็อบที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ยิ่งมีการดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาประชาชนรับไม่ได้ พอมีเสื้อน้ำเงินขึ้นมา เขาก็จะบอกว่าเขามาแทนที่ตรงนี้แล้ว พอมีการเลือกตั้ง พื้นที่อีสานพื้นที่เหนือก็เปลี่ยนจากแดงเป็นน้ำเงิน สปอนเซอร์ก็กล้าสนับสนุน เพราะว่าไม่ล้มเบื้องสูง มาสนับสนุนได้เต็มที่ เสื้อแดงจบไปแล้ว ผลที่ออกมาจะวินๆ ด้วยกันทั้งหมด ทั้งนักการเมือง รัฐมนตรี ตำรวจ ทหาร
โดยเฉพาะตำรวจทหารบางคนเกลียดคุณสนธิมาก เพราะคุณสนธิให้ความรู้กับคน ไปเปิดโปงความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ ไปเปิดโปงแผนของเขาทั้งหมด คนพวกนี้ก็โดนบล็อกไปทีละขั้นๆ แล้วก็อาจมีรองนายกฯ บางคนอาจมีความรู้สึกว่าพึ่งพากับคนพวกนี้ได้ พอคุณสนธิเริ่มไปเปิดโปง เริ่มไปอะไร บารมีของตัวเองก็เริ่มจะลดลง สรุปว่า เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณสนธิ กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ก็คือ 1.กลุ่มเสื้อแดง 2.กลุ่มสี่เหลี่ยมอำนาจใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น