xs
xsm
sm
md
lg

“จิตตนาถ”ฟันธงการเมืองบงการยิง “สนธิ”-เผยมีผู้ใหญ่เตือนต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
“จิตตนาถ”ฟันธง ปมลอบยิง “สนธิ”โยงการเมืองเรื่องเดียว เผยมีผู้ใหญ่เตือนตลอด จนต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน ระบุ 2 กลุ่มได้ประโยชน์ หากดับแกนนำพันธมิตรฯ ปลุกเสื้อเหลืองออกสู่ท้องถนนสำเร็จ กลุ่มแรกเสื้อแดงสบช่องก่อสงครามมวลชน เข้าทาง“นช.แม้ว” ขณะกลุ่มสี่เหลี่ยมอำนาจใหม่ “นักการเมือง-รมต.-ตำรวจ-ทหาร” ฉวยโอกาสปราบทั้งเหลือง-แดง ดันเสื้อนำเงินครองประเทศ แฉ ตร.ทหารปล่อยเกียร์ว่างที่พัทยา-กทม. แผนบีบ “มาร์ค”ยุบสภา


 
 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ 

เมื่อเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 17 เม.ย. นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ในฐานะบุตรชายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษทางเอเอสทีวี ถึงเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามระดมยิงเข้าใส่รถยนต์นายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อเช้าวันเดียวกันจนนายสนธิพร้อมคนขับรถและการ์ดได้รับบาดเจ็บ โดยมีนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป้นผู้สัมภาษณ์

นายจิตตนาถได้ตำหนิการนำเสนอของของช่อง 11 ว่า ค่อนข้างจะไม่เหมาะสม เพราะมีการแสดงแผนที่เส้นทางการเดินทางมาทำงานของนายสนธิด้วย และยังเสนอข่าวที่ไม่มีมูลความจริงว่า มีผู้หญิงนั่งมาในรถด้วย ซึ่งคนที่เสนอข่าวแบบนี้ถือว่าเป้นพวกแอบแฝงและนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้สั่งสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

นายจิตตนาถกล่าวถึงความรู้สึกเมื่อแรกเห็นสภาพของนายสนธิขณะถูกหามลงจากรถพยาบาลว่ารู้สึกช็อก เพราะไม่เคยเห็นนายสนธิในสภาพเช่นนี้มาก่อน อย่างมากก็เห้นแต่ไม่สบาย แต่วันนี้เห็นมีรอยแผลเต็มไปหมด และอาการค่อนข้างหนัก อย่างไรก็ตามถือว่าอาการของนายสนธินั้นปลอดภัยแล้ว

ทั้งนี้ ถือว่านายสนธิเฉียดตายจาดเหตุการณ์ครั้งนี้จริงๆ เพราะกระสุนถากที่หน้าผากใกล้ขมับขวายาว 3 เซ็นติเมตร ซึ่งถ้าวิถีกระสุนถัดเข้ามาข้างในสัก 1 เซ็นติเมตร หรือต่ำลงมาอีกเล็กน้อย กระสุนก็จะเจาะเข้าสมอง นอกจากนี้ยังมีกระสุนอีก 1 นัด ที่ถูกบริเวณหน้าอกด้านซ้ายเป็นรอยไหม้ ซึ่งถ้ากระสุนไม่ผ่านเบาะก่อนแล้วทะลุเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น

สำหรับนายอุลย์ แดงประดับ คนขับรถอาการหนักและหน้าเป้นห่วง เพราะถูกยิงที่ศีรษะ แขน หน้าอก และหลัง มีกระสุนฝังติดในสมองต้องรอการผ่าตัด มีอาการกระดูกแตกที่แขนและที่ชายโครง ส่วนนายวายุภักษ์ มังคละสินธุ์ การ์ดผู้ติดตามนายสนธิ โดนสะเก็ดที่แขน ซึ่งนายวายุภักษ์นั้น นั่งอยู่ด้านหน้านายสนธิ แต่กระสุนเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา

นายจิตตนาถ กล่าวว่า สำหรับประเด็นการลอบสังหารนั้น การที่ตำรวจตั้งประเด็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวกับเรื่องการเมืองนั้น ตนขอฟันธงว่าเป็นเรื่องการเมืองเพียงประเด็นเดียว เพราะเรื่องส่วนตัวนั้น นายสนธิไม่เคยบาดหมางกับใคร มีแต่ให้อภัยและช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา ส่วนเรื่องธุรกิจก็ไม่มี

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า ที่เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมืองนั้น เนื่องจากการมีชีวิตหรือเสียชีวิตของนายสนธิจะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียต่อคนบางกลุ่ม อย่างไรก็ตามในเวลานี้อาจจะยังระบุตัวผู้บงการไม่ได้ แต่เรามองได้ว่าหากนายสนธิเสียชีวิตใครจะได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งก็น่าจะเป็น 1.กลุ่มการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และ 2.กลุ่มการเมืองฝั่งที่มองว่านายสนธิเป็นก้างขวางคอเขา

สำหรับกลุ่มแรกนั้นเพิ่งออกมาก่อความวุ่นวายในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พวกเขาประกาศว่าจะทำให้เกิดสงครามประชาชน มีการยุยงให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้เกิดการประทะกันระหว่างกลุ่มประชาชนตลอดเวลา โดยที่รัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมดูแลได้จนอำนาจรัฐต้องหมดไป ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วหรือเจรจาต่อรองกันใหม่ นี่คือกลุ่มที่ 1 ซึ่งมีข่าววงในจากผู้หลักผู้ใหญ่ว่าในช่วงการปฏิบัติการของกลุ่มนี้ ให้ระมัดระวังตัว เพราะเขามีทีมล่าสังหาร มีการเตือนมาตลอด จนนายสนธิต้องเปลี่ยนที่นอนเกือบทุกคืน และเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางประจำ

โชคดีที่ช่วงที่เกิดจลาจล นายสนธิไม่โดนทำในตอนนั้น นายสนธิโชคดีที่บอกพี่น้องอย่างเด็ดขาดว่าไม่ต้องออกมา เพราะจะเป็นเครื่องมือเขา อย่าไปปะทะกับเขา ให้เขาจัดการกันเอง ซึ่งถ้าหลงกลออกไปก็จะล่อให้เสื้อเหลืองกับเสื้อแดงประทะกัน

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า ความปลอดภัยของนายสนธิ หรือแกนนำหรือใครก็แล้วแต่ที่จุดชนวนความโกรธแค้นได้ เขาจะมุ่งไปตรงนั้น ซึ่งนายสนธิ เป็นเป้าใหญ่ เพราะมีคนชอบฟังพูดนายสนธิการเมืองมาก ซึ่งช่วงชุมนุมนายสนธิก็รอดมาได้ จนการประท้วงจบไปแล้ว แต่หลังจากนั้น คนกลุ่มนี้ก็ยังมีส่วน เพราะเขาประกาศว่าจะเล่นสงครามใต้ดิน ให้เกิดปัญหากับสวัสดิภาพของประชาชน และแกนนำมวลชน ให้มันเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก เขาจะพลิกจากสถานการณ์ที่เป็นรองแล้วโหมมวลชนขึ้นมาใหม่ ถ้ามวลชนพันธมิตรลุกขึ้นมาอีก ก็จะเกิดสงครามมวลชนระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ทหารก็จะออกมาปราบทั้ง 2 กลุ่ม ให้นองเลือดก็จะเหมือนพฤษภาทมิฬ ตามที่เขาต้องการ กลุ่มเสื้อแดงจากที่ตกเป็นรองก็ไม่เป็นรองแล้ว

“นี่คือกลุ่มๆ หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าใคร แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ก็น่าจะโยงกับนักโทษชาย หรือว่าลูกสมุนทั้งหลายที่แฝงตัวอยู่ เพราะกลุ่มๆ นี้จะรู้จักกับนายทหารนอกราชการ นายทหารที่แตกแถวอย่างดี เป็นกลุ่มมือสังหาร ดูการลงมือ เป็นการลงมือของคนที่เทรน(ฝึก)มาอย่างดี อาวุธสงครามมีทั้งเอ็ม 16 อาก้า เอชเค. ซึ่งการยิงปืนพวกนี้ถ้าไม่ใช่มืออาชีพ ยิงสักพักกระสุนมันจะกระจาย คุมไม่อยู่ แต่เป้าจากรถที่เราเห็นกระสุนมันรวมกลุ่มกัน แล้วยังมีเอ็ม 79 อีก คือกะจะยิงให้ระเบิด เอาให้ยังไงก็ไม่รอด เพราะฉะนั้นมีกองกำลังที่เราทราบๆ กันอยู่ เทรนกัน หรือว่าอาจจะมีนายตำรวจฝักใฝ่ที่ไม่ดีหลายคน ก็ยังอยู่ในกลุ่มแก๊งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ กับทีมนี้”

นายจิตตนาถ มองว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีการเตรียมตัวกันมาอย่างดี เช่น กล้องวงจรปิด มันมาเสียก่อนเกิดเหตุ 1 วัน เพราะฉะนั้นมันสามารถเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มมีส่วน

สำหรับกลุ่มที่ 2.ที่จะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มที่ใส่เกียร์ว่าง การเมืองไทยแบ่งเป็นหลายก๊ก ช่วงกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวจะมีทหารผู้ใหญ่บางคนที่มีอำนาจสั่งการได้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับรัฐมนตรีบางคน และรัฐสนตรก็อาจจะเป็นญาติพี่น้องกับตำรวจใหญ่บางคน ซึ่งเราก็จะเห็นว่า ในระหว่างที่เสื้อแดงเคลื่อนเขาให้ทหารและตำรวจใส่เกียร์ว่าง ก่อนที่จะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หน่วยบังคับบัญชาของเขาใสเกียร์ว่างหมด ไม่ว่าจะเป็นที่พัทยาหรือที่กรุงเทพใส่เกียร์ว่างหมด

“ถามว่า ทำไมถึงใส่เกียร์ว่าง ข่าวที่ผมได้มาลึกๆ ก็คือว่า คนพวกนี้ร่วมมือกับนักการเมือง ที่เคยรับใช้นักโทษชายอยู่และไปจัดตั้งคนเสื้อนำเงิน ใช้มวลชนสีน้ำเงินออกหน้าแทน เพื่อที่จะเป็นชนวนให้เกิดการตีกันมาเล่นละครกัน หลังจากนั้นก็ไปแอบจับไม้จับมือกัน ขอโทษขอโพย มวลชนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยจริงๆ และรักสันติ แต่มันจะมีมวลชนประเภทจัดตั้ง มวลชนจัดตั้งทั้งเสื้อน้ำเงินเสื้อแดงมันเป็นแก๊งกวนเมืองเหมือนกันเพราะมันเคยทำงานด้วยกันมาก่อน

“ก็เกิดกรณีที่ทหารใหญ่บางคนที่มีกุนซือเป็นรัฐมนตรีบางคนกดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เพราะว่า 1.คุณอภิสิทธิ์ไม่เหมือนผู้บังคับบัญชา หรือนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ คุณอภิสิทธิไม่ได้เอาใจ ไม่ได้พินอบพิเทา คือสั่งงานแบบการสั่งงานจริงๆ นายกฯ คนก่อนถ้าหารอยากได้งบก็เซ็นให้เลยเอาใจเป็นพิเศษไม่งั้นปฏิวัติ แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ทำอย่างนั้น นี่คือความไม่พอใจเรื่องนี้”

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สอง มีข่าวมาว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งไปอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไป แต่ไม่มีอำนาจ อาจต้องปลดนายตำรวจบางคนที่เกี่ยวข้องกับ 7 ตุลา หรือเกี่ยวข้องการจัดซื้อบางอย่าง มันจึงเป็นสี่เหลือมอำนาจใหม่ คือ ทหาร รัฐมนตรี ตำรวจและนักการเมือง ขึ้นมา ตรงนี้กดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา เพราะว่า คีย์แมนคือนายทหารใหญ่ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ ตำรวจผู้น้องก็ยังอยู่ในตำแหน่งต่อจนเกษียณ เพราะฉะนั้นไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร ขั้วอำนาจที่สามารถใช้อำนาจได้โดยไม่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็อยู่ที่ 2 คนนี้ ทุกคนก็วิ่งหาเขา เขาก็สามารถวางรากฐานได้

ทั้งนี้ หากยุบสภา นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเสื้อน้ำเงินจะได้เปรียบ เพราะม็อบเสื้อแดงเสียงรังวัดไปมากจากการม็อบที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ยิ่งมีการดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาประชาชนรับไม่ได้ พอมีเสื้อน้ำเงินขึ้นมา เขาก็จะบอกว่าเขามาแทนที่ตรงนี้แล้ว พอมีการเลือกตั้ง พื้นที่อีสานพื้นที่เหนือก็เปลี่ยนจากแดงเป็นน้ำเงิน สปอนเซอร์ก็กล้าสนับสนุน เพราะว่าไม่ล้มเบื้องสูง มาสนับสนุนได้เต็มที่ เสื้อแดงจบไปแล้ว ผลที่ออกมาจะวินๆ ด้วยกันทั้งหมด ทั้งนักการเมือง รัฐมนตรี ตำรวจ ทหาร

“โดยเฉพาะตำรวจทหารบางคนเกลียดคุณสนธิมาก เพราะคุณสนธิให้ความรู้กับคน ไปเปิดโปงความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ ไปเปิดโปงแผนของเขาทั้งหมด คนพวกนี้ก็โดนบล็อกไปทีละขั้นๆ แล้วก็อาจมีรองนายกฯ บางคนอาจมีความรู้สึกว่าพึ่งพากับคนพวกนี้ได้ พอคุณสนธิเริ่มไปเปิดโปง เริ่มไปอะไร บารมีของตัวเองก็เริ่มจะลดลง สรุปว่า เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณสนธิ กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ก็คือ 1.กลุ่มเสื้อแดง 2.กลุ่มสี่เหลี่ยมอำนาจใหม่”

นายจิตตนาถกล่าวต่อว่า มีผู้ใหญ่มาเตือนนายสนธิเรื่องจะโดนลอบสังหารบ่อยมาก จนต้องมีการเปลี่ยนที่นอนทุกวัน อย่างไรก็ตาม แม้ล่าสุดจะถูกลอบยิงนายสนธิยังคงยืนยันว่า จะมาจัดรายการ Good Morning Thailand ทางเอเอสทีวีทุกเช้า เพราะนายสนธิพูดเสมอว่าหน้าที่ของสื่อต้องมีความซื่อสัตย์ เสียสละ และกล้าหาญ การทำหน้าที่ในสถานการณ์แบบนี้คือความเสียสละและกล้าหาญ นายสนธิจึงต้องเตือนอยู่เสมอว่าพี่น้องเสื้อเหลืองอย่าแตกแถว ต้องอดทน และวิเคราะห์กระชากหน้ากากพวกใส่เกียร์ว่างทั้งหลาย ซึ่งความเห็นของนายสนธิก็มีผลหลายเรื่อง เห็นได้ชัดจากการทำงานของนายกฯ ซึ่งนายอภิสิทธิ์อาจมีวิจารณญาณของตัวเอง แต่หลายอย่างก็ตรงกับทนายสนธิ นี่คือเหตุผลว่าทำไมนายสนธิไม่หยุด เพราะเป็นหน้าที่ เป็นจิตสำนึกที่ต้องทำ

นายจิตตนาถ กล่าวอีกว่า นอกจากนายสนธิแล้ว แกนนำพันธมิตรฯ อีก 4 คน ก็ตกเป็นเป้าหมด ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นายกกษิต ภิรมย์ เป็นเป้าทั้งนั้น อะไรที่ปลุกระดมคนได้ คนที่ไม่เป็นเป้าคือพวกเกียร์ว่างเท่านั้น เพราะไม่มีใครห่วง

ทั้งนี้เอเอสทีวีจะอยู่ต่อไปหรือไม่หากไม่มีนายสนธินั้น นายจิตตนาถกล่าวว่า ถ้าเรามีสื่อทุกสื่อตื่นขึ้นมาหมด มาทำหน้าที่ให้แสงสว่างกับสังคมด้วยควากล้าหาญ จะมีหรือไม่มีเอเอสทีวีก็ได้ แต่ถ้าทุกคนมีจิตใจแบบนี้ แม้ไม่มีนายสนธิ ตนก็ยังบริหารแบบนี้อยู่ เราจะไม่เหมือนสื่อบางช่องอย่างทีวีไทย ที่กลายเป็นทีวีเอ็นจีโอ พวกริบบิ้นขาว หรือเป็นเสื้อแดงจอมปลอม เสื้อแดงทำรุนแรง ประกาศจะเล่นเกมใต้ดิน ก็ไม่เห็นพูด

นอกจากนี้ นายจิตตนาถยืนยันว่า หากไม่มีนายสนธิ คนเสื้อเหลืองก็ยังคงมีอยู่ต่อไป เพราะนายสนธิได้สร้างเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ถ้าตาย 1 ก็จะเกิด 100 ตาย 100 ก็เกิด 10,000 ตนก็ยังสืบทอดปณิธานตรงนี้อยู่ คนตัวเล็กๆ หลายคน ก็สามารถรวมพลังกันได้ เพราะเครือข่ายทั้งหลายมันจุดติดแล้ว

นายช่วงท้ายนายจิตตนาถ กล่าวถึงเครื่องรางที่นายสนธิห้อยคอขณะเกิดเหตุว่า เป็นเหรียญจตุคามรามเทพ รุ่นยามเฝ้าแผ่นดินที่ห้อยอยู่ประจำ โดยการ์ดก็ห้อยจตุคามด้วย อย่างไรก็ตาม การรอดชีวิตครั้งนี้ คิดว่าเหนือสิ่งอื่นใด คือความดีที่ทำไว้นั่นเองที่มาคุ้มครอง ซึ่งการทำดีแล้วพระคุ้มครองนั้น เป็นเรื่องประเสริฐ แต่คนดีที่จากไป เช่น น้องโบว์ ไมได้แปลว่า พระไม่คุ้มครอง แต่การทำดีด้วยการเสี่ยงที่จะเกิดความสูญเสียนั้น เป็นบททดสอบในศรัทธาว่าเราเชื่อในสิ่งที่ทำมากน้อยเพียงใด

นายจิตตนาถได้กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใยที่ใมีให้กับนายสนธิและครอบครัว และขอให้พี่น้องสันติอย่าตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพราะเรายังยึดหลักในแนวทางอหิงสา



กำลังโหลดความคิดเห็น