ที่ห้องอิศรา อมันตกุล สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วานนี้ (16 เม.ย.) มีการประชุมร่วมกันของหลายองค์กรทั้งจากภาคธุรกิจ ภาควิชาการและภาคประชาชน เพื่อหาทางออกให้กับประเทศภายหลังการสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีความรุนแรงในรอบปีที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้มีมติให้มีการร่วมกันรณรงค์ในชื่อ โครงการ หยุดทำร้ายประเทศไทย
นาย ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาคมนักข่าวฯ ผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจจากสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม ผู้แทนภาควิชาการ ผู้แทนภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสื่อวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม 13 องค์กร เพราะทุกฝ่ายเห็นว่าความขัดแย้งในช่วงปีที่ผ่านมาระหว่างคนเสื้อสีต่างๆ ก่อให้เกิดความเสียหายและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก ถ้าปล่อยให้ความรุนแรงอยู่ก็อาจจะเกิดสงครามกลางเมืองได้
ดังนั้นตัวแทนองค์กรต่างๆ จึงก่อตั้งเครือข่าย หยุดทำร้ายประเทศไทย เพื่อให้ทุกฝ่ายหยุดการใช้ความรุนแรง และเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศที่เห็นพ้องร่วมกันเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่าคู่ที่กำลังขัดแย้งนั้นสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงทั้งจากรัฐและภาคประชาชน และการเคารพสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสังคมไทย
อยากเชิญชวนทุกส่วนร่วมรณรงค์โดยร่วมแสดงออกดังต่อไปนี้ 1.อยากเชิญทุกองค์กรปักธงชาติหน้าบริษัท ห้างร้าน และหน้าบ้านเพื่อแสดงการรักชาติ และอาจจะมีป้ายหยุดทำร้ายประเทศไทยด้วยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเรียกร้องต่อทุกฝ่ายต้องตระหนักว่าเราทั้งหลายไม่ว่าอยู่ฝ่ายใด ล้วนแต่เป็นคนไทยและอยู่ฝ่ายเดียวกันคือฝ่ายประเทศไทย
2. และในวันที่ 4 พ.ค. นี้ อยากให้บุคลากรขององค์กรต่างๆ ออกมาชุมนุม โดยสงบหน้าองค์กรและถือธงชาติในเวลา 08.00-09.30 น. เพื่อแสดงพลังด้านบวก 3.ขอให้สื่อมวลชนทั้งหมดช่วยกันเชิญชวนคนไทยที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ร่วมกันรณรงค์อย่างพร้อมเพรียงกัน และ4.อยากให้จัดกิจกรรมตามความสามารถของตัวเอง
นายประสงค์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยมีความเห็นแตกต่างกันได้แต่ต้อง ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งองค์กรใดเข้าร่วมเครือข่ายและกิจกรรมติดต่อได้ที่สมาคมนักข่าว โทรศัพท์สอบถามได้ที่ 02-6689422 โทรสาร 02-6687505
นายปริญญา เทวนฤมิตรกุล ตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง กล่าวว่า ในเรื่องของการใช้สัญลักษณ์ธงชาติเพื่อเป็นการขอร้องทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายใด เพราะเราคือฝ่ายประเทศไทยและฝ่ายสังคมไทยเดียวกัน ถ้าเราแพ้ก็แพ้กันหมด ถ้าชนะก็ชนะกันหมด เราต้องแก้ปัญหาด้วยการไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งพลังที่ไม่สามารถแสดงออกมาสามารถใช้ธงชาติแสดงออกถึงความเป็นคนไทย เพื่อให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันแสดงออกว่าเราอยากจะให้ไม่เกิดความรุนแรงมากไปกว่านี้ ถ้าหากว่าทุกคนสามารถร่วมกันแสดงออกมาได้จะเกิดพลังในการแก้ปัญหาโดยไม่เกิดความรุนแรง นี่คือประเทศไทยของเราและทุกคนจะยุติความรุนแรงได้และจะเกิดการแก้ปัญหาระยะยาวได้โดยไม่เกิดความรุนแรง
ส่วน นายวิจัย อัมราลิขิต นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาล กล่าวว่า ท้องถิ่นมีความมุ่งมั่นที่จะให้สังคมไทยมีความสงบ และมีความพร้อมในการร่วมรณรงค์ เรามีความพร้อมและจะประชาสัมพันธ์ให้พวกเรามีความสมานฉันท์ในชาติและเพื่อเศรษฐกิจที่ดี ขณะที่นาย นภดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคมอบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอความร่วมมือจากท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่จะยุติความรุนแรงด้วยการเข้าโครงการนี้
ด้าน ศ.นพ. ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการม.จุฬา ฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฝ่ายวิชาการมีปณิธานร่วมกันว่าอยากเป็นกลไกหนึ่งที่อยากให้คนไทยสามัคคี ไว้เนื่องเชื่อใจกัน เพื่อให้เกิดความปรองดองต่อไป เพราะการศึกษาจะเป็นส่วนที่ให้สติและปัญญากับสังคมไทย ดังนั้นในเรื่องของความรุนแรงจำเป็นต้องให้ปัญญาเพราะประชาชนถูกบังคับให้มีการแบ่งข้างแบ่งสี อยากจะบอกว่าตรงนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการ เพราะเราคนไทยเราไม่ใช่คนสีไหนทั้งสิ้น
นายชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ ตัวแทนจากสถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม กล่าวว่า เครือข่ายนี้เป็นความหวังที่สำคัญของประเทศชาติ เพราะเราได้ผ่านความรู้สึก หวั่นไหว สิ้นหวังในระยะที่ผ่านมา ตนคิดว่าเราเริ่มเห็นแสงของความหวัง ความดีความงามที่เป็นธาติแท้เรืองรองที่ขอบฟ้า ถ้าทุกคนมาร่วมโครงการนี้และดึงพลังคนไทยออกมา แสงสว่างจะฉายออกมาในแผ่นดิน เพราะมีคนไทยหลายล้านคน ที่นึกถึงสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างมา แต่ไม่มีโอกาสร่วมคิดร่วมทำ โครงการนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นการสร้างสรรค์ และเพื่อเตือนสติทุกคนว่าเราได้ทำอะไรผิดพลาดและสร้างปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ และตนมั่นใจว่าถ้าเปลี่ยนให้เขาเกิดสติ เกิดสัมปชัญญะ และเกิดปัญญาประสานกัน ตนมั่นใจว่าโครงการนี้จะนำไปสู่ความดีงามที่เราใฝ่ฝันมานานแล้ว
นาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ขอเชิญคนไทยที่มีสีธงชาติเป็นสีหลักของทุกคนมาร่วมกันแสดงออกซึ่ง การรณรงรงค์ครั้งนี้ว่าไม่ว่าฝ่ายใดทั้งสิ้น เพราะปีที่ผ่านมาเราเสียเวลา เสียเงินเสียกำลังใจไปมากจากความขัดแย้งที่รุนแรง ทั้งทางกายและวาจา ที่มาจากจิตใจที่รุนแรง ของคนจำนวนหนึ่ง ถ้าคนไทยทั้งหลายเห็นว่าเมืองไทยควรจะเดินหน้าต่อไปด้วยความสามัคคี ด้วยความเป็นคนชาติเดียวกัน เพื่อให้ความมั่นใจกับคนทั้งโลกที่รู้สึกไม่ดีมากๆกับประเทศไทย ขอเชิญชวนพลังเงียบอย่างอมืองอเท้า ช่วยกันออกมาแสดงด้วยการปักธงชาติหน้าบ้านหรือทำป่าย “หยุดทำลายชาติ” ไว้หน้าที่ทำงานของตัวเอง
ขอเชิญออกมาแสดงพลังในวันที่ 4 พ.ค. เวลา 08.00-09.30 น. เพื่อจะได้เป็นข่าวว่าเราไม่ยอมรับที่จะเป็นตัวประกันของเสื้อสีใดใดทั้งสิ้น เราเห็นความแตกต่างได้แต่ไม่รุนแรง ส่วนที่เลือกวันที่ 4พ.ค. เพราะวันที่ 1 พ.ค.เป็นวันแรงงาน วันที่ 11 พ.ค. เป็นวันพืชมงคล เป็นวันของเกษตรกร วันที่ 8 พ.ค. เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งเกี่ยวกับศาสนา และวันที่ 5 พ.ค.เป็นวันฉัตรมงคล ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเถลิงถวัลราชสมบัติฉะนั้นตลอดสัปดาห์นั้นจะเป็นวันที่รวมทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงอยากให้เป็นการแสดงพลังของคนไทยทั้งชาติว่าให้หยุดทำร้ายประเทศไทย อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อจะบอกคนที่คิดจะทำอะไรรุนแรงว่าไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการ
นาย ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาคมนักข่าวฯ ผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจจากสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม ผู้แทนภาควิชาการ ผู้แทนภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสื่อวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม 13 องค์กร เพราะทุกฝ่ายเห็นว่าความขัดแย้งในช่วงปีที่ผ่านมาระหว่างคนเสื้อสีต่างๆ ก่อให้เกิดความเสียหายและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก ถ้าปล่อยให้ความรุนแรงอยู่ก็อาจจะเกิดสงครามกลางเมืองได้
ดังนั้นตัวแทนองค์กรต่างๆ จึงก่อตั้งเครือข่าย หยุดทำร้ายประเทศไทย เพื่อให้ทุกฝ่ายหยุดการใช้ความรุนแรง และเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศที่เห็นพ้องร่วมกันเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่าคู่ที่กำลังขัดแย้งนั้นสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงทั้งจากรัฐและภาคประชาชน และการเคารพสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสังคมไทย
อยากเชิญชวนทุกส่วนร่วมรณรงค์โดยร่วมแสดงออกดังต่อไปนี้ 1.อยากเชิญทุกองค์กรปักธงชาติหน้าบริษัท ห้างร้าน และหน้าบ้านเพื่อแสดงการรักชาติ และอาจจะมีป้ายหยุดทำร้ายประเทศไทยด้วยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเรียกร้องต่อทุกฝ่ายต้องตระหนักว่าเราทั้งหลายไม่ว่าอยู่ฝ่ายใด ล้วนแต่เป็นคนไทยและอยู่ฝ่ายเดียวกันคือฝ่ายประเทศไทย
2. และในวันที่ 4 พ.ค. นี้ อยากให้บุคลากรขององค์กรต่างๆ ออกมาชุมนุม โดยสงบหน้าองค์กรและถือธงชาติในเวลา 08.00-09.30 น. เพื่อแสดงพลังด้านบวก 3.ขอให้สื่อมวลชนทั้งหมดช่วยกันเชิญชวนคนไทยที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ร่วมกันรณรงค์อย่างพร้อมเพรียงกัน และ4.อยากให้จัดกิจกรรมตามความสามารถของตัวเอง
นายประสงค์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยมีความเห็นแตกต่างกันได้แต่ต้อง ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งองค์กรใดเข้าร่วมเครือข่ายและกิจกรรมติดต่อได้ที่สมาคมนักข่าว โทรศัพท์สอบถามได้ที่ 02-6689422 โทรสาร 02-6687505
นายปริญญา เทวนฤมิตรกุล ตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง กล่าวว่า ในเรื่องของการใช้สัญลักษณ์ธงชาติเพื่อเป็นการขอร้องทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายใด เพราะเราคือฝ่ายประเทศไทยและฝ่ายสังคมไทยเดียวกัน ถ้าเราแพ้ก็แพ้กันหมด ถ้าชนะก็ชนะกันหมด เราต้องแก้ปัญหาด้วยการไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งพลังที่ไม่สามารถแสดงออกมาสามารถใช้ธงชาติแสดงออกถึงความเป็นคนไทย เพื่อให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันแสดงออกว่าเราอยากจะให้ไม่เกิดความรุนแรงมากไปกว่านี้ ถ้าหากว่าทุกคนสามารถร่วมกันแสดงออกมาได้จะเกิดพลังในการแก้ปัญหาโดยไม่เกิดความรุนแรง นี่คือประเทศไทยของเราและทุกคนจะยุติความรุนแรงได้และจะเกิดการแก้ปัญหาระยะยาวได้โดยไม่เกิดความรุนแรง
ส่วน นายวิจัย อัมราลิขิต นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาล กล่าวว่า ท้องถิ่นมีความมุ่งมั่นที่จะให้สังคมไทยมีความสงบ และมีความพร้อมในการร่วมรณรงค์ เรามีความพร้อมและจะประชาสัมพันธ์ให้พวกเรามีความสมานฉันท์ในชาติและเพื่อเศรษฐกิจที่ดี ขณะที่นาย นภดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคมอบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอความร่วมมือจากท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่จะยุติความรุนแรงด้วยการเข้าโครงการนี้
ด้าน ศ.นพ. ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการม.จุฬา ฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฝ่ายวิชาการมีปณิธานร่วมกันว่าอยากเป็นกลไกหนึ่งที่อยากให้คนไทยสามัคคี ไว้เนื่องเชื่อใจกัน เพื่อให้เกิดความปรองดองต่อไป เพราะการศึกษาจะเป็นส่วนที่ให้สติและปัญญากับสังคมไทย ดังนั้นในเรื่องของความรุนแรงจำเป็นต้องให้ปัญญาเพราะประชาชนถูกบังคับให้มีการแบ่งข้างแบ่งสี อยากจะบอกว่าตรงนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการ เพราะเราคนไทยเราไม่ใช่คนสีไหนทั้งสิ้น
นายชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ ตัวแทนจากสถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม กล่าวว่า เครือข่ายนี้เป็นความหวังที่สำคัญของประเทศชาติ เพราะเราได้ผ่านความรู้สึก หวั่นไหว สิ้นหวังในระยะที่ผ่านมา ตนคิดว่าเราเริ่มเห็นแสงของความหวัง ความดีความงามที่เป็นธาติแท้เรืองรองที่ขอบฟ้า ถ้าทุกคนมาร่วมโครงการนี้และดึงพลังคนไทยออกมา แสงสว่างจะฉายออกมาในแผ่นดิน เพราะมีคนไทยหลายล้านคน ที่นึกถึงสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างมา แต่ไม่มีโอกาสร่วมคิดร่วมทำ โครงการนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นการสร้างสรรค์ และเพื่อเตือนสติทุกคนว่าเราได้ทำอะไรผิดพลาดและสร้างปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ และตนมั่นใจว่าถ้าเปลี่ยนให้เขาเกิดสติ เกิดสัมปชัญญะ และเกิดปัญญาประสานกัน ตนมั่นใจว่าโครงการนี้จะนำไปสู่ความดีงามที่เราใฝ่ฝันมานานแล้ว
นาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ขอเชิญคนไทยที่มีสีธงชาติเป็นสีหลักของทุกคนมาร่วมกันแสดงออกซึ่ง การรณรงรงค์ครั้งนี้ว่าไม่ว่าฝ่ายใดทั้งสิ้น เพราะปีที่ผ่านมาเราเสียเวลา เสียเงินเสียกำลังใจไปมากจากความขัดแย้งที่รุนแรง ทั้งทางกายและวาจา ที่มาจากจิตใจที่รุนแรง ของคนจำนวนหนึ่ง ถ้าคนไทยทั้งหลายเห็นว่าเมืองไทยควรจะเดินหน้าต่อไปด้วยความสามัคคี ด้วยความเป็นคนชาติเดียวกัน เพื่อให้ความมั่นใจกับคนทั้งโลกที่รู้สึกไม่ดีมากๆกับประเทศไทย ขอเชิญชวนพลังเงียบอย่างอมืองอเท้า ช่วยกันออกมาแสดงด้วยการปักธงชาติหน้าบ้านหรือทำป่าย “หยุดทำลายชาติ” ไว้หน้าที่ทำงานของตัวเอง
ขอเชิญออกมาแสดงพลังในวันที่ 4 พ.ค. เวลา 08.00-09.30 น. เพื่อจะได้เป็นข่าวว่าเราไม่ยอมรับที่จะเป็นตัวประกันของเสื้อสีใดใดทั้งสิ้น เราเห็นความแตกต่างได้แต่ไม่รุนแรง ส่วนที่เลือกวันที่ 4พ.ค. เพราะวันที่ 1 พ.ค.เป็นวันแรงงาน วันที่ 11 พ.ค. เป็นวันพืชมงคล เป็นวันของเกษตรกร วันที่ 8 พ.ค. เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งเกี่ยวกับศาสนา และวันที่ 5 พ.ค.เป็นวันฉัตรมงคล ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเถลิงถวัลราชสมบัติฉะนั้นตลอดสัปดาห์นั้นจะเป็นวันที่รวมทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงอยากให้เป็นการแสดงพลังของคนไทยทั้งชาติว่าให้หยุดทำร้ายประเทศไทย อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อจะบอกคนที่คิดจะทำอะไรรุนแรงว่าไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการ