ASTVผู้จัดการรายวัน- “ชาญชัย”ปลื้มผลงาน 3 เดือนดึงเม็ดเงินลงทุนผ่านบีโอไอ 228 โครงการเม็ดเงิน 1.22 แสนล้านบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงหมื่นลบ.ดีเกินคาด มั่นใจไตรมาส 3-4 ดีขึ้นหลังคำสั่งซื้อเริ่มฟื้นตัวทั้งอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ อาหาร ขณะที่ภาคเอกชนกังวลการชุมนุมยืดเยื้อและรุนแรงจะกระทบกับการลงทุนในระยะยาวได้
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานที่สำคัญในรอบ 3 เดือน(ม.ค.-มี.ค.) ของกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า 3 เดือนที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับภาคเอกชนด้วยการจัดตั้ง”คลังสมองเพื่อชาติยุทธศาสตร์ภาครัฐและเอกชนเพื่อระดมสมองในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่อการผลิตและการลงทุน ส่งผลให้ภาวะการลงทุน 3 เดือนแรกยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 228 โครงการมูลค่า 1.22 แสนล้านบาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงขึ้นเล็กน้อยโดย 3 เดือนแรกของปี 2551 มีโครงการยื่นขอส่งเสริมฯ 346 โครงการมูลค่า 1.215 แสนล้านบาท
“ การเมืองที่เกิดขณะนี้คงไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนมากนักเพราะปัจจัยหลักน่าจะอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่ง 3 เดือนกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีส่วนในการประคับประคองให้ภาคอุตสาหกรรมอยู่รอด ชะลอการเลิกจ้างงานได้ระดับหนึ่งมีการไปโรดโชว์ดึงความเชื่อมั่นทั้งญี่ปุ่นและจีน อีก3 เดือนข้างหน้าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลควบคู่กับมาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุตสาหกรรมมากขึ้น คาดว่าปลายไตรมาส 2 จะเริ่มเห็นภาคการผลิตค่อยๆ ฟื้นตัวเพราะหลายอุตสาหกรรมเริ่มมีออร์เดอร์กลับมาทั้งอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และอาหาร ”นายชาญชัยกล่าว
นางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การขอยื่นรับส่งเสริมการลงทุน 3 เดือนแรกหากพิจารณาเฉพาะเม็ดเงินการลงทุนเดือนมี.ค. มีเม็ดเงินยื่นเหลือเพียง 1.5 หมื่นล้านบาทเนื่องจาก 2 เดือนแรกนั้นมีโครงการขนาดใหญ่โดยเฉพาะโรงไฟฟ้ายื่นลงทุนสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวทำให้กิจการขนาดใหญ่ยังไม่มีการขยายการลงทุนเพิ่ม
“ มีหลายกิจการขนาดใหญ่ที่มองๆ การลงทุนไว้โดยมาคุยกับบีโอไอแต่ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเขาก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะยื่นลงทุนปีนี้หรือไม่ ซึ่งกิจการดังกล่าวหากยื่นในปีนี้จะมีเม็ดเงินระดับแสนล้านบาทเข้ามาก็คงต้องพยายามดึงเขาไว้ก่อน”นางอรรชกากล่าว
อย่างไรก็ตามปัญหาการเมืองในปัจจุบันมีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาระยะสั้นซึ่งหากการชุมนุมไม่รุนแรงและยืดเยื้อ นักลงทุนคงจะไม่ขาดความเชื่อมั่นเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เคยชินกับการเมืองไทยแต่นักลงทุนเองก็ต้องการให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพมากกว่าที่เกิดขึ้นเนื่องจากไทยมีปัญหาการเมืองมาในช่วง 3-4 ปีแล้ว
เอกชนวิตกชุมนุมยืดเยื้อฉุดลงทุน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า การชุมนุมเท่าที่ดูยังไม่รุนแรงและรัฐบาลก็ไม่มีมาตรการรุนแรงก็คงต้องขอบคุณทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามหากมีความรุนแรงและยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริโภคและการลงทุนที่ลดลงได้ในระยะยาวเพราะนักลงทุนก็กำลังเฝ้ามองไทยอยู่
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การชุมนุมขณะนี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศเพราะส่วนหนึ่งไม่ได้มองเห็นภาพความเป็นจริงของการเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร จึงต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพบว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงของการชุมนุมขึ้น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานที่สำคัญในรอบ 3 เดือน(ม.ค.-มี.ค.) ของกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า 3 เดือนที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับภาคเอกชนด้วยการจัดตั้ง”คลังสมองเพื่อชาติยุทธศาสตร์ภาครัฐและเอกชนเพื่อระดมสมองในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่อการผลิตและการลงทุน ส่งผลให้ภาวะการลงทุน 3 เดือนแรกยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 228 โครงการมูลค่า 1.22 แสนล้านบาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงขึ้นเล็กน้อยโดย 3 เดือนแรกของปี 2551 มีโครงการยื่นขอส่งเสริมฯ 346 โครงการมูลค่า 1.215 แสนล้านบาท
“ การเมืองที่เกิดขณะนี้คงไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนมากนักเพราะปัจจัยหลักน่าจะอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่ง 3 เดือนกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีส่วนในการประคับประคองให้ภาคอุตสาหกรรมอยู่รอด ชะลอการเลิกจ้างงานได้ระดับหนึ่งมีการไปโรดโชว์ดึงความเชื่อมั่นทั้งญี่ปุ่นและจีน อีก3 เดือนข้างหน้าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลควบคู่กับมาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุตสาหกรรมมากขึ้น คาดว่าปลายไตรมาส 2 จะเริ่มเห็นภาคการผลิตค่อยๆ ฟื้นตัวเพราะหลายอุตสาหกรรมเริ่มมีออร์เดอร์กลับมาทั้งอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และอาหาร ”นายชาญชัยกล่าว
นางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การขอยื่นรับส่งเสริมการลงทุน 3 เดือนแรกหากพิจารณาเฉพาะเม็ดเงินการลงทุนเดือนมี.ค. มีเม็ดเงินยื่นเหลือเพียง 1.5 หมื่นล้านบาทเนื่องจาก 2 เดือนแรกนั้นมีโครงการขนาดใหญ่โดยเฉพาะโรงไฟฟ้ายื่นลงทุนสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวทำให้กิจการขนาดใหญ่ยังไม่มีการขยายการลงทุนเพิ่ม
“ มีหลายกิจการขนาดใหญ่ที่มองๆ การลงทุนไว้โดยมาคุยกับบีโอไอแต่ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเขาก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะยื่นลงทุนปีนี้หรือไม่ ซึ่งกิจการดังกล่าวหากยื่นในปีนี้จะมีเม็ดเงินระดับแสนล้านบาทเข้ามาก็คงต้องพยายามดึงเขาไว้ก่อน”นางอรรชกากล่าว
อย่างไรก็ตามปัญหาการเมืองในปัจจุบันมีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาระยะสั้นซึ่งหากการชุมนุมไม่รุนแรงและยืดเยื้อ นักลงทุนคงจะไม่ขาดความเชื่อมั่นเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เคยชินกับการเมืองไทยแต่นักลงทุนเองก็ต้องการให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพมากกว่าที่เกิดขึ้นเนื่องจากไทยมีปัญหาการเมืองมาในช่วง 3-4 ปีแล้ว
เอกชนวิตกชุมนุมยืดเยื้อฉุดลงทุน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า การชุมนุมเท่าที่ดูยังไม่รุนแรงและรัฐบาลก็ไม่มีมาตรการรุนแรงก็คงต้องขอบคุณทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามหากมีความรุนแรงและยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริโภคและการลงทุนที่ลดลงได้ในระยะยาวเพราะนักลงทุนก็กำลังเฝ้ามองไทยอยู่
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การชุมนุมขณะนี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศเพราะส่วนหนึ่งไม่ได้มองเห็นภาพความเป็นจริงของการเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร จึงต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพบว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงของการชุมนุมขึ้น