xs
xsm
sm
md
lg

จี้ ตร.เข้มดูแลผู้นำอาเซียน แดงถ่อยฉุดภาพลักษณ์วูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ภาคเอกชนประสานเสียงจี้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยต้องเกินร้อยในการรักษาความปลอดภัยผู้นำอาเซียน+3,+6 ที่จะประชุมระหว่าง 10-12 เม.ย.นี้เหตุกรณีทุบรถนายกรัฐมนตรีฉุดภาพลักษณ์ประเทศไทยและความเชื่อมั่นแย่ลง ขณะที่การประชุมกรอ. นายกฯวิตกปัญหาสภาพคล่องเอสเอ็มอีหลังเงินอัดฉีดเข้าถึงต่ำ สั่งดันเรื่องเข้าถกในครม.ศก. ส่วนมาบตาพุดก.อุตฯเตรียมส่งหนังสือถามกรมควบคุมฯชัดเจนด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปชี้แจงนักลงทุน

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งปะรเทศไทย(ส.อ.ท.)ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในเวทีคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน(กรอ.)วานนี้(8เม.ย.) ว่า ที่ประชุมกรอ.ไม่ได้มีการหารือถึงประเด็นการเมือง อย่างไรก็ตามเอกชนยังคงวิตกถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีโดนกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปทุบรถยนต์ ซึ่งเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้มงวดกว่านี้หากไม่เช่นนั้นแล้วจะส่งกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองไทยได้เพราะไทยกำลังจะมีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา หรืออาเซียน+3,+6 ระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.นี้

“ไทยจะต้องจัดทีมดูแลความปลอดภัยผู้นำอาเซียนที่จะประชุมเร็วๆนี้ให้ดี ระบบการปลอดภัย การจราจรช่วงนั้นจะต้องเกินร้อย ต้องเข้มงวดกว่านี้ไม่เช่นนี้จะฉุดความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เมืองไทยลงไปได้ ส่วนจุดเดิมเราเห็นว่าการชุมนุมควรอยู่ในกรอบกฏหมาย รัฐบาลต้องใช้กฏหมายอย่างชัดเจนไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย รุนแรง และนำไปสู่ความยืดเยื้อ”นายสันติกล่าว

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงสร้างความกังวลใจให้กับเอกชนเพราะไม่แน่ใจว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ โดยไม่ต้องการให้ยืดเยื้อและรุนแรงโดยเฉพาะขณะนี้ไทยกำลังจะมีการประชุมอาเซียน +3และ+6 1-2 วันนี้อยู่แล้วซึ่งเป็นเวทีหนึ่งในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

“หากมีกรณีการทุบรถยนต์นายกรัฐมนตรีอีกจะกระทบต่อความเชื่อมั่น เนื่องจากการประชุมอาเซียน +3 และ +6 ครั้งนี้มีบุคคลสำคัญเดินทางเข้ามาร่วมประชุม ได้แก่ เลขาธิการองค์การการค้าโลก หรือ WTO เลขาธิการที่ประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรืออังค์ถัด หากมีปัญหาจะกระทบภาพลักษณ์ของประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและต้องพิจารณาการใช้กฎหมายรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาและควรจะต้องเน้นความเข้มงวดความปลอดภัยให้กับผู้นำเหล่านี้ด้วย”นายพรศิลป์กล่าว

นายกฯห่วงเอสเอ็มอีขาดสภาพคล่อง

สำหรับการหารือในเวทีกรอ.ประธานกกร.กล่าวว่า การประชุมกรอ.ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงปัญหาการขาดสภาพคล่องของวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ที่พบว่าเม็ดเงินที่ผ่านสถาบันการเงินของรัฐยังเข้าไม่ถึงเอสเอ็มอีเมื่อสอบถามแล้วพบว่าติดเงื่อนไขการปล่อยกู้ที่ยึดเกณฑ์ของแบงก์พาณิชย์ซึ่งค่อนข้างเข้มงวดโดยเฉพาะหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้รวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปหารือในคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจครั้งต่อไปเพื่อแก้ไขโดยเร่งด่วน

“โครงการเข้ารับค้ำประกันของบริษัทบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ที่มีวงเงินค้ำประกัน 3 หมื่นล้านบาทล่าสุดค้ำประกันไปได้เพียงระดับ 100 ล้านบาท ส่วนวงเงินสินเชื่อของธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์) 6,000 ล้านบาทส.อ.ท.ได้ยื่นขอรับสินเชื่อ 2,000 ล้านบาทจากสมาชิก 100 กว่ารายสามารถปล่อยได้เพียง 800 ล้านบาทเท่านั้น”นายสันติกล่าว

เล็งทำหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษ

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กกร.ได้นำเรียนข้อเสนอเกี่ยวกับการเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการต่างๆที่จะกำหนดกรอบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชน พร้อมกับทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุนซึ่งจากการหารือจะแยกการทำงานเป็น 2 ส่วนโดยส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) จะทำหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสอบถามถึงโครงการลงทุนที่ผ่านรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอแล้วจะสามารถเดินหน้าโครงการต่อไปหรือไม่ และลงทุนในอนาคตจะต้องเตรียมแผนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไรเพื่อที่จะนำไปสรุปผลในการชี้แจงให้กับนักลงทุนต่อไป

“ขณะนี้ทราบว่าได้มีการตั้งคณะทำงานในการดูแลแผนจัดการสิ่งแวดล้อมในมาบตาพุดจากนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”นายสรยุทธกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น