ASTV ผู้จัดการรายวัน-“สุรชัย”คลายปมจัดหา A 330-300 ขัดมติครม.เผย ฝ่ายบริหารยัน มติครม.เปลี่ยนจากเช่าเป็นเช่าซื้อแล้ว หลังบอร์ด 6 คนทำหนังสือถึง”สุรชัย”ในฐานะประธานจี้เร่งสรุปปัญหาเหตุ หลังกรณีดังกล่าวถูกร้องเรียนไปยังสตง.และผลการสอบข้อเท็จจริงพบผู้บริหารหลายคนเกี่ยวข้อง ขณะที่บอร์ดประชุมนัดสุดท้ายปรับ ประมวลจริยธรรม ใหม่ตามรัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้พนักงานและบอร์ด
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าการจัดหาเครื่องบินโดยสารแอร์บัส A330-00 จำนวน 8 ลำของบริษัทเป็นการดำเนินการที่ขัดมติคณะรัฐมนตรีและไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นอันเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์และตามหลักทรัพย์และคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อการประชุมวันที่ 9 ก.ค. 2551นั้น มีกรรมการบริษัท 6 คนได้ทำหนังสือถึงประธานบอร์ด เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2552 เพื่อติดตามผลการดำเนินการตามมติดังกล่าว
โดยกรรมการบริษัทได้ตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสนอสำนวนฯ ให้ประธานบอร์ดตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2551 และมีการสำเนาให้บอร์ดทุกคนรับทราบในการประชุมวันที่ 7 ม.ค. 2552 แล้วโดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เสนอความเห็นให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรง ทางอาญา ทางแพ่ง แก่ผู้บริหารระดับสูงหลายคน โดยได้เสนอเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2552 แต่ไม่ได้ข้อยุติ และจากนั้นก็มิได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเสนอบอร์ดอีกเลย
ทั้งนี้บอร์ดบริษัททั้ง 6 คนได้ตั้งข้อสังเกตว่า บอร์ดชุดปัจจุบันกำลังจะครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเม.ย.นี้ หากไม่มีการพิจารณาความเห็นในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ทั้งที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เสนอผลการตรวจสอบมานานแล้ว และปล่อยให้บอร์ดชุดใหม่เข้ามาดำเนินการต่อน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากบอร์ดชุดใหม่ซึ่งไม่อาจจะไม่รับทราบเรื่องมาก่อน หรือไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจเกิดปัญหากับการบินไทยในอนาคตได้
โดยสำนวนการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ในความดูแลของฝ่ายบริหาร ที่มีหลายคนเกี่ยวข้องที่อาจถูกพิจารณาความผิด ซึ่งจากการติดตามผลที่ผ่านมาเรื่องดังกล่าวสามารถนำมาพิจารณษได้ในวาระที่ 4 ของการประชุมบอร์ดแต่ละครั้งได้แต่ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารจะขอเลื่อนการเสนอผลการพิจารณาไปก่อนทุกครั้งในขณะที่กรรมการหลายท่านได้ทวงถามแต่มิได้รับคำตอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า กรรมการบริษัท 6 คนที่ทำหนังสือถึงประธานบอร์ดให้เร่งสรุปผลการจัดหาเครื่องบิน A 330-300 จำนวน 8 ที่ถูกร้องเรียนว่าดำเนินการขัดมติครม. ประกอบด้วย พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ,พล.ร.อ.เดชา อยู่พรต, นายอมรศักดิ์ นพรัมภา , นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ, พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัตและ นายวิกรม คุ้มไพโรจน์
ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย กล่าวว่า เรื่องจัดหาเครื่องบิน A 330-300 จำนวน 8 ลำนั้น มีรายงานต่อบอร์ดแล้วว่า ได้มีมติครม.เปลี่ยนจากเช่า เป็นเช่าซื้อแล้ว โดยก่อนหน้านี้บอร์ดได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำแผนรายละเอียดของการจัดหาดังกล่าวชี้แจงและได้มีการชี้แจงเพิ่มเติมจนชัดเจนแล้ว จึงไม่มีความผิดใดๆ
“ยืนยันว่า จะเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือ จะดำเนินการรับมอบในปีจำนวน 6 ลำในปี 2552 และอีก 2 ลำจะรับมอบในปี 2553 โดยจะเลื่อนการชำระค่างวดพร้อมกับการรับมอบจากเดิมที่ต้องชำระก่อนรับมอบ ซึ่งปี 2552 ต้องชำระรวม 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งได้มีการรายงานความคืบหน้า แนวทางดังกล่าวต่อบอร์ดแล้ว ซึ่งยืนยันตามมติคณะรัฐมนตรี ที่เปลี่ยนจากการเช่า เป็นเช่าซื้อ ส่วนแผนการรับมอบ เครื่องบินแบบ A380 นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า”นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัย กล่าวถึงผลการประชุมบอร์ดบริษัท วานนี้ (8 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาข้อกำหนดในการจัดทำประมวลจริยธรรมของบริษัท เพื่อบังคับใช้กับพนักงานและผู้บริหารของบริษัท ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากตามประมวลจริยธรรมเดิมนั้น ต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม โดยเฉพาะขั้นตอนการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติ การร้องเรียน ให้มีขั้นตอน และกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนของการติดตามแผนฟื้นฟูบริษัทฯ นั้น ขณะนี้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานภายหลังจาก คณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน ได้มีการแต่งตั้งขึ้น ทั้ง 6 ชุด ดำเนินการตามขั้นตอนตามแนวทางที่กำหนดไว้ โดยประกอบด้วย 1.คณะทำงานวางแผนการเงิน 2.คณะทำงานพิจารณาเครือข่ายการบินและฝูงบิน 3.คณะทำงานปรับปรุงรายได้ 4.คณะทำงานลดค่าใช้จ่าย 5.คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 6.คณะทำงานสนับสนุนการบริหารจัดการแผนฟื้นฟูธุรกิจ
อย่างไรก็ตามสำหรับของแผนการขายเครื่องบิน A340-500 จำนวน 4 ลำนั้น ทางคณะกรรมการได้มีการติดตาม โดยมีการยืนยันว่าขณะนี้บริษัทยังคงไม่มีความต้องการที่จะขายเครื่องดังกล่าว ซึ่งทางคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจ จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า จะมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้มีการคุ้มค่าต่อฐานะทางการเงินบริษัท
นายสุรชัย กล่าวว่า ในส่วนของการเปลี่ยนคณะกรรมการฯ ใหม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ ซึ่งบอร์ดชุดใหม่นั้น จะต้องรอการเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 22 เม.ย. นี้ จึงจะได้ข้อสรุป
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าการจัดหาเครื่องบินโดยสารแอร์บัส A330-00 จำนวน 8 ลำของบริษัทเป็นการดำเนินการที่ขัดมติคณะรัฐมนตรีและไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นอันเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์และตามหลักทรัพย์และคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อการประชุมวันที่ 9 ก.ค. 2551นั้น มีกรรมการบริษัท 6 คนได้ทำหนังสือถึงประธานบอร์ด เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2552 เพื่อติดตามผลการดำเนินการตามมติดังกล่าว
โดยกรรมการบริษัทได้ตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสนอสำนวนฯ ให้ประธานบอร์ดตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2551 และมีการสำเนาให้บอร์ดทุกคนรับทราบในการประชุมวันที่ 7 ม.ค. 2552 แล้วโดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เสนอความเห็นให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรง ทางอาญา ทางแพ่ง แก่ผู้บริหารระดับสูงหลายคน โดยได้เสนอเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2552 แต่ไม่ได้ข้อยุติ และจากนั้นก็มิได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเสนอบอร์ดอีกเลย
ทั้งนี้บอร์ดบริษัททั้ง 6 คนได้ตั้งข้อสังเกตว่า บอร์ดชุดปัจจุบันกำลังจะครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเม.ย.นี้ หากไม่มีการพิจารณาความเห็นในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ทั้งที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เสนอผลการตรวจสอบมานานแล้ว และปล่อยให้บอร์ดชุดใหม่เข้ามาดำเนินการต่อน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากบอร์ดชุดใหม่ซึ่งไม่อาจจะไม่รับทราบเรื่องมาก่อน หรือไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจเกิดปัญหากับการบินไทยในอนาคตได้
โดยสำนวนการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ในความดูแลของฝ่ายบริหาร ที่มีหลายคนเกี่ยวข้องที่อาจถูกพิจารณาความผิด ซึ่งจากการติดตามผลที่ผ่านมาเรื่องดังกล่าวสามารถนำมาพิจารณษได้ในวาระที่ 4 ของการประชุมบอร์ดแต่ละครั้งได้แต่ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารจะขอเลื่อนการเสนอผลการพิจารณาไปก่อนทุกครั้งในขณะที่กรรมการหลายท่านได้ทวงถามแต่มิได้รับคำตอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า กรรมการบริษัท 6 คนที่ทำหนังสือถึงประธานบอร์ดให้เร่งสรุปผลการจัดหาเครื่องบิน A 330-300 จำนวน 8 ที่ถูกร้องเรียนว่าดำเนินการขัดมติครม. ประกอบด้วย พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ,พล.ร.อ.เดชา อยู่พรต, นายอมรศักดิ์ นพรัมภา , นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ, พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัตและ นายวิกรม คุ้มไพโรจน์
ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย กล่าวว่า เรื่องจัดหาเครื่องบิน A 330-300 จำนวน 8 ลำนั้น มีรายงานต่อบอร์ดแล้วว่า ได้มีมติครม.เปลี่ยนจากเช่า เป็นเช่าซื้อแล้ว โดยก่อนหน้านี้บอร์ดได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำแผนรายละเอียดของการจัดหาดังกล่าวชี้แจงและได้มีการชี้แจงเพิ่มเติมจนชัดเจนแล้ว จึงไม่มีความผิดใดๆ
“ยืนยันว่า จะเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือ จะดำเนินการรับมอบในปีจำนวน 6 ลำในปี 2552 และอีก 2 ลำจะรับมอบในปี 2553 โดยจะเลื่อนการชำระค่างวดพร้อมกับการรับมอบจากเดิมที่ต้องชำระก่อนรับมอบ ซึ่งปี 2552 ต้องชำระรวม 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งได้มีการรายงานความคืบหน้า แนวทางดังกล่าวต่อบอร์ดแล้ว ซึ่งยืนยันตามมติคณะรัฐมนตรี ที่เปลี่ยนจากการเช่า เป็นเช่าซื้อ ส่วนแผนการรับมอบ เครื่องบินแบบ A380 นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า”นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัย กล่าวถึงผลการประชุมบอร์ดบริษัท วานนี้ (8 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาข้อกำหนดในการจัดทำประมวลจริยธรรมของบริษัท เพื่อบังคับใช้กับพนักงานและผู้บริหารของบริษัท ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากตามประมวลจริยธรรมเดิมนั้น ต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม โดยเฉพาะขั้นตอนการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติ การร้องเรียน ให้มีขั้นตอน และกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนของการติดตามแผนฟื้นฟูบริษัทฯ นั้น ขณะนี้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานภายหลังจาก คณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน ได้มีการแต่งตั้งขึ้น ทั้ง 6 ชุด ดำเนินการตามขั้นตอนตามแนวทางที่กำหนดไว้ โดยประกอบด้วย 1.คณะทำงานวางแผนการเงิน 2.คณะทำงานพิจารณาเครือข่ายการบินและฝูงบิน 3.คณะทำงานปรับปรุงรายได้ 4.คณะทำงานลดค่าใช้จ่าย 5.คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 6.คณะทำงานสนับสนุนการบริหารจัดการแผนฟื้นฟูธุรกิจ
อย่างไรก็ตามสำหรับของแผนการขายเครื่องบิน A340-500 จำนวน 4 ลำนั้น ทางคณะกรรมการได้มีการติดตาม โดยมีการยืนยันว่าขณะนี้บริษัทยังคงไม่มีความต้องการที่จะขายเครื่องดังกล่าว ซึ่งทางคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจ จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า จะมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้มีการคุ้มค่าต่อฐานะทางการเงินบริษัท
นายสุรชัย กล่าวว่า ในส่วนของการเปลี่ยนคณะกรรมการฯ ใหม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ ซึ่งบอร์ดชุดใหม่นั้น จะต้องรอการเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 22 เม.ย. นี้ จึงจะได้ข้อสรุป
