โรบินสันคว้า “เดวิด โจนส์” ช่วยดันยอดแผนกเครื่องสำอาง หลังไตรมาส1โต 6% มั่นใจผู้หญิงยังให้ความสำคัญกับความสวยความงาม แผนกเ ครื่องสำอางทั้งปีมั่นใจโตกว่า 5% ส่วนภาพรวมปีนี้ยังตามแผน หวังโตอย่างน้อย 6%
นางสาวสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ณ ตอนนี้ตัวเลขรายได้ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มองว่าแนวโน้มน่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 2% ซึ่งการเติบโตนี้ มองว่ามาจากความเชี่ยวชาญเรื่องโลคอลมาร์เก็ตติ้งเพราะกว่า 50% ของจำนวนสาขาทั้งหมด อยู่ที่ต่างจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมายังพบว่ามียอดขายเป็นที่น่าพอใจ ลูกค้ายังมีอารมณ์ในการใช้จ่ายมากกว่าคนเมือง
สำหรับแผนกเครื่องสำอาง 3 เดือนที่ผ่านมายังเติบโต 6% สูงกว่าภาพรวมรายได้ของบริษัท แม้ว่าจะเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนไม่ได้ เพราะมีการเติบโตถึง14% แต่ถ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ซึ่งส่วนหนึ่งของการเติบโตนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะผู้หญิง ยังให้ความสำคัญกับความสวยความงาม พร้อมจ่าย ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจจะแย่ลงก็ตาม ดังนั้นทั้งปีจึงมั่นใจว่าแผนกเครื่องสำอางน่าจะโตเฉลี่ยที่ 5% หรือยังคงสร้างรายได้ให้บริษัทที่อัตราส่วน 15% อย่างปีที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงต้นไตรมาส2นี้ บริษัทได้เปิดตัวสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ เดวิด โจนส์ ซึ่งถือเป็น คอสเมติก แบรนด์เนม ที่ได้ลิขสิทธิ์จำหน่ายเฉพาะโรบินสันเท่านั้น และแห่งเดียวที่มีจำหน่ายนอกประเทศออสเตรเลีย โดยเฟสแรก จะจำหน่ายเดวิด โจนส์ ในกลุ่ม สกินแคร์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40เอสเคยู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 290-1,100 บาท สูงกว่าที่ออสเตรเลียราว20% ส่วนปีหน้าเริ่มเฟส2ในการนำเข้ากลุ่มเมคอัพ และแอสเซทเซอรี่ ภายใต้แบรนด์ เดวิด โจนส์ อีกส่วนหนึ่งด้วย
เบื้องต้น 6เดือนแรกนี้วางงบการตลาดไว้ที่ 3ล้านบาท ทั้งบิโลว์ เดอ ไลน์ และ อะโบพ เดอะ ไลน์ ตั้งเป้าวางจำหน่ายในโรบินสัน 10 สาขา ประเดิม 3 สาขาแรก คือ รัชดา, ศรีราชา และฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ซึ่งงบขยายสาขานี้ อยู่ที่สาขาละ 4-7แสนบาท ใช้พื้นที่เฉลี่ยแห่งละ 30 ตารางเมตร มั่นใจปีแรก เดวิด โจนส์ จะสร้างรายได้ประมาณ 10 ล้านบาท
นางสาวสิรินิจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้ ค่อนข้างคาดเดาได้ยาก แต่หากทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ ไม่มีการยึดอำนาจจากกลุ่มม๊อบเสื้อแดง ก็ยังมั่นใจว่าโรบินสันจะยังมียอดขายเป็นไปตามที่วางไว้หรือทั้งปีมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 6% แต่ถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มองว่าทางบริษัทก็ต้องมีการประชุมและพิจารณาแผนการดำเนินงานกันใหม่ แต่ ณ วันนี้ ทุกอย่างยังดำเนินไปตามแผนที่วางไว้
นางสาวสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ณ ตอนนี้ตัวเลขรายได้ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มองว่าแนวโน้มน่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 2% ซึ่งการเติบโตนี้ มองว่ามาจากความเชี่ยวชาญเรื่องโลคอลมาร์เก็ตติ้งเพราะกว่า 50% ของจำนวนสาขาทั้งหมด อยู่ที่ต่างจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมายังพบว่ามียอดขายเป็นที่น่าพอใจ ลูกค้ายังมีอารมณ์ในการใช้จ่ายมากกว่าคนเมือง
สำหรับแผนกเครื่องสำอาง 3 เดือนที่ผ่านมายังเติบโต 6% สูงกว่าภาพรวมรายได้ของบริษัท แม้ว่าจะเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนไม่ได้ เพราะมีการเติบโตถึง14% แต่ถ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ซึ่งส่วนหนึ่งของการเติบโตนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะผู้หญิง ยังให้ความสำคัญกับความสวยความงาม พร้อมจ่าย ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจจะแย่ลงก็ตาม ดังนั้นทั้งปีจึงมั่นใจว่าแผนกเครื่องสำอางน่าจะโตเฉลี่ยที่ 5% หรือยังคงสร้างรายได้ให้บริษัทที่อัตราส่วน 15% อย่างปีที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงต้นไตรมาส2นี้ บริษัทได้เปิดตัวสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ เดวิด โจนส์ ซึ่งถือเป็น คอสเมติก แบรนด์เนม ที่ได้ลิขสิทธิ์จำหน่ายเฉพาะโรบินสันเท่านั้น และแห่งเดียวที่มีจำหน่ายนอกประเทศออสเตรเลีย โดยเฟสแรก จะจำหน่ายเดวิด โจนส์ ในกลุ่ม สกินแคร์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40เอสเคยู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 290-1,100 บาท สูงกว่าที่ออสเตรเลียราว20% ส่วนปีหน้าเริ่มเฟส2ในการนำเข้ากลุ่มเมคอัพ และแอสเซทเซอรี่ ภายใต้แบรนด์ เดวิด โจนส์ อีกส่วนหนึ่งด้วย
เบื้องต้น 6เดือนแรกนี้วางงบการตลาดไว้ที่ 3ล้านบาท ทั้งบิโลว์ เดอ ไลน์ และ อะโบพ เดอะ ไลน์ ตั้งเป้าวางจำหน่ายในโรบินสัน 10 สาขา ประเดิม 3 สาขาแรก คือ รัชดา, ศรีราชา และฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ซึ่งงบขยายสาขานี้ อยู่ที่สาขาละ 4-7แสนบาท ใช้พื้นที่เฉลี่ยแห่งละ 30 ตารางเมตร มั่นใจปีแรก เดวิด โจนส์ จะสร้างรายได้ประมาณ 10 ล้านบาท
นางสาวสิรินิจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้ ค่อนข้างคาดเดาได้ยาก แต่หากทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ ไม่มีการยึดอำนาจจากกลุ่มม๊อบเสื้อแดง ก็ยังมั่นใจว่าโรบินสันจะยังมียอดขายเป็นไปตามที่วางไว้หรือทั้งปีมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 6% แต่ถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มองว่าทางบริษัทก็ต้องมีการประชุมและพิจารณาแผนการดำเนินงานกันใหม่ แต่ ณ วันนี้ ทุกอย่างยังดำเนินไปตามแผนที่วางไว้
