xs
xsm
sm
md
lg

แจงทูตทั่วโลกส่งตัวแม้วมาร์คถกทหารรับมือเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ”อภิสิทธิ์”เรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงหารือรับมือม็อบเสื้อแดง พร้อมออกทีวีชี้แจงประชาชน ยันไม่ใช้พ.ร.บ.ฉุกเฉิน มั่นใจคุมสถานการณ์ได้ เผยสั่งรวบรวมคำปราศรัย นช.ทักษิณ กระทบความมั่นคง กัดกร่อนสถาบันเพื่อดำเนินการตาม กม. แล้ว แต่ต้องให้รัดกุมหวั่นอัยการฯสังไม่ฟ้องอีก ระบุหากไม่ปกป้องสถาบันก็อยู่ไม่ได้ ”สาทิตย์” สั่งเปิดช่อง 11 ป้องสถาบัน พร้อมชี้แจงข้อกล่าวหากลุ่มล้มสถาบัน “กษิต”เตรียมเชิญทูตทั่วโลกรับทราบคดี “ทักษิณ” 8 เม.ย.นี้ พร้อมขอความร่วมมือลากคอกลับมาดำเนินคดีในไทย ”เทพเทือก” ชี้แก๊งเสื้อแดงหมิ่นสถาบันจะฝ่อไปเอง ด้านก๊กเสื้อแดง เหิมประกาศเป้าหมายชัดต้องโค่น ป๋าเปรม เป็นหลัก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) ถึงกรณีที่ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นห่วงว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โจมตีองคมนตรีจะกัดกร่อนสถาบันว่า ขณะนี้ได้รวบรวม คำปราศรัยต่างๆ ไว้หมดแล้ว และให้เจ้าหน้าที่ประสานกันอยู่ ซึ่งเบื้องต้นได้สรุปมาแล้ว แต่ยังมีช่องโหว่จึงต้องดูให้รัดกุม เพราะที่ผ่านมามีหลายเรื่องเวลาไปถึงอัยการ ก็สั่งไม่ฟ้อง จึงต้องไปดูการทำสำนวน ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีจุดอ่อนที่อัยการทักท้วงได้ ทั้งนี้สาเหตุที่ล่าช้า เพราะทุกอย่างต้องเป็น ไปตามกฎหมาย ไม่ใช่รัฐบาลไม่กล้าดำเนินการ เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล
ถ้ารัฐบาลไม่สามารถปกป้องสถาบันหลักของชาติได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ และไม่ควรจะอยู่ด้วย แต่การปกป้องต้องทำด้วยความรัดกุม หากไม่รัดกุมอาจจะเป็นผลเสีย จึงขอให้ความมั่นใจว่า ไม่ได้ละเลย แต่จะดูแลให้รัดกุมและเดินไปอย่างดีที่สุด และผมย้ำอีกครั้งว่า ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรเหนือกฎหมายย ที่ผ่านมา ประเทศเกิดวิกฤติเพราะในอดีตมีคนที่มีอำนาจทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะสามารถดูแลประเทศ ในวันที่ 8-10 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศแตกหักให้เกิดความเรียบร้อยได้ และไม่คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศไว้ เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มาจากเรื่องผลประโยชน์ของคนของกลุ่มหนึ่ง
**ชี้เสื้อแดงจ้องโยนผิดรัฐบาล
ส่วนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน รุนแรง รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้จะทำให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลใช้ความระมัดระวังอย่างไร และจะไม่เป็นผู้ริเริ่มเรื่องความรุนแรง หรือการยั่วยุใด ๆ แต่ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมาย และเมื่อต้องรักษากฎหมายแล้วเกิดผลข้างเคียง จะต้องอธิบายได้ชัดเจนว่า ไม่ใช่เจตนา และยืนยันจะทำให้โปร่งใส เพราะไม่ต้องการที่จะย้อนรอยอดีตที่เคยเกิดปัญหา ดังนั้นถ้าเกิดเหตุรุนแรงจะต้องดูว่า ความรุนแรง เกิดขึ้นจากใคร ไม่ใช่ว่าใครใช้ความรุนแรงแล้วมาโยนให้รัฐบาลรับผิดชอบคงไม่ได้  ที่ผ่านมาแกนนำคนเสื้อแดงมีเป้าหมายที่พยายามทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่รัฐบาลก็หลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
ส่วนที่คนเสื้อแดงระบุว่า เมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลสกัดกั้นการเข้ามาชุมนุมจะเกิดสงครามกลางเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้มองย้อนกลับไป 3 เดือน จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรในลักษณะเช่นนั้น ดังนั้นจุดยืนของรัฐบาลยังเหมือนเดิม คือ ไม่ว่าจะถูกยั่วยุอย่างไรก็จะระมัดระวัง แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลจะไม่ให้เกิดขึ้น คือ การกระทำที่ผิดกฎหมายและกระทบกับความมั่นคง
ส่วนกรณีที่โหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำนายว่า หากผ่าน เดือนเมษายนไปได้ ทุกอย่างจะดีขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เรียนด้านโหราศาสตร์มา จึงไม่ทราบ

**”มาร์ค”รับทำงาน3เดือนเหมือน1ปี
นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพบกลุ่มผู้สนับสนุนที่เป็นชาวมุสลิม ในโอกาสเข้าร่วมงานครบรอบ 63 ปีของการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ว่า รัฐบาลทำงานมา 3 เดือน 1 สัปดาห์ แต่รู้สึกนานเป็นปี เข้ามาเป็นรัฐบาลรู้เลยว่าบ้านเมืองแตกแยก รู้สึกขัดแย้งรุนแรงอยู่หลายพื้นที่ หลายวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการข้าราชการ ทำให้รู้สึก ไม่ง่ายเลย เพราะความคาดหวังประชาชนมีสูง ต้องการเห็นความสงบ เรียบร้อย อย่างรวดเร็ว และเศรษฐกิจได้รับการฟื้นฟู
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม แต่หากทำผิด กฎหมายก็ต้องดำเนินการ ถ้าปราศรัยกระทบความมั่นคง ก็ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมอยู่ ส่วนตำรวจ อัยการ ศาล ก็ต้องดำเนินการอย่างเป็นกลาง คนที่เดือดร้อนก็ใช้กระบวนการกฎหมาย รัฐบาลไม่อยากใช้กำลังเข้าปะทะ ถามว่าทำได้หรือไม่ ก็ทำได้ แต่ถ้ามีการใช้กำลังปะทะคงมีปัญหา ดังนั้นรัฐบาลจะใช้วิธีนุ่มนวลที่สุด
”ขอย้ำว่าที่บ้านเมืองวิกฤตทุกวันนี้ เป็นเพราะรัฐบาลในอดีตทำตามอำเภอใจ ตัดสินเองว่าคนนั้นคนนี้ไม่มีสิทธิ์พูด ห้ามออกทีวี คนที่ไม่พอใจก็ยัดข้อหาและจับ วันนี้เราต้องพิสูจน์ว่าเราบริหารประเทศโดยไม่ละเมิดกฎหมาย ถ้าทำสำเร็จจะช่วยส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

**“กษิต”สั่งเช็ค”แม้ว”อยู่เขมรจริงไหม
ด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวชี้แจงกับชาวมุสลิม ที่เข้าร่วมงาน ครบรอบ 63 ปีของการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ว่า รู้สึกไม่สบายใจที่มีบางประเทศ ยอมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เป็นฐานเวทีโจมตีประเทศไทย ซึ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ในกัมพูชาจริงหรือไม่ ซึ่งหากเขารักพ.ต.ท.ทักษิณมาก ก็คงมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับประเทศไทยแน่นอน ซึ่งหลายประเทศมีข้อตกลงในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย เราก็ต้องบอกกล่าวไป
ส่วนการทำเรื่องขอตัวเป็นเรื่องสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศให้ดำเนินการ และเราจะทำกับพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนนักโทษ ที่หนีคดีคนอื่นๆ สำหรับประเทศที่ไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน อย่างดูไบ บาเรนห์ หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรต ได้สั่งการให้ทางทูตแจ้งถึงสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ได้สร้างวิกฤติบ้านเมืองให้กับไทยอย่างไร ซึ่งหลายประเทศก็ตอบสนองไม่ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวทีของประเทศเขามาถล่มไทย

**8เม.ย.ถกทูตทั่วโลกส่ง”นช.แม้ว”กลับ
นายกษิตกล่าวว่า นอกจากนี้จะแจ้งไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา อาหรับ และแอฟริกาด้วย โดยในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ได้เชิญทูตจากประเทศทั่วโลกเข้าหารือ เพื่อชี้แจง ถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยว่ากำลังรอดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรบ้าง แต่สิ่งสำคัญคืออยากให้ประเทศที่ยังไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาได้เลย
ส่วนความคืบหน้าในการเพิกถอนหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ทำเรื่องหารือกับกฤษฎีกาไปประมาณ 5 เดือนแล้ว ซึ่งตนกำลังรอให้เขาส่งเรื่องกลับมาอยู่ ถ้าเป็นอำนาจของกระทรวงต่างประเทศ หากจะให้ตัดสินใจในวันนี้ก็ทำได้เลย แต่ต้องเป็นการสร้างบรรทัดฐานของกฎหมายเพื่อที่จะปฏิบัติต่อพ.ต.ท.ทักษิณให้เหมือนคนอื่น โดยจะนำเรื่องนี้ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าหารือต่อที่ประชุมครม.เพื่อขอความเห็นร่วมกัน
ส่วนประเด็นเรื่องการถือ2 สัญชาตินั้น ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณจะใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่นก็ควรที่จะสละสัญชาติหรือไม่

***นายกฯเรียกฝ่ายความมั่นคงหารือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ ผบ.ตร. ผบช.น. ผู้ว่าฯกทม. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงกลาโหม และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้ใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

**“อภิสิทธิ์”ออกทีวีแจงประชาชน
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือว่า คืนวันที่ 6 มี.ค. เวลา 20.00 น. ตนจะพูดรายละเอียดอีกครั้งกับประชาชน โดยจะเป็นการบันทึกข้อความสั้นผ่านสื่อโทรทัศน์และวิทยุ ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงที่ร่วมประชุมได้ยืนยันว่ามีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ และให้ความมั่นใจว่าจะดูแลสถานการณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อยได้ เพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่จะสื่อสารกับประชาชนในวันนี้ต้องการพูดอะไรเป็นพิเศษกับประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากยังกังวลและสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง และจุดยืนของรัฐบาลเป็นอย่างไร ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ นโยบาย รวมถึงจุดยืนของรัฐบาล
อย่างไรก็ตามหลังประเมินสถานการณ์กับฝ่ายความมั่นคงแล้วจะยังไม่ใช้กฎหมายพิเศษอะไร โดยยังใช้กฎหมายปกติ ซึ่งตนยังเชื่อว่าจะสามารถดูแล ทุกอย่างได้ และจะไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

***รัฐบาลเปิดช่อง11โต้”แม้ว”
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวเชิงลบเป็นจำนวนมาก เช่นการชุมนุม การพูดผ่านวีดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โจมตีรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ฉะนั้นรายการช่อง 11 ตลอดสัปดาห์นี้ จะมีการปรับบางส่วน เช่น บางรายการจะมีการทำเป็นช่วงเวลาพิเศษ ที่จะพูดชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หรือกรณีการกล่าวหาพาดพิง ถึงบุคลลอื่น หรือ ข้อเท็จจริงบางเรื่องที่ถูกบิดเบือน โดยจะเริ่มในวันที่ 6 เม.ย.เป็นต้นไป เวลา 21.00- 21.30 น.เนื่องจากเป็นวันจักรี ก็ใช้เวลานี้ชี้แจงให้เข้าใจในเรื่องสถาบัน และความสำคัญของสถาบันต่อสังคมไทย และสำนักข่าวต่างๆ ในภูมิภาค ก็จะไปทำข่าวประชาชน ที่ออกมาแสดงความผูกพันกับสถาบัน ยืนยันว่ารัฐบาลชี้แจงปัญหาการเมืองได้ ไม่มีอะไรเกินเลยกว่าที่จะควบคุมไม่ได้
***มาร์กออกทีวีพร้อมรับมือ
เมื่อเวลา 20.35 น.วันที่ 6 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงแนวทางปฏิบัติของรัฐบาลต่อการชุถมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 8 เม.ย. ออกอากาศสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศให้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่หากมีปัญหาจะใช้วิธีการทางกฎหมายเข้ามาจัดการ โดยจะไม่ใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งนี้จะเน้นการจัดวางกำลังดูแลบ้านประธานองคมนตรี สถานที่ราชการที่สำคัญ และจะไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง หรือการปฏิวัติภาคประชาชนโดยเด็ดขาด       
       “พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ วันนี้ขอมาพบกับพี่น้องประชาชนสดๆ เนื่องจากว่าพี่น้องประชาชนจำนวนมากมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลกับเหตุการณ์การชุมนุม ซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เมษายน หรือในอีก 2 วันข้างหน้า ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้บอกกับพี่น้องประชาชนว่า ผมจะทุ่มเททำงานให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนบนความเสมอภาค และต้องการที่จะนำพาบ้านเมืองประเทศชาติของเราออกจากภาวะวิกฤต ซึ่งมีทั้งวิกฤตการเมือง และวิกฤตเศรษฐกิจ
       
       3 เดือนที่ผ่านมาจากการทุ่มเททำงาน และจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ทำให้บ้านเมืองของเราได้เดินมาไกลพอสมควร ได้รับความยอมรับ ได้รับความเชื่อถือ จากนานาประเทศ จากประชาคมโลก และการแก้ไขปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นความเดือดร้อนมากที่สุด คือวิกฤตเศรษฐกิจ ก็มีความคืบหน้าไปมาก
       
       แต่อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่า ปัญหาความคิดที่แตกต่าง หรือความขัดแย้งในเชิงความคิดทางการเมืองยังมีอยู่ โดยหลักที่ผมได้ยึดตลอดมาก็คือว่า การชุมนุมเรียกร้องต่างๆ นั้นจะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย และภายใต้รัฐธรรมนูญ ถ้าการเคลื่อนไหวนั้นกระทบต่อความมั่นคง กระทบกับสถาบันหลักของชาติ รัฐบาลก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
       
       ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ผมได้พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้จะระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่เข้าไปสู่การเผชิญหน้า ความขัดแย้งกับกลุ่มคนใดในสังคม หลีกเลี่ยงการปะทะ หรือการใช้ความรุนแรงใดๆ       รัฐบาลซึ่งเคารพกฎหมาย ต้องดำรงระเบียบ ต้องดำรงความสงบเรียบร้อยในประเทศ ไม่สามารถที่จะให้เกิดสงครามกลางเมือง ไม่อาจที่จะให้เกิดมีลักษณะของการปฏิวัติประชาชนได้       
              ดังนั้น เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาผมจึงได้มีการประชุมบรรดากระทรวง ทบวง กรม เจ้าหน้าที่ของรัฐทางด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพื่อที่จะเตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้
***เปิด3เป้าหมายหลัก
       เป้าหมายของเราก็คือ ประการแรก เราจะดูแล รักษาสถานที่สำคัญทางราชการ และสถานที่สำคัญ จะมีการเตรียมกำลัง ซึ่งจะผสมผสานกันระหว่างตำรวจกับทหาร และฝ่ายท้องถิ่น ที่จะช่วยดูแลไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายในเรื่องของการบุกรุกสถานที่ราชการ สังคมนั้นพึงที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้นำสถาบันองคมนตรี หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้ามาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง เรามีหน้าที่ในการที่จะปกป้องคุ้มครองสถาบันหลัก ปกป้องคุ้มครองคนดี ปกป้องคุ้มครองผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และที่สำคัญคือรักษาความสงบเรียบร้อย       
       ประการที่ 2 การชุมนุมซึ่งมีการพูดกันว่าจะมีการนำคนจำนวนมากเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบในเรื่องของการสัญจรไป-มา คือการจราจร ผมก็ขอให้ความมั่นใจว่า เราจะมีการเตรียมความพร้อม ดูแลอำนวยความสะดวกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะให้การจราจรได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการตกลงกันว่า หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐทั้งหลาย ก็จะใช้เครือข่ายวิทยุกระจายเสียง เครือข่ายอื่นๆ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรไป-มาใช้รถใช้ถนนทราบอยู่ตลอดเวลาว่า พื้นที่ไหนบ้างที่พึงหลีกเลี่ยง และรัฐบาลก็จะดูแลให้ผลกระทบต่อการจราจรนั้นน้อยที่สุด
       
      ประเด็นที่ 3 ก็คือ ในส่วนของการดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง ผมทราบว่าความเห็นที่แตกต่างย่อมหมายถึงการมีกลุ่มมวลชน ซึ่งอาจจะมีความคิดที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวพร้อมๆ กัน หรือในสถานที่เดียวกัน ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ผมขอความกรุณาทุกฝ่าย อยากจะแสดงออกนั้นสามารถทำได้ แต่อย่าเข้ามาแล้วทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการปะทะกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะดูแล จะขอให้การชุมนุมที่มีความเห็นไม่ตรงกันไม่เข้ามาอยู่ในระยะซึ่งเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการเผชิญหน้า การปะทะกัน อันนำไปสู่ความรุนแรงหรือความสูญเสีย ในเรื่องของเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนคนไทย
       
       ถ้าเป็นไปได้ ผมเรียนว่าหนทางในการแสดงออกถึงความรู้สึก ความคิดเห็นต่างๆ มีมาก โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำไปสู่ความเสี่ยงในเรื่องของการปะทะกัน

       ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเรียนยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยไม่มีความจำเป็นใดๆ ในขณะนี้ที่จะต้องไปใช้กฎหมายพิเศษ ความเป็นเอกภาพของหน่วยงานต่างๆ นั่นหมายความว่า ทางตำรวจจะเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องเป็นหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ก็ได้ร้องขอเพื่อให้ทางทหาร หน่วยงานอื่นๆ เช่น ท้องถิ่น หรือฝ่ายปกครอง หรืออาสาสมัครต่างๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยได้ โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษแต่ประการใด
       
       ตรงนี้ก็ขอเรียนว่า เพื่อที่จะให้ภาพลักษณ์ของบ้านเมืองเรานั้นเป็นไปด้วยดี และสามารถที่จะคลี่คลายปัญหาได้โดยไม่มีข้อครหาใดๆ ทั้งสิ้น ที่อาจจะนำไปสู่ความคิดความอ่านว่า รัฐบาลนั้นต้องการอำนาจพิเศษเพื่อที่จะใช้ความรุนแรงหรือมาตรการใดๆ
**ยันแผนรับมือพร้อม100%
       “ผมย้ำว่า การวางแผนทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีความพร้อม 100%และขอยืนยันว่า จากการทำงานไม่ใช่เฉพาะแค่ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ตลอดอายุการทำงานของผม ในฐานะนักการเมือง สิ่งที่ผมไม่ต้องการเห็นที่สุดคือความสูญเสียของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะมีความคิดความอ่าน หรืออยู่ฝ่ายใด เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะยึดแนวทางของความนุ่มนวลของการทำงาน ที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียใดๆ
       
       แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ของบ้านเมืองถ้านำไปสู่ สิ่งที่เรียกว่า สงคราม หรือการจลาจล รัฐบาลก็จะอยู่เฉยไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการ แต่เราจะดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย ด้วยความเด็ดขาด
       
       “ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ดังนั้นในช่วงระยะเวลาวันที่ 8 เมษายนเป็นต้นไปนั้น ขอให้พี่น้องได้มีความสบายใจในระดับหนึ่ง ถ้าบ้านเมืองของเราผ่านเหตุการณ์ช่วงนี้ไปได้ ะการแก้ไขปัญหาอื่นๆก็จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล นั่นหมายถึงว่าประเทศไทยของเราซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมอาเซียน +3 อาเซียน +6 จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ได้ฟื้นตัวขึ้นมานับตั้งแต่ต้นปีนี้ จนเป็นที่เชื่อมั่นของประชาคมโลก       
       แน่นอนครับสำหรับผู้ที่ชุมนุมผมได้ยืนยันมาตลอดว่าท่านมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออก และผมยังยืนยันเหมือนเดิมครับว่า ข้อเรียกร้องของท่านที่มีเหตุมีผล ไม่ว่าจะเป็นความกังวลของท่านว่า รัฐบาลจะไปเลือกปฏิบัติในคดีความต่างๆ นั้น รัฐบาลได้ยินเสียงท่าน ยอมรับเหตุผลของท่าน และก็จะมุ่งมั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าเราจะไม่เลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มใดทั้งสิ้น
 แต่ถ้าการเรียกร้องชุมนุมนั้นส่งผลต่อความมั่นคง ส่งผลต่อสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลต่อการนำความขัดแย้งขยายวงไปสู่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือสถาบันที่พวกเราทุกคนเคารพเทิดทูน รัฐบาลก็วางเฉยไม่ได้ และจะดำเนินการเด็ดขาดภายใต้กรอบของกฎหมาย       

**เสื้อแดงหมิ่นเบื้องสูงจะฝ่อไปเอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่กังวลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วีดีโอลิงก์โจมตีองคมนตรี แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ปลุกคนเสื้อแดงออกมา เคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบัน ทำให้คนไทยเสียความรู้สึก ซึ่งเราไม่อยากให้คนไทย มีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ตนเชื่อว่าในที่สุดคนส่วนใหญ่ได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจน แต่คนจำนวนไม่กี่หมื่นคนคงจะฝ่อไปเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เนื้อหาการวีดีโอลิงก์ของพ.ต.ท.ทักษิณกระทบความมั่นคง ของชาติหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามป้องกกันเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงได้มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ ใหญ่บ้าน ได้ไปประชุมและชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจข้อเท็จจริง ทั้งนี้เราไม่ได้ทำเพื่อความมั่นคงของรัฐบาล แต่เราดูแล ความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ต้องชี้แจงผู้ใต้บังคับบัญชา ครอบครัว ให้ทราบข้อเท็จจริง อย่างตกเป็นเหยื่อ มายุยงปลุกปั่น
ส่วนการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เมษายนนี้ คิดว่าจะมีพลังอะไรมาทำให้สถานการณ์ แตกหักอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณคิดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าตนมั่นใจในความเป็น คนไทยในความรักความสามัคคีของคนไทย ไม่มีใครจะมาเปลี่ยนแปลงได้ ใครที่คิดจะโค่นล้มระบบการปกครอง เปลี่ยนรูปแบบการปกครองใหม่ มันเป็นไปไม่ได้ คนเหล่านั้นเพ้อฝันไป คนไทยเขาไม่ยอม เรายอมรับในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ที่เป็นสุดวิเศษเลิศเลอที่สุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าการแก้ปัญหาจะซ้ำรอยพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยจริง ๆ จะมีกี่หมื่น ก็แล้วแต่ หากเปรียบเทียบกับคน 60 กว่าล้านคน มันคนละย่างกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าหลังเทศกาลสงกานต์ปัญหาจะยุติหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ชุมนุมซึ่งเราไม่ได้ใช้วิธีการปราบปราม เราพยายามดูแลไม่ให้เกิด ความรุนแรงเท่านั้นเอง
“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้กล้าๆ กลัวๆ ในการบังคับใช้กฎหมาย เราทำอย่างเต็มที่ เช่น เมื่อผู้ชุมนุมมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เราก็ถือว่ามาชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ก็เป็นสิทธิ์ที่จะชุมนุมได้ แต่การที่ปิดทางไม่ให้ข้าราชการเข้าไปทำงาน มีการตรวจค้นคนอื่นแทนที่รัฐบาลจะใช้กำลังเข้าไปสลาย เราก็ไม่ทำแต่ไปฟ้องศาล หากซึ่งศาลมีคำสั่งให้เปิดทาง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ทำไม่ปฏิบัติตาม เราก็ไม่ใช้กำลัง แต่กลับไปฟ้องศาลใหม่ ศาลก็สั่งให้กรมบังคับคดี มาบังคับคดี ซึ่งตอนนี้เราก็รออยู่ ซึ่งจะมาบังคับคดีในวันที่ 7 เมษายน” นายสุเทพกล่าว

**มท.ประเมินเสื้อแดงไม่ถึงแสน
นายถาวร เสนอเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวว่า จากการประเมินของกระทรวงมหาดไทย คิดว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่น่าจะถึงแสนคน เพราะเท่าที่กระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่ ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนก็ถือว่าเราเข้าถึงและประสบความสำเร็จพอสมควร ประชาชนมีความเข้าใจข้อเท็จจริงมากขึ้นว่า สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มการเมือง ของระบอบทักษิณทำเป็นการทำลายบ้านเมืองอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเท่าที่ทราบมีบางจังหวัดที่ยังน่าเป็นห่วงบ้าง แต่ก็ไม่มากเช่น จ.อุดรธานี คงจะมีคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุม ไม่เกินพันคน
ส่วนที่มีกลุ่มคนรักป๋าเปรมในจังหวัดต่างๆ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวนั้น มั่นใจว่าจะไม่เกิดการปะทะกันกับคนเสื้อแดง เพราะกลุ่มคนรักป๋าเปรมเพียงแต่ต้องการแสดงออก เพื่อทบทวนความจำถึงคุณูปการของพล.อ.เปรมที่ทำคุณประโยชน์ไว้กับบ้านเมือง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะป้องกันไม่ให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
“ผมมั่นใจว่าการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย. จะไม่นำไปสู่การนองเลือด เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มเครือข่ายระบอบทักษิณจะต้องมีอันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมแน่นอน เหมือนในอดีตตั้งแต่พรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค พ.ต.ท.ทักษิณถูกศาลพิพากษาจำคุก คนที่รับใช้ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณก็ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง จนกระทั่งมาถึงพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค”
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การวีดีโอลิงก์อย่างมีอารมย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ต่อ พล.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิช องคมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความน่าเชื่อถือ ในเรื่องความเป็นกลางทางการเมืองในสังคมมาก ดังนั้น สังคมก็น่าที่จะชั่งน้ำหนักและให้ความเชื่อถือกับบุคคลเหล่านี้มากกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไท กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 8 เม.ย.นี้ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณได้ประกาศเป็นผู้บัญชาการม็อบที่จะรบกันแตกหักด้วยตัวเอง ให้นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นประธานการประชุม นั่งหัวโต๊ะสั่งการให้คนใน พรรคเพื่อไทยระดมคนเข้าร่วมชุมนุมอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าการชุมนุมในครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่มีเดิมพันสูงระหว่างสถาบันกับระบอบทักษิณ ดังนั้น อยากถามใจ ประชาชนคนไทยทั้งชาติว่า วันนี้คนไทยพร้อมแล้วหรือยังที่จะเลือกระหว่างสถาบันสูงสุดกับระบอบทักษิณ ให้อยู่คู่กับบ้านเมืองต่อไป

** “นช.แม้ว”ส่งทนายฟ้อง”พิจิตร”หมิ่น
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าแจ้งความดำเนินคดี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ที่ สน.พระราชวัง กทม.ข้อหาหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากวันที่ 3 เมษายน พล.อ.พิจิตร ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าคิดล้มล้างสถาบันเและนำเงินไปฟอกที่เกาะเคย์แมน ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงได้รวบรวมคำสัมภาษณ์ดังกล่าวในหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน และหากตำรวจดำเนินคดีล่าช้า ก็จะยื่นฟ้องศาลอาญาเพิ่มอีกคดี
ด้านพ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวว่า ตามปกติ ในคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลระดับองคมนตรี ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ บช.น. จะต้องมีการพิจารณาแต่งตั้งพนักงานสอบสวนที่อาวุโสเข้ามารับผิดชอบ สำนวนคดี หรืออาจต้องตั้งคณะทำงานมาดูเป็นพิเศษ ส่วนในขั้นตอนการสอบปากคำ พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบอาจไม่จำเป็นต้องเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาให้การที่โรงพัก โดยอาจขอเข้าพบและสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาที่ไหนก็ได้

** “บิ๊กเสือ”เชิญอดีตทูตแจงข้อมูล
พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้สึกหวั่นวิตกที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องร้องหมิ่นประมาท เนื่องจากมั่นใจว่าสิ่งที่ตนพูด ทั้งเรื่องที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ล่วงเกินพระราชอำนาจและการฟอกเงินที่เกาะเคย์แมน ล้วนเป็นความจริง โดยเฉพาะประเด็นการฟอกเงินที่เกาะเคย์แมน ตนพร้อมจะเชิญ นายราล์ฟ บอยซ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่เป็นผู้ให้ข้อมูลดังกล่าวแก่ตน มาร่วมเปิดเผยรายละเอียดด้วย ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ นำเงินที่เกาะเคย์แมนไปใช้สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศด้วย
**เสื้อแดงลั่นเป้าหลักโค่นป๋าเปรม
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล เป็นไปอย่าง ทุลักทุเล หลังจากเกิดฝนตกอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยวานนี้ (6 เม.ย.) ก็เกิดฝนตกลงมาอีก ทำให้ม็อบคนเสื้อแดงซึ่งมีจำนวนไม่มาก ต่างวิ่งหลบฝนตามเต็นท์ต่างๆ ซึ่งจากการสอบถามผู้ชุมนุมต่างยอมรับว่าตั้งแต่ฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้สุขภาพแย่ ซึ่งต่างก็ต้องไปขอยาแก้ไข ยาแก้ท้องเสีย และยาเจ็บคอ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้องแดง แถลงว่า จากนี้คนเสื้อแดงจะเน้นรณรงค์ให้ประชาชนออกมาชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อโค่นล้ม พล.อ เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ รวมทั้งระบอบอำมาตยาธิปไตย ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญกว่าการขับไล่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในคืนนี้ (6 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ จะงดวีดีโอลิงก์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเดินทาง แต่ในวันที่ 7 เม.ย. จะกลับมาวิดีโอลิงค์ตามปกติ
ส่วนที่ พล.อ.เปรม ระบุว่ากลุ่มคนเสื้อแดงวิจารณ์บุคคลใกล้ชิดสถาบันถือเป็นการบั่นทอนสถาบันเบื้องสูงนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมีความ เคารพและศรัทธาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราไม่เคยคิดที่จะโค่นล้มสถาบันตามที่ถูกกล่าวหา หากเราไม่จงรักภักดีคงไม่สามารถชุมนุมได้ต่อเนื่อง โดยสิ่งที่ยืนยันคือจำนวนผู้ชุมนุม ที่มากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะตั้งแต่เวลา 18.00 - 24.00 น.
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การที่ทีมโฆษกประชาธิปัตย์ นำใบเสร็จค่าใช้จ่ายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงมาแสดง ซึ่งไม่รู้นำมาจากที่ใด เป็นเกมการเมืองเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่มเสื้อแดง ตนยืนยันว่า ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดได้รับเงินค่าจ้าง ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ กลัวเงาและทุกอย่างที่ เกี่ยวเนื่องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ การออกมาตีกันการเข้าสู่การเมืองของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่กลุ่มเสื้อแดงไม่เคยพาดพิงถึงนายสุรบถ หลีกภัย ลูกชายนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หรือลูกหลานของนักการเมืองพรรคอื่น ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจะไม่มีผลให้พรรคประชาธิปัตย์แข็งแกร่งทางการเมือง

**ส่งตร.-ทหารอารักขาบ้านป๋า
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. โฆษก บช.น.กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. ผบก.น.1-9 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมิน สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังหน้าบ้านสี่เสา เทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจากการข่าวเบื้องต้นคาดว่าอาจจะมีผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน
“ขณะนี้ ยอดผู้ชุมนุมยังไม่นิ่ง คงต้องรอดูประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และที่จะมาสมทบจากต่างจังหวัด ในส่วนของเราก็เตรียมแผนดูแลความสงบเรียบร้อย ของกลุ่มผู้ชุมนุม และสถานที่ราชการ รวมทั้งสั่งการให้แต่ละท้องที่ตั้งด่านตรวจตราดู แลระวังไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาสอดแทรก ส่วนที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ได้จัดกำลัง 15 กองร้อย หรือ 2,250 นายไว้คอยดูแลในพื้นที่ ส่วนของทหาร ก็มีการร้องขอโดยจะอยู่ภายในบ้านพักและสถานที่ราชการของทหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น