วานนี้ ( 6 เม.ย.) รศ.ดร. ทวิช จิตรสมบูรณ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่ากลุ่มนักวิชาการผู้ห่วงใยสันติสุขสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ เป็นจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน เรื่อง“ข้อคิดเห็นเพื่อสร้างเสริมสันติสุขในสังคมไทย” กรณีกระทำการปลุกระดมสร้างความขัดแย้ง แตกแยกของประชาชนและทำลายชาติบ้านเมือง รวมทั้งพาดพิงในทางเสื่อมเสียต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพของประชาชน ผ่านเวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กรุงเทพฯอยู่ในขณะนี้
เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่าการวิดีโอลิงก์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่โจมตีรัฐบาล และองคมนตรีนั้น ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกในกลุ่มต่างๆของประชาชน จึงขอเสนอข้อคิดเห็นให้พ.ต.ท.ทักษิณ พิจารณา ดังนี้
1.ในฐานะที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับการยกย่อง นับถือ หากยังมัวเมา ลุ่มหลงในประโยชน์ส่วนตน จนเจตนากระทำการใดเพื่อก่อเกิดความขัดแย้งในกลุ่มต่างๆ ของประชาชน โดยเฉพาะการกล่าวพาดพิงในทางเสื่อมเสียต่อสถาบัน อันเป็นที่เคารพของประชาชน ก็ย่อมหมดความชอบธรรม ที่จะได้รับการยกย่องจากสังคมอีกต่อไป พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะได้มีสติ สัมปชัญญะ และเลิกกระทำการที่ไม่ถูกต้องนั้น
2.การที่ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ และมีความร่ำรวยอย่างรวดเร็วนั้น ส่วนหนึ่งเป็น เพราะศาลไทย ได้เมตตาตัดสินให้ท่านพ้นผิด ต่อคดีปิดบังทรัพย์สิน ทั้งที่มีพยานหลักฐานพร้อมมูลว่ามีความผิดจริงตามหลักนิติศาสตร์ หากศาลตัดสินให้ท่านผิดตามรูปคดี ท่านก็คงหมดสิทธิ์เป็นนายกฯ อาจหมดสิทธิ์ร่ำรวยอย่างรวดเร็วกว่าปกติ และหมดสิทธิ์ถูกรัฐประหาร จนต้องมากล่าวโทษประนาม ศาลที่เคยเมตตาท่านมา อยู่จนทุกวันนี้ ด้วยวุฒิภาวะของอดีตนายกฯ ที่เคยได้รับคุณานิสงส์มหาศาลจากกระบวนการศาลไทย และสังคมไทย ท่านมิพึงกล่าวโทษให้ร้ายศาลไทย และประเทศไทยอีกต่อไป ทั้งในเวทีชาติ และเวทีนานาชาติ มิฉะนั้นแล้วท่านอาจได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็นนายกฯ เพียงคนเดียวที่เนรคุณ
3.ท่านเคยเป็นนายกฯ ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจากทุกฝ่าย แต่บัดนี้บรรดาปราชญ์ที่เคยสนับสนุนท่าน ต่างพากันติเตียนท่านเกือบหมดสิ้น ท่านพึงตระหนักในคำสอนขององค์ศาสดาว่า หลักการตัดสินว่าสิ่งใดไม่ถูกต้องนั้น ให้ยึดการติเตียนของปราชญ์เป็นสำคัญ ท่านจึงควรน้อมรับฟังคำติเตียนของปราชญ์ เพื่อนำมาปรับปรุงตน และพึงเลิกคบคนพาลเป็นมิตร ก็จักเป็นมงคลแก่ชีวิตท่านตามหลักคำสอนของศาสนา จนกว่าผืนดินจะกลบหน้าท่าน
*ชาวพิษณุโลกจี้จัดการพวกจาบจ้วงด่วน
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก เช้าวานนี้ ( 6 เม.ย.) พ่อค้า ประชาชน ตำรวจ หทาร และเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด กว่า1,000 คน ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก และยังเคลื่อนขบวนรณรงค์ไปรอบตัวเมืองพิษณุโลก และ ในช่วงบ่าย ได้ ยื่นหนังสือถึง นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เรียกร้องให้ทหาร- หน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่จาบจ้วงสถาบันฯ อย่างเด็ดขาด
* รวมพลังป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์
นอกจากนี้ ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ หลังจากประกอบพิธี วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ เสร็จสิ้นลง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชน ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ถึงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมการปกรองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พร้อมประกาศต่อสู้กับบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี และละเมิดต่อสถาบันฯ ด้วย
ที่ จ.มหาสารคาม นายสังคม อัตถากร นายอำเภอเมืองมหาสารคาม พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนกว่า 300 คน ยื่นแถลงการณ์ต่อ นายทองทวี พิมเสน ผวจ.หาสารคาม เพื่อแสดงเจตนารมณ์ถึงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมการปกรองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมต่อสู้กับบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี และละเมิดต่อสถาบันฯ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า จะร่วมกันสร้างความดี และความสงบสุขเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน โดยกลุ่มพลังมวลชนในจังหวัดมหาสารคาม จะปฏิบัติการต่อต้าน และต่อสู้จนกว่าพวกประสงค์ร้ายต่อชาติบ้านเมือง จะหมดสิ้นไป
ที่จ.หนองคาย นายกวี กิตติสถาพร ผวจ.หนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และนำผู้ร่วมงานซึ่งเป็นข้าราชการทุกหมู่เหล่า พลเรือน และประชาชนชาวหนองคาย กล่าวคำปฏิญาณตน เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีใจความว่า "เราคนไทย ต้องรู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราคนไทย ต้องปฏิบัติตน อยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลัก ความสงบ ความสันติ และรู้รัก สามัคคี เราคนไทย ต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยชีวิต"
ขณะที่ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานนำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชนใน จ.เชียงใหม่ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัคร ประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อปลุกพลัง สร้างจิตสำนึกความจงรักภักดี เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ตระหนักถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเน้นการต่อต้านการละเมิดกฎหมาย การสร้างความเข้าใจ และรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันปกป้องสถาบันด้วยความสงบ สันติ สามัคคี และกล่าวคำปฏิญาณถวายความจงรักภักดี
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.นครศรีธรรมราช นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สมาคม และกลุ่มองค์กรต่างๆ ในจังหวัด ร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณ ประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อให้เกิดความสงบ ความสันติ และความสามัคคีในแผ่นดิน ใจความว่า
“เราคนไทย ต้องรู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราคนไทยต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลัก ความสงบ ความสันติ และรู้รักสามัคคี เราคนไทย ต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต"
ที่จ.ระนอง หลังประกอบพิธีเนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ณ โรงยิมเนเซียมสนามกีฬา จ.ระนอง นางสาวจิตรา พรหมชุติมา รอง ผวจ.ระนอง เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ ตามโครงการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติเพื่อให้ข้าราชการทุกสังกัด หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง และพี่น้องประชาชนชาวระนอง ได้ตระหนักถึงความสำคัญ สร้างความรัก ความสันติ ความสงบ ความสามัคคีและความสมานฉันท์เพื่อทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งรอยยิ้ม และภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอให้ยึดมั่นในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยให้เทิดทูนไว้ เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม
รองผวจ.ระนอง ได้กล่าวนำปฏิญาณตนว่า เราคนไทยต้องรู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราคนไทย ต้องปฏิบัติตน อยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลัก ความสงบความสันติและรู้รัก สามัคคี เราคนไทย ต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ยะลา ที่บริเวณหน้าบ้านพัก นายกฤษฎา บุญราช รองผวจ.ยะลา ถนนสุขยางค์ ในเขตเทศบาล นครยะลา ได้มีการขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ ข้อความว่า ข้าพเจ้าจะจงรักภักดี และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ลงชื่อ นายกฤษฏา บุญราช เพื่อแสดงความจงรักภักดี และประกาศปกป้องไม่ให้ใครมาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างเด็ดขาด
เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่าการวิดีโอลิงก์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่โจมตีรัฐบาล และองคมนตรีนั้น ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกในกลุ่มต่างๆของประชาชน จึงขอเสนอข้อคิดเห็นให้พ.ต.ท.ทักษิณ พิจารณา ดังนี้
1.ในฐานะที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับการยกย่อง นับถือ หากยังมัวเมา ลุ่มหลงในประโยชน์ส่วนตน จนเจตนากระทำการใดเพื่อก่อเกิดความขัดแย้งในกลุ่มต่างๆ ของประชาชน โดยเฉพาะการกล่าวพาดพิงในทางเสื่อมเสียต่อสถาบัน อันเป็นที่เคารพของประชาชน ก็ย่อมหมดความชอบธรรม ที่จะได้รับการยกย่องจากสังคมอีกต่อไป พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะได้มีสติ สัมปชัญญะ และเลิกกระทำการที่ไม่ถูกต้องนั้น
2.การที่ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ และมีความร่ำรวยอย่างรวดเร็วนั้น ส่วนหนึ่งเป็น เพราะศาลไทย ได้เมตตาตัดสินให้ท่านพ้นผิด ต่อคดีปิดบังทรัพย์สิน ทั้งที่มีพยานหลักฐานพร้อมมูลว่ามีความผิดจริงตามหลักนิติศาสตร์ หากศาลตัดสินให้ท่านผิดตามรูปคดี ท่านก็คงหมดสิทธิ์เป็นนายกฯ อาจหมดสิทธิ์ร่ำรวยอย่างรวดเร็วกว่าปกติ และหมดสิทธิ์ถูกรัฐประหาร จนต้องมากล่าวโทษประนาม ศาลที่เคยเมตตาท่านมา อยู่จนทุกวันนี้ ด้วยวุฒิภาวะของอดีตนายกฯ ที่เคยได้รับคุณานิสงส์มหาศาลจากกระบวนการศาลไทย และสังคมไทย ท่านมิพึงกล่าวโทษให้ร้ายศาลไทย และประเทศไทยอีกต่อไป ทั้งในเวทีชาติ และเวทีนานาชาติ มิฉะนั้นแล้วท่านอาจได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็นนายกฯ เพียงคนเดียวที่เนรคุณ
3.ท่านเคยเป็นนายกฯ ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจากทุกฝ่าย แต่บัดนี้บรรดาปราชญ์ที่เคยสนับสนุนท่าน ต่างพากันติเตียนท่านเกือบหมดสิ้น ท่านพึงตระหนักในคำสอนขององค์ศาสดาว่า หลักการตัดสินว่าสิ่งใดไม่ถูกต้องนั้น ให้ยึดการติเตียนของปราชญ์เป็นสำคัญ ท่านจึงควรน้อมรับฟังคำติเตียนของปราชญ์ เพื่อนำมาปรับปรุงตน และพึงเลิกคบคนพาลเป็นมิตร ก็จักเป็นมงคลแก่ชีวิตท่านตามหลักคำสอนของศาสนา จนกว่าผืนดินจะกลบหน้าท่าน
*ชาวพิษณุโลกจี้จัดการพวกจาบจ้วงด่วน
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก เช้าวานนี้ ( 6 เม.ย.) พ่อค้า ประชาชน ตำรวจ หทาร และเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด กว่า1,000 คน ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก และยังเคลื่อนขบวนรณรงค์ไปรอบตัวเมืองพิษณุโลก และ ในช่วงบ่าย ได้ ยื่นหนังสือถึง นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เรียกร้องให้ทหาร- หน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่จาบจ้วงสถาบันฯ อย่างเด็ดขาด
* รวมพลังป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์
นอกจากนี้ ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ หลังจากประกอบพิธี วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ เสร็จสิ้นลง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชน ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ถึงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมการปกรองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พร้อมประกาศต่อสู้กับบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี และละเมิดต่อสถาบันฯ ด้วย
ที่ จ.มหาสารคาม นายสังคม อัตถากร นายอำเภอเมืองมหาสารคาม พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนกว่า 300 คน ยื่นแถลงการณ์ต่อ นายทองทวี พิมเสน ผวจ.หาสารคาม เพื่อแสดงเจตนารมณ์ถึงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมการปกรองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมต่อสู้กับบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี และละเมิดต่อสถาบันฯ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า จะร่วมกันสร้างความดี และความสงบสุขเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน โดยกลุ่มพลังมวลชนในจังหวัดมหาสารคาม จะปฏิบัติการต่อต้าน และต่อสู้จนกว่าพวกประสงค์ร้ายต่อชาติบ้านเมือง จะหมดสิ้นไป
ที่จ.หนองคาย นายกวี กิตติสถาพร ผวจ.หนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และนำผู้ร่วมงานซึ่งเป็นข้าราชการทุกหมู่เหล่า พลเรือน และประชาชนชาวหนองคาย กล่าวคำปฏิญาณตน เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีใจความว่า "เราคนไทย ต้องรู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราคนไทย ต้องปฏิบัติตน อยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลัก ความสงบ ความสันติ และรู้รัก สามัคคี เราคนไทย ต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยชีวิต"
ขณะที่ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานนำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชนใน จ.เชียงใหม่ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัคร ประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อปลุกพลัง สร้างจิตสำนึกความจงรักภักดี เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ตระหนักถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเน้นการต่อต้านการละเมิดกฎหมาย การสร้างความเข้าใจ และรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันปกป้องสถาบันด้วยความสงบ สันติ สามัคคี และกล่าวคำปฏิญาณถวายความจงรักภักดี
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.นครศรีธรรมราช นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สมาคม และกลุ่มองค์กรต่างๆ ในจังหวัด ร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณ ประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อให้เกิดความสงบ ความสันติ และความสามัคคีในแผ่นดิน ใจความว่า
“เราคนไทย ต้องรู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราคนไทยต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลัก ความสงบ ความสันติ และรู้รักสามัคคี เราคนไทย ต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต"
ที่จ.ระนอง หลังประกอบพิธีเนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ณ โรงยิมเนเซียมสนามกีฬา จ.ระนอง นางสาวจิตรา พรหมชุติมา รอง ผวจ.ระนอง เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ ตามโครงการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติเพื่อให้ข้าราชการทุกสังกัด หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง และพี่น้องประชาชนชาวระนอง ได้ตระหนักถึงความสำคัญ สร้างความรัก ความสันติ ความสงบ ความสามัคคีและความสมานฉันท์เพื่อทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งรอยยิ้ม และภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอให้ยึดมั่นในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยให้เทิดทูนไว้ เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม
รองผวจ.ระนอง ได้กล่าวนำปฏิญาณตนว่า เราคนไทยต้องรู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราคนไทย ต้องปฏิบัติตน อยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลัก ความสงบความสันติและรู้รัก สามัคคี เราคนไทย ต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ยะลา ที่บริเวณหน้าบ้านพัก นายกฤษฎา บุญราช รองผวจ.ยะลา ถนนสุขยางค์ ในเขตเทศบาล นครยะลา ได้มีการขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ ข้อความว่า ข้าพเจ้าจะจงรักภักดี และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ลงชื่อ นายกฤษฏา บุญราช เพื่อแสดงความจงรักภักดี และประกาศปกป้องไม่ให้ใครมาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างเด็ดขาด